ภาพจาก Kunpat Singhathong
#ยึดลูกโป่งเป็นของกลาง!
-•ความพิลึกของการใช้บังคับกฎหมายในยุคนี้ เป็นเรื่องของคนมีอำนาจใช้วาทะกรรมกลบเกลื่อนและใช้กฎหมายกดหัวอย่างแท้จริง•-
เข้าสู่เรื่องการเคลื่อนไหว แสดงออกของกลุ่มนักศึกษา ประชาชน กลุ่มการเมือง รวมทั้งผู้ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งและนโยบายของผู้มีอำนาจ ถือเป็นสิทธิของพลเมืองที่ผู้มีอำนาจพูดแต่ปากว่าไม่ละเมิด แต่การกระทำก็ดังที่ปรากฎให้เห็นรายวัน
การยึดลูกโป่งของน้องๆนักศึกษา ตามที่ปรากฎในคลิปที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ถือเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นคล้ายๆกับกลายเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้ปรากฎในสภาวะบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยหรือที่บ้านเมืองอยู่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งหรือมาจากการจัดตั้งในค่ายทหารก็ตามทีนัก
*ช่วงเวลาของการยึดลูกโป่งแม้จะไม่นาน แต่อาจตั้งคำถามไปอีกนานแสนนานว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นการใช้อำนาจที่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ การกระทำนั้นได้รับความคุ้มครองหรือไม่ ถือว่าเข้าข่ายการชิงทรัพย์หรือทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ (ขอตั้งประเด็นไว้ก่อน)
หากพิจารณาตามกฎหมายที่บางคนไม่ยอมรับว่าเป็นกฎหมายแล้ว เห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจอ้างว่าตนเองใช้อำนาจตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ทำการยึดลูกโป่งซึ่งเป็น"ทรัพย์" ของนักศึกษา กล่าวคือ
คำว่า "ยึด" หมายความว่า การกระทำใด ๆ ต่อทรัพย์สินของคนที่ถูกยึดเพื่อให้ทรัพย์สินนั้น ๆ เข้ามาอยู่ในการดูแล, ควบคุม และ ครอบครองของผู้ดำเนินการยึดทรัพย์สินนั้น ๆ
การจะยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบตามเคหะสถาน หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้น รวมตลอดทั้งค้นบุคคล ทั้งนี้ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่าบุคคลซึ่งกระทําความผิดตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.นั้น น้องๆนักศึกษาไปเยี่ยมเพื่อนที่ท่านขังเขาไว้ มีความผิดเรื่องใด "มั่วสุม"หรือ"ชุมนุม" เอาให้ชัด เพราะมันจะถูกนำไปเปรียบเทียบว่ามาตรฐานการใช้บังคับกฎหมายของท่านอยู่จุดใดได้
ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การยึดนั้นต้องเป็นการมีทรัพย์สิน ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทําความผิดหรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทําความผิด
#ลูกโป่งย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่"มีไว้" หรือ "ได้มา"หรือ"ได้ใช้"หรือ"จะใช้" กระทำความผิด หรือจะเห็นแย้งอย่างไรก็ต้องอธิบายมาว่าเป็นทรัพย์ที่สามารถยึดได้อย่างไร (กล้ายึดก็ต้องกล้าแจง)
กรณีต่อมา ในคลิป"ยึดลูกโป่ง"มีนายตำรวจนายหนึ่งอธิบายกับนักศึกษาว่า ยึดไว้เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนนั้น สะท้อนให้เห็นได้พอสมควรว่า ประชาชนอาจมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีความเข้าใจในกระบวนการทางคดีและใช้อารมณ์หรืออคติในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะขณะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถชี้ชัดหรือพบเห็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าใดๆ การจะยึดลูกโป่งเป็นของกลางก็ไม่ถนัดนัก เพราะจะเป็นของกลางในกรณีความผิดอาญาตามกฎหมายใดก็ไม่มี(ดูระเบียบการตำรวจว่าด้วยของกลาง)
ดังนั้น การจะยึดลูกโป่งไว้เพราะอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ย่อมฟังดูไม่สมเหตุสมผล เป็นพฤติการณ์ที่ดูน่าขัน และก็อาจบานปลายไปสู่ความรุนแรงได้
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงแต่ต้องมีวุฒิภาวะในการดำรงตนในหน้าที่เท่านั้น แต่คงต้องมีศิลปะหรือจิตวิทยามวลชนไว้ด้วย ก็น่าจะพอเป็นเครื่องมือสร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม.
#หมายเหตุ:
ก. คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558
ข้อ 4 ในการดําเนินการตามข้อ 3 ให้เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยมีอํานาจ หน้าที่ดังต่อไปนี้...
(4) เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้น รวมตลอดทั้งค้นบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ ทั้งนี้ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่าบุคคลซึ่งกระทําความผิดตามข้อ ๓ หลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สิน ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทําความผิดหรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทําความผิดตามข้อ 3 หรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่า เนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอา หมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไปหรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทําลาย หรือทําให้ เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
(5) ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบตาม (4)...
ข. ระเบียบการตำรวจว่าด้วย "ของกลาง"
คำว่า "ของกลาง" นั้นหมายความว่า วัตถุใด ๆ หรือทรัพย์สินซึ่งตกมาอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าพนักงานโดยอำนาจแห่งกฎหมาย หรือโดยหน้าที่ในทางราชการ และยึดไว้เป็นของกลางเพื่อพิสูจน์ในทางคดี หรือเพื่อจัดการอย่างอื่นตามหน้าที่ราชการ
1. ของกลางในคดีอาญา คือ สิ่งของที่เกี่ยวข้องจัดการทางคดีอาญา เช่น สิ่งของที่บุคคลมีไว้เป็นความผิด หรือสิ่งของที่ใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิด
2. ของกลางอย่างอื่นคือของกลางที่ไม่เข้าอยู่ในลักษณะของกลางในคดีอาญา เช่น ของที่เก็บตก หล่น หลุด ลอยได้ เป็นต้น
ค. ข้อยกเว้นความรับผิดที่พวกท่านย่ามใจ ยังมีข้อยกเว้นของข้อยกเว้นอีกนะท่าน .-
ที่มา
United Lawyers For Rights & Liberty shared Winyat Chatmontree's post.
ooo
.....
https://www.facebook.com/DemocracyJournalist/videos/581351878705130/
ooo
ที่มา FB
กกต. รับลูกโป่งรณรงค์ประชามติจากกลุ่มประชาธิปไตยใหม่
นายอำนวย น้อยโสภา รองผู้อำนวยการสำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับลูกโป่งเขียนข้อความ “รณรงค์ ไม่ผิด” จากตัวแทนกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่มายื่นหนังสือเรียกร้องให้ กกต. ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง รวมทั้งมอบเอกสารรณรงค์ของกลุ่มให้กับกกต. เพื่อให้นำไปแจกประชาชนต่อไป
นายปกรณ์ อารีกุล สมาชิกของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่กล่าวว่าต้องการเรียกร้องให้ กกต. ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางไม่เป็นกระบอกเสียงของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือรัฐบาล และยืนยันว่าการรณรงค์เกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญควรเป็นสิ่งที่ทำได้ตามหลักการทำประชามติสากล และขอให้ กกต. พิจารณาเรื่องการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติประชามติ พ.ศ. 2559 โดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้มีนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีแล้ว 13 คนถูกตั้งข้อหาว่ากระทำผิด พ.ร.บ. ดังกล่าว โดย 7 คนยังคงถูกคุมขังเนื่องจากไม่ขอประกันตัว ขณะที่อีก 6 คนยื่นขอประกันตัวไปแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมเนื่องจากรณรงค์ให้ประชาชนไปลงประชามติและรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
นายอำนวยรับเอกสารการรณรงค์ของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และหนังสือร้องเรียนไว้ และแจ้งว่าวันนี้ กกต. ไม่มีการประชุม แต่จะนำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้กับคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป
กลุ่มประชาธิปไตยใหม่เริ่มรณรงค์ปล่อยลูกโป่งที่ติดข้อความ “รณรงค์ ไม่ผิด” ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยนายปกรณ์ระบุว่า ต้องการปล่อยลูกโป่งเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนสามารถรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มประชาธิปไตยใหม่นำลูกโป่งไปปล่อยบริเวณเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่อนุญาตให้ปล่อยลูกโป่งและยึดลูกโป่งไป วันนี้จึง พยายามปล่อยลูกโป่งอีกครั้งที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งให้ไปทำกิจกรรมนอกเขตเรือนจำ นักกิจกรรมจึงทำกิจกรรมปล่อยลูกโป่งได้