วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 26, 2566

ชัยธวัช รับคุย ‘พุทธะอิสระ’ หนุนกม.นิรโทษกรรม จ่อถกเสื้อแดง-พันธมิตร หวังคืนปรองดอง



ชัยธวัช รับคุย ‘พุทธะอิสระ’ หนุนกม.นิรโทษกรรม จ่อถกเสื้อแดง-พันธมิตร หวังคืนปรองดอง

25 พฤศจิกายน 2566
มติชนออนไลน์

“ชัยธวัช” รับคุย “พุทธะอิสระ” หนุน กม.นิรโทษกรรม จ่อคุยทุกฝ่ายหวังคืนความปรองดอง นักโทษการเมืองทุกคน ไม่ใช่แค่ใครคนเดียว

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้เดินทางไปพูดคุยกับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. เพื่อพูดคุยขอเสียงสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ที่อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนว่า เนื่องจากพรรคก้าวไกลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในระหว่างที่รอกระบวนการของสภา เราก็พยายามที่จะพูดคุยกับทุกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องเพื่อที่จะทำความเข้าใจในเนื้อหาที่อยากจะเห็นการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทุกฝ่าย หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดกระบวนการปรองดอง และเป็นการทำความเข้าใจทางการเมือง ทั้งฝ่ายที่เคยขัดแย้งกัน ในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา และตนก็ไม่ได้คุยกับพุทธะอิสระเท่านั้น แต่พยายามพูดคุยกับฝั่งเสื้อแดง ฝั่งที่เคยเป็นกลุ่ม กปปส. พันธมิตร และแม้กระทั่งนักกฎหมาย นักวิชาการ รวมถึงคนที่เคยเสนอประเด็นนิรโทษกรรมในอดีต ดังนั้น เราพยายามพูดคุยกับทุกฝ่ายเพราะหวังว่ากระบวนการนิรโทษกรรมทางการเมืองจะเกิดขึ้น และในอนาคตก็อยากพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง และพรรคการเมืองต่างๆ เพราะเราเชื่อว่า ไม่ว่าจะอยู่สังกัดไหน ฝ่ายไหน ทุกคนก็เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง คิดว่ามันได้เวลาแล้วที่จะหันหน้ามาปรองดองกัน และใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้ง และความเห็นที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีผู้ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมืองหลายร้อยคน

“มองว่าได้เวลาแล้วที่จะคืนความยุติธรรมให้กับทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นนักโทษการเมือง หรือมีคดีสืบเนื่องจากการเมือง แล้วได้รับความเป็นธรรมอยู่คนเดียว” นายชัยธวัชกล่าว

เมื่อถามว่า พุทธะอิสระมีความเห็นอย่างไรกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล นายชัยธวัชกล่าวว่า ท่านมีคำถามมากกว่า ซึ่งคำถามส่วนใหญ่มีเจตนาอย่างไร และถ้านิรโทษกรรมแล้วจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือจะมีกระบวนการอย่างไรทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า เมื่อนิรโทษกรรมกันไปหมดแล้วจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะตนเชื่อว่าการที่เราคุยกันย่อมดีกว่าการที่เราไม่คุยกัน