นายกฯ แย่งอำนาจคนนี้นี่ ‘เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้รัฐบาลที่แล้ว’ จนชิน ติดเชื้อใครมาหรือเปล่า
เรื่องเขมร (ในโซเชียลมีเดีย) ประท้วงไทยขอขึ้นทะเบียนโขนเป็นมรดกโลกกับยูเนสโก ซึ่งความจริงมาลงที่ของใครของมันอย่างทั่นยอมรับนั่นแหละ หากแต่กัมพูชาได้ไปจดทะเบียนเอาไว้ก่อนแล้วในส่วนของเขา เพราะถือว่าเก่าแก่กว่า ตั้งแต่สมัยสุริยะวรมันเป็นอย่างน้อย
“สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้กล่าวถึง ‘โขน’ ในงานสัปดาห์อนุรักษ์มรดกไทย ๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ว่า ‘โขน’ เป็นวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์...
สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้สรุปเรื่องนี้ไว้าว่า โขนเป็นการละเล่นเรื่องรามยณะในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพราหมณ์ แรกมีเก่าสุดในราชสำนักของกัมพูชาที่โตนเลสาบ (ทะเลสาบ) เมืองเสียมเรียบ”
(รายละเอียดที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/374028.html)
ว้อยซ์ทีวียังนำความเห็นของนักโบราณคดี ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้มาเสนอด้วยว่า
“หากจะว่ากันตามหลักฐานที่ปรากฏ ก็ต้องยอมรับว่าหลักฐานของทางฝ่ายกัมพูชาเขาเก่ากว่า เพราะหัวโขนก็ไปเอารูปแบบมาจากภาพสลักต่างๆ ในปราสาทหินนั่นเอง...
ตัวอย่างหลักฐานที่ง่ายที่สุด คือหากเราดูทศกัณฑ์ของอินเดีย ที่มี ๑๐ หน้า จะเห็นว่าหน้านั้นขยายออกมาด้านข้าง แต่หัวโขนทศกัณฑ์ของไทย หน้าที่ขยายออกมาจะต่อกันขึ้นไปด้านบนแทน ซึ่งนั่นคือลักษณะของรูปสลักเขมร ที่พบได้ตามปราสาทขอม”
แต่ก็มีผู้รู้เรื่องเหล่านี้บางท่านพยายามแสดงความเป็น ‘ไทย’ ไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่น ว่าน่าที่จะขึ้นทะเบียนร่วมกันไปเสียเลยจะดีกว่า
แต่บรรดาผู้ที่รักชาติแบบไทยๆ สุดซึ้งไม่ลืมหูลืมตาก็พยายามไปค้นประวัติศาสตร์ว่าราชสำนักเขมรเคยขอให้ราชสำนักไทยส่งนักแสดงโขนไปช่วยฝึก แต่นั่นเป็นความจริงครึ่งเดียว
เขมรหลังสงครามบอบช้ำ สูญเสียบุคลากรที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมไปจำนวนมาก ‘ละโคนพระกรุณา’ ของเขมรก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีครูรำเหลืออยู่ไม่กี่คน จึงได้ขอให้ไทยไปช่วยร่วมฝึกนักแสดงละโคนรุ่นใหม่ครั้งหนึ่ง
คนที่ป้อนข้อมูลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะทำการบ้านมาดีพอสมควร แต่ความเก่งกาจของบิ๊กตู่ รู้แม่งหมด ผิดถูกไม่สำคัญ บวกกับความชั่งจำนรรจาของทั่น จึงได้ ‘add lips’ เข้าไป จนทำให้กลายเป็นเหมือนนักการเมืองเก๋ากึกพรรคเก่าแก่
“สิ่งสำคัญต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมา เราไม่ได้สมัครสมาชิกภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกไว้ เมื่อไม่ไปสมัครก็ไม่สามารถไปจดทะเบียนได้...
ของเราจดทะเบียนช้าไปกว่าเขา ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ไม่ได้ไปสมัครสมาชิกกับเขาไว้จึงเป็นปัญหา”
พอนักข่าวซักต่อ ทั่นก็พอหาทางออกได้อยู่ “ผมบอกว่าเป็นของใครของมัน” น่ะใช่ แต่ปิดท้ายไหงไปแขวะรัฐบาลเก่าที่ตอนนี้อดีตนายกฯ ไปไหนคนออกไปต้อนรับ ตรึม
“ไปถามรัฐบาลที่แล้วว่าทำไมไม่ไปสมัครกับเขา ไปถามเขาโน้น”
(http://www.matichon.co.th/news/164437)
อันวาจาสำหรับบุคคลสาธารณะนั้น พวกนักเขียนปาฐกถามักจะคำนึงเป็นหลักถึง context เนื้อถ้อยกระทงความ ยิ่งเป็นบุคคลที่อ้างกันว่า ‘กำ’ รัฏฐาธิปัตย์ของชาติเอาไว้ ย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้น หากสักแต่พ่นออกไป ผลลัพท์กลับมามีแต่ ‘เสียหะมา’
เมื่อวาน พล.อ.ประยุทธ์พูดกับรัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรมต่อหน้าธารกำนัลเรื่อง ‘พระมหาชนก’ ที่ว่ายน้ำข้ามสมุทรเพื่อจะมายังสุวรรณภูมิ นิยายอิงตำนานตามจินตนาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า
“พระมหาชนกว่ายน้ำด้วยความเพียร ไม่รู้กี่วันกี่คืน เหมือนกับรัฐบาล คสช. ซึ่งกำลังว่ายน้ำเพื่อให้คนทั้งชาติถึงฝั่ง และเพื่อนำพาให้คนอื่นปลอดภัยด้วย”
(https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1781986792022353/?type=3&theater)
นี่นอกจากจะถือว่าอ้างอิงตีกิน ความจริงครึ่งเดียว คือครึ่งที่เอาดีให้ คสช. (โชคดีไม่มีครึ่งเอาชั่วให้ใครอื่น) แล้ว context ยังผิดมหันต์เสียอีก
อย่างที่มีคนชี้ให้เห็นด้วยคอมเม้นต์ข่าวผุ้จัดการว่า “พระมหาชนกตามบทประพันธ์นี่ว่ายน้ำคนเดียวนี่ครับ ตอนเรือแตก คนในเรือที่เหลือตายหมดนี่ครับ”
แล้วนี่ใครจะอยากนั่งเรือ คสช. ล่ะ โดยเฉพาะเรือที่จะล่องยาวอีก ๕ + ๒๐ ปีโดยมี พี่ๆ น้องๆ บิ๊กๆ ของ คสช. ทั้งหลายคอยกำกับสืบต่อกันไป ด้วยนิยายอีกฉบับที่เรียกว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๙
งานนี้มีลิ่วล้อชื่อ กกต. ช่วยทำพีอาร์ โฆษณาให้คนออกไปโหวตรับในวันที่ ๗ สิงหาคม วิธีประชาสัมพันธ์นี่มีทั้งไม้แข็งไม้นวม ไม้แข็งอยู่ใน พรบ.ประชามติ ระวางโทษคุก ๑๐ ปีถ้าใครออกมาแสดงอาการไม่เห็นด้วย
ไม้นวมใช้คลิปเพลงประสานเสียง ที่เรียกว่า ‘เพลงรณรงค์ ๗ สิงหา ลงประชามติ’ ที่พอฟังแล้ว เอ๊ะ นี่มัน propaganda
เท่านั้นไม่พอ เนื้อหาแบ่งแยก เข้าทำนอง ‘เอาดีให้พวกตัว เอาชั่วให้พวกมัน’ จะให้ละเอียด ฟังเองที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=q-xwH2s-iZA&feature=share เรื่องภาคนิยมเต็มๆ
ดังที่ สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการบ้านนอกโพสต์ไว้ด้วยความอัดอั้น
“ในฐานะ ‘คนอีสาน’ ผมรู้สึก ‘เจ็บปวดมาก’ นะครับ เมื่อได้ฟังเนื้อเพลงนี้
คุณยกย่องคนใต้ว่ารักประชาธิปไตย รักความเสรี ร่วมสร้างประวัติศาสตร์นำอนาคตประเทศชาติอะไรแบบนี้ แล้วพูดถึงคนอีสาน คนเหนือเชิงสั่งสอน (ดูแคลน) ว่าอย่าให้เขาหลอก อย่าให้เขาชี้นำ...
การปกป้องการเลือกตั้งอันเป็นกระบวนการที่ขาดไม่ได้ของระบบประชาธิปไตยของคนอีสาน คนเหนือ นอกจากไม่สามารถจะนับได้ว่า ‘รักประชาธิปไตย’ แล้ว ยังถูกเหยียดว่านั่นเป็นเพียงถูกหลอก ถูกชี้นำงั้นหรือครับ และตอนนี้อย่าให้เขาหลอก อย่าให้เขาชี้นำได้อีก บลา บลา
จะกดเหยียดคนไทยด้วยกันเองไปถึงไหนกันครับ?”
ใครเป็นคนเขียนบทให้ กกต. ออกมาอย่างนี้ได้อย่างไร อย่างนี้ไม่ใช่ผิดพลาดโดยสุจริต แต่เป็นการบิดเบี้ยวทางจิตสำนึกโดยสันดอนแน่นอน