วันอังคาร, มกราคม 24, 2560

ขบวนของผู้หญิง เพื่ออะไร? ยังไงต่อไป?

กานดา นาคน้อย
เพจมายด์ https://www.minds.com/kandainthai

23 มกราคม 2560


เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา    ผู้หญิงกว่า 1 ล้านคนได้ออกมาแสดงพลังด้วย“ขบวนของผู้หญิง” (Women’s March) ในกรุงวอชิงตันดีซีพร้อมๆกับที่ผู้หญิงอีกหลายล้านคนตามเมืองต่างๆทั่วประเทศและทั่วโลกได้ร่วมแสดงพลังพร้อมกัน   ในวันนั้นฉันอยู่ระหว่างเดินทางเลยไม่ได้ไปออกไปร่วมแสดงพลังด้วยขา  แต่ฉันก็ติดตามข่าวบนเครื่องบินและโพสต์ข่าวลงเพจมายด์พร้อมความคิดเห็นระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน   

เพื่ออะไร?

หลังการเดินทางสิ้นสุดลง  มิตรสหายท่านหนึ่งเขียนมาเล่าว่าผิดหวังกับเพื่อนคนไทยที่เรียกร้องประชาธิปไตยไทยแต่ตำหนิว่ากลุ่ม“ขบวนของผู้หญิง”ขัดขวางการปกครองระบอบประชาธิปไตย   ฉันตอบมิตรสหายท่านนั้นไปดังนี้   
  1. ไม่แปลกที่เพื่อนเขาไม่เข้าใจ   เพื่อนเขาเป็นแบบนี้กระบวนการประชาธิปไตยไทยถึงไม่ไปไหน
  2. ประชาธิปไตยคือกระบวนการ   ประชาธิปไตยไม่ใช่ทางลัดสั้นๆสักแต่ว่าเลือกตั้งแล้วก็รื่นเริงบันเทิงด้วยการช็อปปิ้งการดูหนังฟังเพลงสนุกสนานไปวันๆรอนักการเมืองประเคนชีวิตดีๆชิวๆ
  3. การแสดงพลังไม่ใช่การล้มเลือกตั้งแบบกปปส.ในไทย   มีการขออนุญาตใช้พื้นที่สาธารณะ    มีการขออนุญาตจอดรถบัส    ไม่ได้ลุกมาปิดถนนตามอำเภอใจแบบกปปส.   ไม่ได้เชื้อเชิญหรืออุ้มสมรัฐประหาร
  4. ระหว่างรอเลือกตั้งอีก 4 ปีข้างหน้าพลเมืองมีสิทธิประเมินประธานาธิบดี   การประท้วงครั้งนี้มีคนเข้าร่วมมากเพราะประธานาธิบดีทรัมป์เคยใช้วาจาเหยียดเพศและเหยียดคนพิการ    ในฐานะผู้หญิงฉันคิดว่าเป็นความน่าอับอายที่มีผู้นำที่ไม่รู้กาละเทศะและไม่เคารพสิทธิสตรี    ดังนั้นก็สมควรออกมาแสดงตัวเพื่อแสดงผลประเมินว่าเขาควรหยุดเหยียดหญิงและคนพิการ    อยากให้เปลี่ยนพฤติกรรมใน 4 ปีข้างหน้า
  5.   ครั้งนี้เป็นการแสดงพลังให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องคิดให้หนักถ้าอยากผลักดันนโยบายที่จำกัดสิทธิสตรี  เช่น สิทธิด้านการทำแท้ง    บรรดาชายที่สนับสนุนทรัมป์และอยากผลักดันนโยบายที่จำกัดสิทธิสตรีก็ต้องคิดให้หนักด้วย    อย่าคิดว่าชนะเลือกตั้งแล้วจะทำอะไรก็ได้
  6. ผู้หญิงที่ไม่เห็นด้วยกับ "ขบวนของผู้หญิง"ไม่อยากร่วมด้วยก็เป็นสิทธิของเขา   เพื่อนฉันบางคนกลัวแฟนไม่รักก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น    เลือกตั้งก็ลงคะแนนตามแฟนเพื่อเอาใจแฟน   เพื่อนบางคนโดนสอนว่าควรทำตัวว่าง่ายไม่งั้นจะหาสามีไม่ได้  ฯลฯ  ฉันคิดว่าผู้หญิงเติบโตมากับความกลัวสารพัดที่พ่อแม่ถ่ายทอดให้กลัว     เติบโตแล้วจะกลัวต่อไปหรือไม่ก็แล้วแต่จะเลือกกันเอง   นอกจากนี้ฉันคิดว่าผู้หญิงบางคนก็ไม่ได้อยากมีอิสระมีสิทธิมากมาย     บางคนอยากมีชีวิตสบายๆให้สามีเลี้ยงแค่นั้นไม่ว่าจะมีการศึกษาแค่ไหน    สำหรับผู้หญิงบางคนการเรียนมหาลัยไม่ใช่เพื่อฝึกทักษะสำหรับทำงานในอนาคตแต่เพื่อเข้าสังคมและหาสามี    ก็เป็นสิทธิของเขา    แต่เขาไม่มีสิทธิห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนอืนเรียกร้องสิทธิ
  7.  ฉันทำงานที่สหรัฐฯไม่เคยโดนเหยียดชาติพันธุ์เหมือนคนเอเชียยุคก่อน   แต่เคยโดนเหยียดเพศ   คงเพราะทำอาชีพในสายงานที่ผู้หญิงน้อยและผู้ชาย(ไม่ใช่แค่ชายอเมริกัน)ไม่เคยชินกับการแข่งขันแล้วแพ้ผู้หญิง   หรือไม่เคยชินกับการตอบโต้ด้วยเหตุผลกับผู้หญิง    ดังนั้นฉันมีประสบการณ์ตรงว่าสิทธิสตรีสำคัญต่อผลตอบแทนจากการทำงานและคุณภาพชีวิตจริง


ยังไงต่อไป?

ประชาธิปไตยคือกระบวนการไม่ใช่ทางลัดสั้นๆ    และกระบวนการที่สำคัญอยู่นอกโซเชียลมีเดีย    โซเชียลมีเดียทำได้เพียงช่วยสื่อสารเท่านั้น 

กระบวนการต่อไปคือการสื่อสารกับวุฒิสมาชิกและผู้แทนในเขตที่ตนอาศัยอยู่    อาทิ  สื่อสารด้วยการโทรศัพท์ไปหาวุฒิสมาชิกเพื่อแสดงความคิดเห็นด้วยเหตุผลว่าทำไมไม่อยากให้ใครได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน  ขอร้องให้เขาทบทวนตอนพิจารณารับรองตำแหน่งในวุฒิสภา   สื่อสารด้วยการส่งจดหมายหรือไปรษณียบัตรไปที่สำนักงานวุฒิสมาชิกและผู้แทนเพื่อแสดงความคิดเห็นว่าสิทธิสตรีอย่างไหนสำคัญอย่างไรและให้เหตุผลให้ชัดเจน  ฯลฯ   

ในเว็บไซต์ของ“ขบวนของผู้หญิง” (https://www.womensmarch.com/) ก็มีคำแนะนำกระบวนการขั้นต่อไป   และจะอัพเดทกระบวนการเคลื่อนไหวต่อไปในอนาคต   ผู้อ่านที่สนใจการเคลื่อนไหวนี้ก็สามารถติดตามได้ทีเว็บไซต์นี้