เขาบอก “วันก่อนไปเจอพุทธะอิสระแกก็ถามเรื่องนี้ ผมก็ตอบว่าในร่างกฎหมายเรามีอยู่ช่องหนึ่งด้วยที่ใครก็ตามที่ไม่ประสงค์รับสิทธิพิจารณานิรโทษสามารถยื่นเรื่องต่อกรรมการที่เราตั้งได้เป็นการส่วนตัว” และ “เชื่อว่าคุณธนาธรจะมายื่นไม่ขอรับการพิจารณาเรื่องนี้
...ท่านยังตั้งคำถามว่ากล้าหาญขนาดนั้นเชียวเหรอ” ชัยธวัชย้ำอีก “เมื่อคืนเจอนายธนาธรที่งานศพพ่อคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก็ยังถามว่าเรื่องนี้ยืนยันนะว่าจะไม่ใช้สิทธิ เขาก็โอเค...ถ้าไม่ทำอะไรเลย ถ้าคงไว้สภาพปัจจุบันมันไม่ใช่หนทางยุติ
...เจตนาของเราคืออยากให้มีผลกับประชาชนที่ขัดแย้งกันอยู่ ไม่ได้หวังว่าจะมานิรโทษคุณธนาธรและแกนนำอนาคตใหม่ แต่อาจถูกหยิบยกมาโจมตีได้...ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะกดไว้ และจะไประเบิดเป็นความชัดแย้งในอนาคต
ดังนั้น คิดว่าเราปรารถนาตรงกันที่จะไม่อยากเห็นความขัดแย้งเหมือน ๑๘ ปีที่ผ่านมาอีก...เชื่อว่าการเปิดรูระบาย แล้วหากระบวนการทางประชาธิปไตย หาพื้นที่ปลอดภัยมาปรับจูนความเข้าใจกัน จะนำไปสู่ตรงนั้น” คือการนิรโทษกรรมทุกฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นคดีการแสดงออกทางการเมืองตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมา คดีความผิดตามประกาศคณะรัฐประหาร ๔๘ และ ๕๗ คดีความผิดที่ไม่เป็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๙ และคดีความผิดอาญามาตรา ๑๑๒
อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้น “ตามมาตรา ๔ ของร่าง พ.ร.บ.นี้ ระบุยกเว้นการนิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่สลายการชุมนุม หรือกระทำการใดที่เกินกว่าเหตุ หรือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓” กบฏยึดอำนาจปกครอง ล้มล้างรัฐธรรมนูญ
ทั้งยัง ให้ตั้งคณะกรรมการนิรโทษกรรม ๑๙ คน ประกอบด้วยประธานสภาผู้แทนฯ ผู้นำฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล ส.ส.๑๐ คนตามสัดส่วนพรรคการเมืองในสภาฯ ตัวแทนองค์กรค้นหาความจริง (๒ คน) และตัวแทนประชาชนที่ถูกดำเนินคดี ใน ๔ เหตุการณ์
โดยกำหนดว่าทันทีที่ พรบ.นี้เริ่มบังคับใช้ ให้คดีต่างๆ ในขอบข่ายการนิรโทษกรรมยุติลง ผ่านการระงับฟ้อง ถอนฟ้อง ยกฟ้อง จำหน่ายคดี ปล่อยตัว (ผู้ที่ยังอยู่ระหว่างรับโทษ) “รวมถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลบประวัติอาชญากรรม” ผู้เข้าข่ายเหล่านั้น
(https://ilaw.or.th/node/6696, https://www.matichon.co.th/politics/news_4304370 และ https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/BDwnKe9nVD)
