วันอังคาร, มิถุนายน 20, 2560

วิศวกรยอมแล้ว "ไม่สามารถที่จะขัดแย้งคำสั่ง คสช.ได้” ทีดีอาร์ไอถามสปีดเทรน "คุ้มค่าหรือไม่"

ทีดีอาร์ไอถามไฮสปีดกรุงเทพฯ-โคราช คุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่วิศวกร “ยอมแล้ว” ให้ใช้ ม.๔๔ วิศวกรจีนไม่ต้องสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม เรียกวิศวกรรมสถานเข้าพบ จากการที่สมาคมวิชาชีพแสดงอาการไม่เห็นพ้องกับการใช้มาตรา ๔๔ ครั้นเมื่อหลังจากคุยกันชั่วโมงกว่า ตัวแทนวิชาชีพออกมาแถลงแสดงความพอใจ “ทางไทยจะพยายามรักษากฎหมายวิศวกรอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันไม่สามารถที่จะขัดแย้งคำสั่ง คสช.ได้

นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร ชี้แจงว่า “วิธีการดีที่สุด คือทำให้ทางการจีนมีความรู้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นการรับประกันด้านความปลอดภัยในการดำเนินงาน



นั่นคือวิศวกรจีนที่เข้ามาทำโครงการรถไฟนี้ “จะต้องผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักสูตรที่คณะกรรมการ ฝ่ายที่กระทรวงคมนาคมจะจัดขึ้น

นอกจากนี้นายธเนศ วีระศิริ  นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ “ขอให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับวิศวกรรมสถานฯ มหาวิทยาลัยของรัฐ และสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง” ซึ่งนายวิษณุให้ความเห็นชอบ

แล้วยังอ้างด้วยว่าก่อนออกคำสั่ง ม.๔๔ “รัฐบาลได้หารือร่วมกับวิศวกรรมสถานและสภาสถาปนิกแล้ว...ขอให้เข้าใจว่าคำสั่งตามมาตรา ๔๔ เป็นเพียงคำสั่งที่กำหนดกรอบนโยบายเท่านั้น ยังคงต้องดูรายละเอียดที่การทำสัญญาอีกครั้ง


อย่างไรก็ดี วันนี้ (๒๐ มิ.ย.) ทีดีอาร์ไอได้ตีพิมพ์ข้อเสนอแนะต่อการที่รัฐบาลใช้ ม.๔๔ อำนวยความสะดวกในโครงการรถไฟไฮสปีดไทย-จีน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า

การใช้ มาตรา ๔๔ นี้ คงเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเพียงบางส่วน แต่ปัญหาหลักที่มีมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ คือความพยายามที่จะดำเนินโครงการ โดยใช้ขั้นตอนการทำงานที่ไม่เคยใช้ในไทยมาก่อน

คืออนุมัติให้เริ่มต้นก่อสร้างโครงการก่อนที่จะมีรายละเอียดทั้งหมดในการพิจารณา

และว่าโครงการใหญ่ๆ ของรัฐที่ผ่านมา มักจะมีความพร้อมเสียก่อนที่จะอนุมัติให้เริ่มต้นโครงการ เช่นมีการศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจการเงิน และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

อีกทั้งจากการที่รัฐบาลดำเนินการเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยจะมีรถไฟความเร็วสูง ๒ ระบบที่แตกต่างกัน คือของจีนและญี่ปุ่น อันมีเส้นทางซ้อนกันอยู่ช่วงหนึ่งจากบางซื่อถึงอยุธยา ที่ทางญี่ปุ่นแจ้งแล้วว่าไม่ต้องการใช้ระบบรางเดียวกับจีน ต้องการสร้างของตนเองใหม่

เช่นนี้ ทีดีอาร์ไอ จึงได้เสนอคำถาม ๕ ข้อ ให้รัฐบาล คสช. หาคำตอบให้ได้ก่อนอนุมัติให้เริ่มลงมือก่อสร้าง ได้แก่ ข้อแรกเลยทีเดียว “มีความจำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูงจริงหรือไม่” ถ้าจำเป็น ควรไหมต้องมีสองระบบแตกต่างกัน

นอกเหนือจากนั้น โครงการนี้ได้มีการศึกษารายละเอียดพร้อมแล้วหรือ โดยเฉพาะในส่วนของความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ได้มีการวิเคราะห์คาดการณ์เรื่องผู้โดยสารไว้อย่างไร

และสุดท้าย ได้มีการพิจารณาถึงโครงการรองรับ เช่น การพัฒนาเมือง พัฒนาระบบขนส่งในจุดที่ตั้งสถานีที่รถไฟผ่าน บ้างหรือไม่ อย่างไร

ทีดีอาร์ไอยังแนะด้วยว่า “รัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงรูปแบบการลงทุนต่างๆ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินโครงการยิ่งขึ้น


ดูแล้วสิ่งที่ทีดีอาร์ไอถามมาทั้งหมด คสช. ยังไม่ได้คิดทำ แต่ใช้อาญาสิทธิ์ ม.๔๔ ฟันเปรี้ยงไปแล้วประกาศให้จีนเข้ามาลงมือ โดยจะมีการประชุมกับทางจีนอีกครั้งในวันที่ ๒๑ มิ.ย. นี้

ปัญหาไม่เพียงอยู่ที่การเตรียม ไม่ พร้อม อาจก่อความผิดพลาด และเกิดความเสียหายระหว่างลงมือดำเนินการเท่านั้น

แต่การจะเอาให้ได้ ห้ามขัด เหมือนเด็กดื้อต้องการของเล่น อย่างเช่น เรือเหาะใช้การไม่ได้ เครื่องตรวจระเบิดถูกหลอก ยานหุ้มเกราะที่เขาเลิกทำ หรือเรือบรรทุกเครื่องบินที่ไม่มีเครื่องบินให้บรรทุก


เหล่านั้นเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียของ กองทัพ แต่คราวนี้ถ้าเกิดจะเสียของอีกครั้งเพราะการลุกลี้ลุกลน มูลค่ามันมหาศาลเสียยิ่งกว่าตอม่อโฮ้ปเวล หรือเสาโรงพัก ปชป. เพราะงานนี้ ๓๐ ปี ๓.๓ ล้านล้าน