ที่มา ข่าวสดออนไลน์
20 มิถุนายน พ.ศ. 2559
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
ยิ่งนับวันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่หั่นโครงการเดิม หนองคาย-มาบตาพุด เหลือแค่ กรุงเทพฯ-โคราช กำลังจะเป็น "อภิโปรเจ็กต์โจ๊ก" ไปทุกที
อย่างแรกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่อง "โจ๊ก" ตรงที่จะสร้างเฟสแรกระยะทางที่สั้นที่สุดในโลก แค่ 3.5 กิโลเมตร เฟส 2 ต่อไปอีก 10 กิโลเมตร สร้างทีละขยักไม่รู้ว่าจะเสร็จทันชาติหน้าตอนบ่ายๆ หรือไม่
แต่ที่ทำให้รู้สึกว่า "โจ๊ก" ยิ่งกว่าคงเป็นพิธีวางศิลาฤกษ์เดือนกันยายนนี้ โดยไปทำพิธีกลางป่า ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างเฟสแรกที่ตำบลกลางดง ปากช่อง โคราช
หลังเลิกประชุมร่วมระหว่าง 2 ฝ่าย "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีคมนาคมได้ออกมาแถลงข่าว ซึ่งไม่ได้ชี้แจงว่าทำไม จึงสร้างแค่ 3.5 ก.ม. ทำไมต้องที่กลางดง รู้แต่ว่าฝ่ายไทยต้องการปักธงก่อนเพื่อบีบให้จีนยอมตาม
แต่ที่ตลกที่สุดคือโครงการจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์อีกไม่กี่วัน วงในยืนยันว่า ยังไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการแบบแปลนเป็นยังไงก็ไม่รู้
ที่สำคัญยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งราคาค่าก่อสร้างก็ยังไม่ได้กำหนด เพราะต้องรอฝ่ายจีนเคาะ ราคาใหม่ ที่เสนอมาก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยเห็นว่าสูงเกินไป
สงสัย ทำไมจึงไม่เปิดประมูลกันอย่างโปร่งใส โดยเชิญบริษัทรับเหมาก่อสร้างจากประเทศอื่นๆ ที่เก่งกว่าจีน ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ที่สนใจอยากจะมาลงทุนมาร่วมประมูล
อย่าลืมว่าทั้งสามประเทศนี้ได้พัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงก่อนจีนทั้งสิ้น
ทำไมถึงต้องเจรจาต่อรองกับจีนรายเดียว ทั้งที่เจรจาทุกครั้ง ไทยเสียเปรียบตลอด จีนยึดผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ยอมลดราวาศอก ทั้งที่หากโครงการเสร็จจีนจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากที่สุด
ชักจะเริ่มเชื่ออย่างที่มีคนลือว่า ทีมเจรจาฝ่ายไทยเกรงใจ "ล็อบบี้ยิสต์ใหญ่" ที่ใกล้ชิดระดับบิ๊กๆ บางคน ที่จีนจ้างไว้ล็อบบี้รัฐบาลไทยยกโครงการนี้ให้จีนหรือเปล่าไม่รู้ หรือเป็นเพราะ "ทีมเจรจาฝ่ายไทย" ไม่ทันเกมจีน
ถ้าเป็นอย่างนี้ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ในฐานะรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ควรเปลี่ยนทีมเจรจาหาคนที่มีลูกล่อลูกชนมาเจรจาแทน
รัฐบาลต้องระวังตอนนี้โครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน กลายเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบมาเป็นประเด็นการเมืองเพื่อดิสเครดิต
อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้โครงการนี้เป็น "โฮปเวลล์ 2" ทิ้งโครงการกลางคันที่เหลือไว้แต่ซากให้ดูต่างหน้า
20 มิถุนายน พ.ศ. 2559
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
ยิ่งนับวันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่หั่นโครงการเดิม หนองคาย-มาบตาพุด เหลือแค่ กรุงเทพฯ-โคราช กำลังจะเป็น "อภิโปรเจ็กต์โจ๊ก" ไปทุกที
อย่างแรกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่อง "โจ๊ก" ตรงที่จะสร้างเฟสแรกระยะทางที่สั้นที่สุดในโลก แค่ 3.5 กิโลเมตร เฟส 2 ต่อไปอีก 10 กิโลเมตร สร้างทีละขยักไม่รู้ว่าจะเสร็จทันชาติหน้าตอนบ่ายๆ หรือไม่
แต่ที่ทำให้รู้สึกว่า "โจ๊ก" ยิ่งกว่าคงเป็นพิธีวางศิลาฤกษ์เดือนกันยายนนี้ โดยไปทำพิธีกลางป่า ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างเฟสแรกที่ตำบลกลางดง ปากช่อง โคราช
หลังเลิกประชุมร่วมระหว่าง 2 ฝ่าย "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีคมนาคมได้ออกมาแถลงข่าว ซึ่งไม่ได้ชี้แจงว่าทำไม จึงสร้างแค่ 3.5 ก.ม. ทำไมต้องที่กลางดง รู้แต่ว่าฝ่ายไทยต้องการปักธงก่อนเพื่อบีบให้จีนยอมตาม
แต่ที่ตลกที่สุดคือโครงการจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์อีกไม่กี่วัน วงในยืนยันว่า ยังไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการแบบแปลนเป็นยังไงก็ไม่รู้
ที่สำคัญยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งราคาค่าก่อสร้างก็ยังไม่ได้กำหนด เพราะต้องรอฝ่ายจีนเคาะ ราคาใหม่ ที่เสนอมาก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยเห็นว่าสูงเกินไป
สงสัย ทำไมจึงไม่เปิดประมูลกันอย่างโปร่งใส โดยเชิญบริษัทรับเหมาก่อสร้างจากประเทศอื่นๆ ที่เก่งกว่าจีน ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ที่สนใจอยากจะมาลงทุนมาร่วมประมูล
อย่าลืมว่าทั้งสามประเทศนี้ได้พัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงก่อนจีนทั้งสิ้น
ทำไมถึงต้องเจรจาต่อรองกับจีนรายเดียว ทั้งที่เจรจาทุกครั้ง ไทยเสียเปรียบตลอด จีนยึดผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ยอมลดราวาศอก ทั้งที่หากโครงการเสร็จจีนจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากที่สุด
ชักจะเริ่มเชื่ออย่างที่มีคนลือว่า ทีมเจรจาฝ่ายไทยเกรงใจ "ล็อบบี้ยิสต์ใหญ่" ที่ใกล้ชิดระดับบิ๊กๆ บางคน ที่จีนจ้างไว้ล็อบบี้รัฐบาลไทยยกโครงการนี้ให้จีนหรือเปล่าไม่รู้ หรือเป็นเพราะ "ทีมเจรจาฝ่ายไทย" ไม่ทันเกมจีน
ถ้าเป็นอย่างนี้ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ในฐานะรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ควรเปลี่ยนทีมเจรจาหาคนที่มีลูกล่อลูกชนมาเจรจาแทน
รัฐบาลต้องระวังตอนนี้โครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน กลายเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบมาเป็นประเด็นการเมืองเพื่อดิสเครดิต
อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้โครงการนี้เป็น "โฮปเวลล์ 2" ทิ้งโครงการกลางคันที่เหลือไว้แต่ซากให้ดูต่างหน้า
http://thaipublica.org/2016/06/the-truth-of-thailand-rail-system-19/