วันอังคาร, กันยายน 08, 2558

ผลาญไปแล้วละราวพันล้าน สำหรับร่างรัฐธรรมนูญที่ คสช. ตัดเชือกทิ้งตอนใกล้จบโค้งสุดท้าย





ผลาญไปแล้วละราวพันล้าน สำหรับร่างรัฐธรรมนูญที่ คสช. ตัดเชือกทิ้งตอนใกล้จบโค้งสุดท้าย

เพราะเห็นว่าดึงดันต่อไม่ไหว ขืนให้ผ่านก็จะเจองานหนักช่วงประชามติ เมื่อสองพรรคการเมืองหลักประกาศไม่เอาด้วยแล้ว หยุดเสียตอนนี้มีเวลาเอ้อระเหยอีกเกือบปีกว่าจะถึงกำหนดประชามติร่างฯ ใหม่ ราวกรกฎา ๕๙

(ดูไทม์ไลน์โดย iLaw ได้ที่https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551.646424.299528675550/10155969767140551/?type=1&fref=nf)

เงินที่เสียไป จะแค่ ๘๕ ล้านเฉพาะงานร่าง รธน. หรือเป็นพันล้านสำหรับ สปช. ทั้งโขยง (รวมค่าเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน ตลอดหนึ่งปี บวกค่าล่องเรือลำเจ้าพระยาฉลองปิดจ๊อบเสร็จสรรพตามสั่ง อันเป็นประเด็นของการปะทะถ้อยถากถางระหว่าง สปช. สองคน ฝ่ายคว่ำกับไม่คว่ำร่างฯ วันชัย สอนศิริ กับสิระ เจนจาคะ ได้แจ้งเกิดทางการเมืองทั้งคู่http://johncubota.com/…/8-2015-03-2…/246-2015-09-06-15-48-37)




มิตรสหายบางท่านปรารภว่า ก็ไม่สูญเปล่ามากเท่าเวลา ๑ ปีที่คน ๒๕๐ คนมานั่งตีขลุมทำงานบริกรบริการให้กับคณะยึดอำนาจ พอถึงวาระสุดท้ายเจ้านายไม่ชอบก็ต้องโละทิ้ง

อนิจจา คนเหล่านี้ที่อาจคิดว่าพวกตนได้รับเกียรติสูงส่งจาก คสช. ให้ไปเป็นไม้ประดับงานใหญ่ ทว่า คสช. มองเห็นเป็นแค่ Astroturf หญ้าเทียมปูสนามพอเดินย่ำได้ราบรื่น ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปโรยกรวดแทนก็ต้องรื้อออก

เหตุที่ต้องหันไปใช้ ๒๑ อรหันต์ บริกรร่างชุดใหม่ ก็เพราะปรากฏชัดว่าอภิมหากรรมการยุทธศาสตร์ที่สอดไส้ไว้นั่นกลับเป็นก้าง ขืนกลืนเข้าไปติดกระเดือกกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะฐานพรรคการเมืองอำมาตย์นิยมด้วยกันเอง

(คำอธิบายทางวิชาการข้อนี้ดูได้จากรายงานที่ ดันแคน แม็คคาร์โก เสนอไว้ต่อสถาบันวิจัยบรุ๊คกิ้งว่าเป็น

“การแสวงหาระบบที่ซึ่งพวกชนชั้นนำผู้มีความดีและคุณธรรมสามารถที่จะใช้ในการกำกับและมีอำนาจในขอบข่ายกฎหมายในการควบคุมสังคม...

ประดุจว่ามันมีความชัดเจนอยู่เสมอว่าใครเป็นคนดี ใครผู้ร้าย และประหนึ่งว่านักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หมู่ชนที่เป็นข้าราชการ กลุ่มบุคคลในราชการทหาร เหล่าคนที่ใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ พวกคนที่เป็นผู้พิพากษา จะต้องมีคุณธรรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเหนือกว่าคนที่ได้รับการเลือกตั้งมา”

(http://www.bbc.com/news/world-asia-34149522)

ไม่ว่าตัวหัวหน้า คสช. ขี้จ้อ หรือทั่นรอง (พี่ที่รักพยัคฆ์กลาโหม) จะปฏิเสธอย่างไรเรื่องไม่มีใบสั่ง สปช. ๑๔๐ กว่าคนให้คว่ำร่างฯ แต่หลักฐานทางโพยยันอยู่ให้เห็นเป็นอื่นได้ยาก จากปากคำของประสาร มฤคพิทักษ์

(http://www.isranews.org/…/item/41184-prasarnnn_8d8fd8er_01.… )

ลงเอยพวกเราๆ ก็เลยยังต้องติดกับอยู่กับผู้ณรรมจำอวดอีกราวๆ หนึ่งปี นี่แค่รอร่างใหม่ซึ่งไม่มุ่งหมายให้ต้องตามเสียงส่วนใหญ่สักนิด ทั้งที่ง่ายกว่าคิด ร่างฯ นี้ไม่ผ่านเพราะก้างติดคอผู้คน หากบอกว่าร่างฯ ใหม่จะไม่มีก้างอีกแล้วก็สิ้นเรื่อง




หรือจะให้ดีที่ซู้ดก็ต้องเอา รธน. เก่า มาจัดเลือกตั้งใหม่เสียเลยนั่นควรทำ ไม่ต้องเกี่ยงฉบับไหน ๔๐ หรือ ๕๐ ได้ทั้งนั้นเฉพาะการเลือกตั้ง

เล่นชักคะเย่อยืดเยื้ออย่างนี้ พวกลิ่วล้อที่คอยจัดเลือกตั้งเลยชักเซ็งไม่มีอะไรเล่น ชวนกันคิดท่าเต้นเล่นแร้ปกันโลด




ครั้นนักข่าวสาวๆ ถามทั่นแต่งตั้ง ๒๑ คนหรือยังอย่างไร ดันเฉไฉอ้างฝรั่งมังค่า “ผมบอกเขาผมเดินตามโร้ดแม็พของผม เขาก็หยุดถามผมแระ มีไอ้ในประเทศนี่ถามอยู่นั่น ไม่เข้าใจหรืองัย ไม่เข้าใจภาษาไทยรึไร”

“ประชาชนทั้งประเทศ รู้ตระหนักถึงภัยตัวเองหรือยัง รู้ประเทศชาติมีภัยตรงไหนหรือยัง ถ้ายังไม่รู้ผมก็ไม่เอาแล้ว”

(https://www.facebook.com/WassanaJournalist/videos/965869756804816/?pnref=story)

เอ้า เฮนะนี่ จิงป่าว ลองไม่เอาจริงๆ ดูสักทีสิ พูดแบบนี้หลายหนแล้วนะ นี่ก็ล่วงเลยมาปีกว่า การทำมาหากินขัดสนในหมู่ชนรากหญ้า และกำลังลามเข้าไปถึงในละแวกชั้นกลาง ทั้งแผกเภทซ่าหริ่มหลากสีและหลายชั้นขนมไทย




ใครล่ะจะชอบรอให้ร่างแล้วร่างอีกไม่จบสิ้น ร่างแต่สิ่งที่ได้เปรียบแก่ตนอย่างนี้ ‘ไม่เอาแล้ว’ ได้ละโครตดี