วันพุธ, กรกฎาคม 06, 2559

3.6 หมื่นล้านกับเรือดำน้ำ “Made in China” คุ้มจริงหรือ!!??





BY SARA BAD
ON JULY 4, 2016

ISPACE THAILAND

3.6 หมื่นล้านกับเรือดำน้ำ “Made in China” คุ้มจริงหรือ!!??


ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจ และเรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้เป็นอย่างมาก กับการออกมายืนยันของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กับแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนของกองทัพเรือ จำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท หรือลำละประมาณ 12,000 ล้านบาท





ซึ่งพล.อ.ประวิตร ก็ออกตัวว่าราคา 12,000 ล้านบาทนั้นถือว่าไม่แพง และสามารถผ่อนชำระได้ถึง 10 ปี สามารถใช้งานได้ยาวนาน ส่วนเรื่องเทคโนโลยีของจีนที่หลายฝ่ายยังมีข้อกังขาว่าสู้ชาติอื่นไม่ได้นั้น ตนรับรองว่ามันดีแล้ว ใช้ได้แน่นอน แล้วเป็นเทคโนโลยีใหม่

เมื่อถามว่า กองทัพเรือเคยมีกองเรือดำน้ำ แต่ถูกยุบไป เนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ชายฝั่งทะเลไทยมีความลึกไม่มาก แต่ทำไมถึงยังมีแผนจัดซื้ออีกในยุคนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทรัพยากรธรรมชาติฝั่งอันดามันของเรามีจำนวนมาก อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านเราก็ล้วนแต่มีเรือดำน้ำทั้งหมด เมียนมายังมีตั้ง 10 ลำ ซึ่งไม่ได้ซื้อเรือเก่าเลย





ตรงจุดนี้คาดว่าน่าจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะประเทศเมียนมานั้นยังไม่มีเรือดำน้ำแม้แต่ลำเดียว เพียงมีข่าวว่าเมียนมานั้นมีความต้องการที่จะจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยมีการเจรจาและให้ความสนใจเรือดำน้ำรุ่น Kilo ของรัสเซีย ในภูมิภาคอาเซียนนั้น ประเทศที่มีเรือดำน้ำในประจำการแล้วได้แก่ เวียนนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย

อย่างไรก็ตามการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในเรื่องของความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ รวมถึงคุณภาพของเรือดำน้ำจากประเทศจีนที่ถูกตั้งคำถามเปรียบเทียบกับเรือดำน้ำของประเทศอื่นๆ





ที่สำคัญหากย้อนกลับไปพิจารณาการสั่งซื้ออาวุธจากประเทศจีนของกองทัพไทย ก็พบว่าหลายครั้งที่เกิดปัญหาจากคุณภาพ เช่น China ที่รัฐบาลไทยจัดซื้อมาในช่วงปี 2530 จำนวนประมาณ 100 คัน ซึ่งรถถังรุ่นดังกล่าว

เป็นรุ่นที่จีนก็อปปี้มาจากรถถัง T-59 ของโซเวียต โดยหลังจากที่รถถัง Type 69II เข้าประจำการในกองทัพบก ก็ประสบปัญหาด้านอะไหล่และการซ่อมบำรุงเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเคยพังยกกองพันกันมาแล้ว

ชะตากรรมสุดท้ายของรถถังจีน Type 69II ของกองทัพไทย จึงไปจบที่การปลดประจำการ และส่งมอบรถถังรุ่นดังกล่าวจำนวน 25 คันให้กับกรมประมงเพื่อทิ้งทะเลเป็นแนวปะการังเทียม!!!





กองทัพเรือไทยเองก็เคยได้รับบทเรียนจากการซื้อเรือรบจากประเทศจีนเช่นกัน ในอดีตไทยเคยสั่งต่อเรือจากประเทศจีน 2 ชุด ชุดแรกคือเรือรุ่น Type 053HT จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงบางปะกง และเรือหลวงสายบุรี แม้ว่าเรือรบชุดดังกล่าวจะมีราคาที่ถูก แต่ก็มีปัญหาเรือคุณภาพตามมา โดยหลังจากได้รับมอบเรือรบชุดดังกล่าวปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องระบบสายไฟ จนต้องมีการวางระบบไฟใหม่ ระบบควบคุมการรบและควบคุมการยิงไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงโครงสร้างเรือจนต้องแก้ปัญหากันครั้งใหญ่

เรือรบอีกชุดที่ต่อจากประเทศจีนก็คือ เรือฟรีเกตชั้นนเรศวร ซึ่งกองทัพเรือไทยออกแบบเองและให้ประเทศจีนเป็นผู้ต่อ มีจำนวน 2 ลำ คือ เรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสิน ซึ่งเมื่อต่อเสร็จก็พบปัญหาเรื่องคุณภาพการผลิตเช่นเดิม โดยเฉพาะโครงสร้างเกิดสนิม แม้แต่รายงานการปรับปรุงเรือหลวงทั้ง 2 ลำของกองทัพเรือ ที่ให้บริษัท SAAB ของประเทศสวีเดนปรับปรุง ยังมีการระบุว่าอุปกรณ์บางส่วนเป็นสนิมจนไม่สามารถถอดออกได้





นอกจากนี้ในการจัดซื้ออาวุธหลายครั้งของกองทัพ ที่มีบุคคลในรัฐบาลคสช. เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอีกหลายท่าน ก็กลับเป็นการจัดซื้อที่สูญเสียเงินไปจำนวนมาก เช่น GT200 ที่ไม่สามารถใช้การได้โดยสิ้นเชิง ใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท รถถัง T-84 Oplot 49 คัน ที่ได้รับมอบมาเพียง 10 คัน วงเงิน 7,200 ล้านบาท เรือเหาะ Sky Dragon มูลค่า 350 ล้านบาทที่ใช้งานได้ไม่กี่ครั้งก็ต้องปลดประจำการ รถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครนรุ่น BTR-3 จำนวน 233 คันที่สั่งซื้อตั้งแต่ปี 2550-2554 มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาทแต่จนถึงปัจจุบันยังได้รับมอบไม่ครบ!!!





จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะตั้งคำถามถึงการสั่งซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าอาวุธจากประเทศจีนที่ไทยเคยซื้อล้วนแต่ประสบปัญหาเรื่องคุณภาพ และการซ่อมบำรุงอยู่เสมอๆ และครั้งนี้คือเรือดำน้ำที่หากเกิดปัญหาขัดข้อง นอกจากความเสียหายในเชิงทรัพย์สินจากภาษีของประชาชนแล้ว ยังมีชีวิตของนายทหารที่ประจำการในเรือดำน้ำที่ต้องเสี่ยงอีกด้วย





หากมีการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจริง คงได้แต่หวังว่าคำพูดที่บอกว่า “ไม่แพง และมีประสิทธิภาพ” ของพล.อ.ประวิตร จะเป็นจริง ไม่ซ้ำรอยเดิมอย่าง GT200 หรือ รถถัง Type 69II ในอดีต!!!

Reference http://www.matichon.co.th/news/196308 https://en.wikipedia.org/wiki/Myanmar_Navy https://en.wikipedia.org/wiki/Naresuan-class_frigate https://en.wikipedia.org/wiki/Type_053_frigate http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000027366 http://www.navy.mi.th/elecwww/kmnew/2557/data/pptkm2557/km110.pdf http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049839


ooo

บิ๊กป้อม ยังไม่เอาเรือดำน้ำจีนเข้าครม. อย่าตื่นเต้น


https://www.facebook.com/DemocracyJournalist/videos/583855811788070/

....

บิ๊กป้อม การันตี เรือดำน้ำจีน



https://www.facebook.com/253729448003304/videos/1101664973209743/

บิ๊กป้อม การันตี เรือดำน้ำจีน

ปัด ให้"ใบสั่ง" หรือกดดัน ทร. ให้ซื้อเรือดำน้ำจีน มีคณะกรรมการคัดเลือก 14ต่อ17เสียง เป็นเอกฉันท์ มาแล้วก่อนหน้านี้ ยันเรือดำน้ำจีน เป็นเรือดีใหม่ ราคาเหมาะสมซื้อได้3ลำ แต่ซื้อยุโรปได้1ลำ ยัน ใครก็อยากได้เรือดำน้ำยุโรป. แต่ราคา3เท่าของเรือจีน ถ้ามีเงินก็ซื้อแล้ว ถามมีเงินมั้ยล่ะ เอาเงินมาซิ ถ้ามีเงินก็จะซิ้อให้เลย

ยันเรือจีนมีประสิทธิภาพ เรือใหม่ อะไหล่ระยะยาว ทันสมัยแล้ว จีนเขาก็ใช้อยู่

ส่วนที่ยังไม่มีประเทศไหนซิ้อนั้น เพราะเป็นของใหม่ แต่มีประกันระยะยาว ไม่ใช่ซื้อมาใช้แค่ปีเดียว 2ปี แต่เราใช้ระยะยาว ประกัน10ปี แถมมีท่าเรือ การฝึกให้ด้วย

เผยเตรียมนำเรือดำน้ำจีน เข้าครม.แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้ นี่เป็นแค่แผนงานและงบประมาณ ตามสายงาน อย่าไปตื่นเต้น

แปลกใจพอเป็นเรื่องเรือดำน้ำ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ทุกที ผมไม่เข้าใจเลย ทำไม ไม่อยากให้มีกันหรือ
เผยเมื่อก่อนกระแสยังไม่รับ. แต่ตอนนี้ ไม่มีปัญหาแล้ว ยัน ทำทัน ปีงบฯ60ไม่ต้องห่วง ผมทำของผมได้ เชื่อปชช.เข้าใจความจำเป็นแล้ว เพราะ ทร.ทำเอกสาร ชี้แจงมาเป็นปีแล้ว