ที่มา ประชาไท
Thu, 2016-06-23 16:02
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันได้ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ประเทศฝรั่งเศส ภายหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย สมศักดิ์ โพสต์ข้อความและภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะ เล่าถึง การเดินทางออกจากประเทศไทย ที่ต้องผ่านป่าเขาเป็นเวลา 6 ชั่วโมง
สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ทหารมุ่งจะเล่นงานตน ทำให้ตนต้องหลบไปนอนบ้านคนอื่นหลายคืน โดยเฉพาะช่วงต้นปี 2557 ที่ถูกมือปืนไปยิงถล่มถึงบ้าน จนต้องออกจากบ้านโดยไม่ได้กลับเข้าไปอีก จนเมื่อเกิดรัฐประหารครั้งนี้ จนถึงบัดนี้ ในฐานะปุถุชน บางครั้ง นานๆ ที ตนก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า "เราเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากไปหรือเปล่า" สมศักดิ์ ระบุว่าในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความจริง ตนรู้ว่าสามารถที่จะใช้ชีวิตที่ปกติกว่านี้ได้ ต่อให้สมมุติแตะเรื่องสถาบันกษัตริย์ ถ้าเพียงจำกัดตัวเองไว้ที่แค่เสนอเรื่องแก้หรือเลิกกฎหมาย 112 ต่อให้ถูกเพ่งเล็งอย่างไร ก็ไม่เดือดร้อน ตกเป็นเป้าเล่นงานของทหารถึงระดับนี้ ยังไงก็สามารถใช้ชีวิตในเมืองไทย ทำราชการไปจนเกษียณอายุแน่ๆ แต่การที่ไม่จำกัดตัวเองแค่นั้น แต่พูดเขียนถึงเรื่องบทบาทสถานะของสถาบันกษัตริย์ในด้านต่างๆ และพยายามผลักดันให้มีการแก้ปัญหาสถาบันกษัตริย์ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องวัฒนธรรม ฯลฯ และทีสำคัญยังทำในลักษณะที่เรียกว่าออกมาเคลื่อนไหวสาธารณะทางโลกออนไลน์อย่างเต็มที่ มันมีความเสี่ยงที่พอรู้ๆ อยู่
"ในปีหลังๆ โดยเฉพาะใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องมาอยู่ไกลบ้านขนาดนี้ มีความลำบากกว่าอยู่บ้านเยอะ และมีความเป็นไปได้ว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ได้กลับไปอีกเลยก็ได้ บางครั้ง ก็นึกแวบๆ ขึ้นมาในใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือนานอะไร เป็นเพียงมู้ดชั่วคราวที่ผ่านมาแล้วผ่านไป" สมศักดิ์ กล่าว
ที่มาภาพ เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul
"...จึ่งพลัดมาไกล ทิ้งไว้โรยรา..."
ต้นเดือนมิถุนายนนี้ เป็นวันครบ 2 ปี ที่ผมเดินออกจากประเทศไทย
ผมใช้คำว่า "เดิน" (ไม่ใช่ "เดินทาง") อย่างจงใจ เพราะวันนั้น ผมใช้เวลาราว 6 ชั่วโมง เดินขึ้นๆ ลงๆ บนยอดของเทือกเขาแห่งหนึ่งออกจากประเทศไทย เป็นการเดินที่เหนือยที่สุดในชีวิต ถึงตอนท้ายเมื่อใกล้จุดหมาย ขาผมเกือบไม่เหลือแรงจะยืนหรือเดินต่อเลย...
ระหว่างทางเดิน ก็พยายามบอกตัวเองแบบขำๆ ว่า สมัยหนุ่มหลัง 6 ตุลา ผมไม่ได้เข้าป่า เพราะติดคุก เพิ่งมามีโอกาสเข้าป่าเดินเขาตอนแก่นี่เอง
ในระหว่าง 6 ชั่วโมงนั้น มีบางช่วงฝนตกพรำๆ ลงมา ทำให้ทางเดินลำบากขึ้นอีก ผมลื่นไถล ล้มหลายครั้ง จนเนื้อตัวเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมด หลายช่วงของเส้นทาง เป็นทางเดินแคบๆขอบเขา ผมก็นึกขำๆ กับตัวเองว่า ถ้าผมบังเอิญพลัดตกไป คอหักตาย ก็คงน่าสนใจพิลึก (คิดจริงๆ คือมันเหนื่อยมากน่ะ ก็พยายามคิดอะไรตลกๆ กับตัวเองแก้เหนื่อย)
ตลอด 6 ชั่วโมงบนยอดเขา แทบไม่มีช่วงที่เป็นพื้นราบเลย มีแต่จังหวะชันขึ้น หรือชันลง (จังหวะชันลงนี่ไม่ใช่เดินง่าย กลับยากกว่าอีก เพราะต้องคอยเกร็งขา จิกพื้นไว้ ไม่ให้ลื่นไถลพรวดลงมา)
บางช่วง มีปลิงลอดเสื้อผ้าเข้ามาเกาะกินเลือดตามตัว (แม้จะพยายามระวังแล้ว) เสื้อเชิ้ตตัวที่ผมใส่วันนั้น ทุกวันนี้ ยังพอเห็นรอยคราบเลือดเป็นหย่อมๆ เพราะซักไม่ออก เนื่องจากมีช่วงหนึ่ง ปลิก 3-4 ตัวมุดเข้ามาถึงกลางหลัง ดูดเลือดผมสักพักใหญ่กว่าผมจะรู้สึกตัว มีเลือดซึมเสื้อเปียกฝนเปียกเหงื่อเป็นดวงแล้ว ....
2 ปีที่ผ่านมา - หรือถ้าจะว่าไปจริงๆ ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ทหารมุ่งจะเล่นงานผมแน่ ทำให้ผมต้องหลบไปนอนบ้านคนอื่นหลายคืน ผ่านมาถึงช่วงต้นปี 2557 ที่ถูกมือปืนไปยิงถล่มถึงบ้าน จนต้องออกจากบ้านโดยไม่ได้กลับเข้าไปอีก จนเมื่อเกิดรัฐประหารครั้งนี้ จนถึงบัดนี้ - ในฐานะปุถุชน บางครั้ง นานๆที ผมก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า เราเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากไปหรือเปล่า ... ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความจริง ผมรู้ว่าผมสามารถที่จะใช้ชีวิตที่ปกติกว่านี้ได้ ต่อให้สมมุติผมแตะเรื่องสถาบันกษัตริย์ ถ้าผมเพียงจำกัดตัวเองไว้ทีแค่เสนอเรื่องแก้หรือเลิกกฎหมาย 112 ต่อให้ถูกเพ่งเล็งอย่างไร ก็ไม่เดือดร้อน ตกเป็นเป้าเล่นงานของทหารถึงระดับนี้ ยังไงก็สามารถใช้ชีวิตในเมืองไทย ทำราชการไปจนเกษียณอายุแน่ๆ การที่เราไม่จำกัดตัวเองแค่นั้น แต่พูดเขียนถึงเรื่องบทบาทสถานะของสถาบันกษัตริย์ในด้านต่างๆ (จากกรณีสวรรคตถึง 6 ตุลา ฯลฯ) และพยายามผลักดันให้มีการแก้ปัญหาสถาบันกษัตริย์ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องวัฒนธรรม ฯลฯ และทีสำคัญยังทำในลักษณะที่เรียกว่าออกมาเคลื่อนไหวสาธารณะทางโลกออนไลน์อย่างเต็มที่ มันมีความเสี่ยงที่พอรู้ๆอยู่ ... ในปีหลังๆ โดยเฉพาะใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องมาอยู่ไกลบ้านขนาดนี้ มีความลำบากกว่าอยู่บ้านเยอะ และมีความเป็นไปได้ว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ได้กลับไปอีกเลยก็ได้ .. บางครั้ง ก็นึกแวบๆขึ้นมาในใจเหมือนกัน ... แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือนานอะไร เป็นเพียงมู้ดชั่วคราวที่ผ่านมาแล้วผ่านไป.....
.............
ความจริง คิดๆเตรียมๆจะเขียนอะไรมากกว่านี้ เช่นจะเขียนเล่าว่าความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นจาก 6 ตุลา มันเหมือนเป็นอะไรที่เผาอยู่ในตัวเรามากว่า 30 ปี และคอยผลักให้เราทำในสิ่งทีทำในหลายปีนี้อย่างไร .... แต่เขียนๆไปชักรู้สึกไม่อยากเขียนเท่าไรนัก ผมเป็นคนไม่ถนัดและไม่ค่อยชอบเขียนเรื่องตัวเองเท่าไรอยู่แล้ว ... ไว้โอกาสอื่นก็แล้วกัน
ปารีส
เวลา 01:52 น
22 มิถุนายน 2016(2559)