วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 09, 2566

ขณะนี้ ‘เจ้าที่ดิน’ กลุ่มใหญ่สุดในลอนดอน ไม่ใช่คนอังกฤษ แต่คือ ‘มหาเศรษฐีอินเดีย’ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?


BrandThink
22h
·
SOCIETY: ขณะนี้ ‘เจ้าที่ดิน’ กลุ่มใหญ่สุดในลอนดอน ไม่ใช่คนอังกฤษ แต่คือ ‘มหาเศรษฐีอินเดีย’
.
ลอนดอนเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งถ้าใครเคยไปก็จะรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันราคาดุเดือดไปหมด และที่โหดเป็นพิเศษก็จะเป็นราคาที่พักอาศัย
.
ลักษณะแบบนี้ทำให้ไม่แปลกเลยที่ ‘นักลงทุน’ จะชอบลงทุนในที่ดินและที่พักในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แต่ความน่าสนใจก็คือ ณ ปี 2023 รายงานจากบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้า ล้วนชี้ไปในทางเดียวกันว่า ขณะนี้เจ้าของบ้าน ที่ดิน และพวกห้องเช่าในลอนดอนส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนอังกฤษอีกแล้ว แต่เป็นคนเชื้อสายอินเดีย
.
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? อันนี้เราอาจต้องคุยกันยาวๆ
.
ประการแรก คนต่างชาติสามารถซื้อ ‘ที่ดิน’ ในลอนดอนได้ และถ้าใครคุ้นกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโลกตะวันตก ก็คงจะรู้ว่าหลายประเทศไม่ได้มีกฎหมาย ‘ห้ามต่างชาติซื้อที่ดิน’ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่เจ้าของที่ดินในเมืองเมืองหนึ่ง อาจไม่ใช่คนประเทศนั้นด้วยซ้ำ ซึ่งคนไทยก็อาจมองว่าแปลก การกระทำแบบนี้อาจทำให้สิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริงคนตะวันตกมองว่าปกติมาก ตลาดต้องมีการแข่งขันมันถึงจะทำงานได้ดี และการห้ามต่างชาติมา ‘พัฒนาที่ดิน’ มันไม่เป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ เพราะสุดท้ายการที่ต่างชาติซื้อไปก็ต้องเสียภาษี และภาษีนี้ก็กลับมาที่รัฐเอาไปพัฒนาท้องถิ่นและชาติ
.
ประการที่สอง ลอนดอนเป็นเมืองที่นักลงทุนนานาชาติชอบมาลงทุนในอสังหาฯ นานแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะ ‘ขนบ’ เรื่อง ‘ตลาดเสรี’ แบบอังกฤษ ทำให้อังกฤษมีการกำกับดูแลตลาดอสังหาฯ และควบคุมค่าเช่าน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปอื่นมาก ทั้งค่าเช่าและราคาซื้อขายจึงสามารถขึ้นไปได้เรื่อยๆ มากกว่าเมืองที่มีการควบคุมค่าเช่าอย่างจริงจัง ดังนั้นการ ‘ซื้อเพื่อลงทุน’ ในอังกฤษจึงมักจะคุ้มค่ากว่าที่อื่น ทำให้อดีตอังกฤษเป็นชาติที่นักลงทุนชอบมาลงทุนในอสังหาฯ มานานแล้ว
.
ประการที่สาม มหาเศรษฐีเอเชียชอบลงทุน ‘ที่ดิน’ เป็นเรื่องปกติมากๆ และการที่นักลงทุนเอเชียมาซื้ออสังหาฯ จน ‘เจ้าที่ดินกลุ่มใหญ่’ ของลอนดอนไม่ใช่คนอังกฤษ จริงๆ ก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไร แต่หลายคนอาจจะแปลกใจมากกว่าว่าทำไม ‘เจ้าที่ดินกลุ่มใหญ่’ ที่ว่าไม่ใช่คนอเมริกัน ซึ่งเป็นชาติที่คนรวยเพียบ แต่เพราะพวกเศรษฐีอินเดียเป็นเศรษฐีสไตล์เอเชียที่ส่วนใหญ่ชอบลงทุนในอสังหาฯ มากกว่าหุ้น (ต่างจากเศรษฐีอเมริกัน) โดยตัวเลขก็ชัดมากว่ามหาเศรษฐีอินเดียในระดับรวยเกิน 1,000 ล้านบาทนั้นเป็นเจ้าของอสังหาฯ โดยเฉลี่ย ‘มากกว่า’ คนรวยในระดับเดียวกันในพื้นที่อื่นของโลก ดังนั้นเราก็จะเห็นว่าคนจีนกับอินเดียที่ร่ำรวยจะเน้นการซื้ออสังหาฯ มากกว่า ‘ฝรั่ง’
.
ประการที่สี่ ทำไมมหาเศรษฐีเอเชียที่มาลงทุนในที่ดินอังกฤษถึงเป็น ‘อินเดีย’ ไม่ใช่จีน? เป็นเพราะคนอินเดียนั้นมีสายสัมพันธ์กับอังกฤษมาอย่างยาวนาน คนอินเดียเป็นเจ้าพนักงานระดับสูงของอดีตอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งพอหมดยุคอาณานิคม คนกลุ่มนี้หลายคนก็อพยพมาเป็นพลเมืองอังกฤษ จนทุกวันนี้คนเชื้อสายอินเดียเป็น ‘ชนกลุ่มน้อย’ ที่มีจำนวนมากสุดในอังกฤษ ซึ่งหลายคนก็หน้าที่การงานดีด้วย เอาง่ายๆ ก็คือนายกรัฐมนตรีอังกฤษปัจจุบันก็เป็นคนอังกฤษเชื้อสายอินเดีย แถมยังมีภรรยาเป็นลูกมหาเศรษฐีอินเดีย ดังนั้นจะเห็นว่าชนชั้นนำสองชาตินี้มีความผูกพันกันมาก และก็ไม่แปลกเลยที่คนรวยๆ อินเดีย ถ้าจะเลือกซื้ออสังหาฯ นอกประเทศได้ ชาติแรกที่คิดถึงก็คืออังกฤษ เพราะได้ประโยชน์ทั้งการขยับขยายชีวิตออกจากอินเดีย และในเชิงการลงทุน และคนรวยระดับนี้ก็คงจะไม่ไปซื้อที่ดินตามชนบท แต่จะซื้อบ้านหรือไม่ก็อพาร์ตเมนต์ในกรุงลอนดอนนี่แหละ
.
นี่คือเหตุผลเบื้องต้นที่ทำให้รวมๆ เศรษฐีอินเดียชอบอังกฤษมาก ระดับมองเป็น ‘บ้านหลังที่ 2’ ซึ่งก็น่าสนใจว่า ต่อจากนี้ไปจำนวนเศรษฐีอินเดียที่เป็นเจ้าที่ดินในอังกฤษคงจะไม่น้อยลงแน่ๆ เพราะอินเดียคือชาติที่มีแนวโน้มจะก้าวเข้าสู่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และจะมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นอีกเพียบ และคนพวกนี้ถ้าหาก ‘นึกอะไรไม่ออก’ ว่าจะลงทุนอะไร ก็คงจะซื้ออพาร์ตเมนต์หรูกลางกรุงลอนดอนไว้ประดับบารมีกันไปเรื่อยๆ
.
#SOCIETY #BrandThink
#CreateaBetterTomorrow