(พิเศษให้ไทยอีนิวส์)
กรุงโคโญลน์ เยอรมัน : เมื่อวันที่ 24 มิถุนาฯ สถาบัน Stiftung Asienhaus (Asian House) ได้มีการจัดสัมนาวิชาการ Thailand Towards Absolutism รำลึกถึง 85 ปีอภิวัฒน์สยาม 2475
มีผู้สนใจเข้าห้องประชุมเต็มห้อง
Dr. Oliver Pye ผู้ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสัมมนาช่วงเช้าเป็นภาษาอังกฤษได้เล่าถึงรัฐบาลไทยมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งเรื่องการจัดสัมนาในวันนี้ ถึงกับส่งจดหมายแสดงความห่วงใยถึงกระทรวงต่างประเทศเยอรมัน โดย Dr. Pye ใช้คำว่าน่าจะเป็นความหวาดกลัวในความทรงจำของการอภิวัฒน์ 2475 เสียมากกว่า (Scare the memory of 1932)
Dr. Pye ชี้แจงเพิ่มเติมว่า Asienhaus ได้มีก่รประชุมและยังยืนหยัดที่จะจัดต่อ พร้อมทั้งได้ยื่นเรื่องประท้วงการขัดขวางการทำงานทางวิชาการของรัฐไทย
ในขณะเดียวกันก็ได้ชี้แจงว่า ทางสถาบันได้พร้อมที่จะรับมือกับผู้ที่มาประท้วง โดยจะจัดการทางกฎหมายแก่ผู้ที่เข้ามาก่อกวนอย่างเต็มที่ ทางการกรุงโคโญลน์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความปลอดภัย
Asienhaus ยังทราบอีกว่าทางการไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่สันติบาลเข้ามาสืบข่าว อย่างน้อย 2 นาย (ไทยอีนิวส์ได้ข่าวว่าทางการไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่มามากกว่านั้น) แต่ไม่มีใครได้เข้าร่วมฟังแต่อย่างใด
ตอนแรกทางสถาบันประเมินว่าอาจมีการประท้วงจากพวกนิยมเจ้า แต่ปรากฏว่าไม่มีใครมาประท้วง ซึ่งน่าเสียดายไม่มำการจ๊ะเอ๋เกิดขึ้น
Nocolas Glass ผู้อภิปรายท่านแรก เป็นสื่อมวลชนชาวเยอรมันได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในเมืองไทย ได้เล่าถึงสาเหตุที่ต้องย้ายการทำงานออกจากประเทศไทย เพราะทนกับการ Self censorship ไม่ได้
Glass ย้ำถึงความสำคัญของการเสนอความจริงในฐานะสื่อ หากทำไม่ได้ จะมีประโยชน์อันไดที่จะเป็นสื่อมวลชน
ส่วนประเด็นของความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์และทหารนั้นเป็น “Partnership of convenience” เหตุผลของการเป็น “หุ้นส่วน” ซึ่งกันและกันนี้ก็เพื่อ “Protect themselves” (ปกป้อง(ผลประโยชน์)ร่วมกัน)
ถ้าท่านผู้อ่านต้องการอรรถรสทั้งหมดของการสัมมนา สามารถฟังคลิปทั้งหมดได้ทั้ง 2 ภาค ที่ FB คุณAndrew MacGregor Marshall
https://www.facebook.com/zenjournalist
...
แผ่นโปสเตอร์ประท้วงรัฐไทยในงาน
Asienhaus ยังทราบอีกว่าทางการไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่สันติบาลเข้ามาสืบข่าว อย่างน้อย 2 นาย (ไทยอีนิวส์ได้ข่าวว่าทางการไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่มามากกว่านั้น) แต่ไม่มีใครได้เข้าร่วมฟังแต่อย่างใด
ตอนแรกทางสถาบันประเมินว่าอาจมีการประท้วงจากพวกนิยมเจ้า แต่ปรากฏว่าไม่มีใครมาประท้วง ซึ่งน่าเสียดายไม่มำการจ๊ะเอ๋เกิดขึ้น
...
Nocolas Glass ผู้อภิปรายท่านแรก เป็นสื่อมวลชนชาวเยอรมันได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในเมืองไทย ได้เล่าถึงสาเหตุที่ต้องย้ายการทำงานออกจากประเทศไทย เพราะทนกับการ Self censorship ไม่ได้
Glass ย้ำถึงความสำคัญของการเสนอความจริงในฐานะสื่อ หากทำไม่ได้ จะมีประโยชน์อันไดที่จะเป็นสื่อมวลชน
ส่วนประเด็นของความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์และทหารนั้นเป็น “Partnership of convenience” เหตุผลของการเป็น “หุ้นส่วน” ซึ่งกันและกันนี้ก็เพื่อ “Protect themselves” (ปกป้อง(ผลประโยชน์)ร่วมกัน)
Glass ยังเห็นว่า หากมีการขยับไปสู Absolutism คงเป็น Absolute monarchy มากกว่า ซึ่งน่าเสียดายมาก หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นการนำประเทศไทยสู่ Dark age สถาบันประชาธิปไตยจะถูกทำลายหมด
Glass ยังเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอออกไปทำงาน 2 วันหลังการปฏิวัติล่าสุด ผู้ที่มาประท้วงท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์น้ำตานองหน้าว่า ต่อนี้ไปจะเป็นยุคที่น่าเศร้าที่สุด (sad time)
Glass ให้ความเห็นว่าการรัฐประหารล่าสุด เป็นการกระทำร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายระบบทักษิณให้สิ้นทราก ซึ่งเป็นการสุมหัวกันกระทำอย่างต่อเนื่องจากพันธมิตรฯ ตุลาการภิวัฒน์ กปปส. ทหาร
ต่อคำถามที่ว่า “who is in charge” เธอได้ย้อนถามว่าใครละที่ “หิว”อำนาจ (who is power hungry)
Glass ยังเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอออกไปทำงาน 2 วันหลังการปฏิวัติล่าสุด ผู้ที่มาประท้วงท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์น้ำตานองหน้าว่า ต่อนี้ไปจะเป็นยุคที่น่าเศร้าที่สุด (sad time)
Glass ให้ความเห็นว่าการรัฐประหารล่าสุด เป็นการกระทำร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายระบบทักษิณให้สิ้นทราก ซึ่งเป็นการสุมหัวกันกระทำอย่างต่อเนื่องจากพันธมิตรฯ ตุลาการภิวัฒน์ กปปส. ทหาร
ต่อคำถามที่ว่า “who is in charge” เธอได้ย้อนถามว่าใครละที่ “หิว”อำนาจ (who is power hungry)
ในขณะเดียวกัน ทหารพร้อมที่จะ isolate the king if necessary
การนองเลือดในอดีต สามารถเกิดขึ้นได้อีก
ผู้พูดคนที่สองคือ Andrew Macgregor Marshall ตั้งข้อสังเกตุว่า การพูดความจริงด้วยความจริงใจ (truth) หรือของการแสดงออกทางความคิด (speak your mind) ไม่มีความหมายหรือมีความสำคัญในสังคมไทย (truth does not help us, 112 not about truth)
Andrew ตั้งข้อสังเกตุว่า กษัตริย์กำลังเพิ่มอำนาจให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง แลผลสุดท้าย elite จะรู้สึก
ปัญหาทั้งมวลเพราะ Thainess นี่แหละ
ท่านสุดท้ายในช่วเช่าคือ อ.ใจ อึ๊งภากรณ์ เห็นตรงกันข้าม
การนองเลือดในอดีต สามารถเกิดขึ้นได้อีก
ผู้พูดคนที่สองคือ Andrew Macgregor Marshall ตั้งข้อสังเกตุว่า การพูดความจริงด้วยความจริงใจ (truth) หรือของการแสดงออกทางความคิด (speak your mind) ไม่มีความหมายหรือมีความสำคัญในสังคมไทย (truth does not help us, 112 not about truth)
Andrew ตั้งข้อสังเกตุว่า กษัตริย์กำลังเพิ่มอำนาจให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง แลผลสุดท้าย elite จะรู้สึก
ปัญหาทั้งมวลเพราะ Thainess นี่แหละ
ท่านสุดท้ายในช่วเช่าคือ อ.ใจ อึ๊งภากรณ์ เห็นตรงกันข้าม
อ. ใจคิดว่าทหารเป็นผู้ถือบังเหียนทั้งหมด
การปฏิวัติ 2475 เป็น Unfinished Revolution
การปฏิวัติ 2475 เป็น Unfinished Revolution
ในตอนบ่ายเป็นการพูดเดี่ยวโดย อ.สมศักดิ์ เจียมน มีผู้เข้าร่วมมากว่าช่วงเช้า
ถ้าท่านผู้อ่านต้องการอรรถรสทั้งหมดของการสัมมนา สามารถฟังคลิปทั้งหมดได้ทั้ง 2 ภาค ที่ FB คุณAndrew MacGregor Marshall
https://www.facebook.com/zenjournalist
...
แผ่นโปสเตอร์ประท้วงรัฐไทยในงาน