บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังคดี 112 “ภูมิ-เก็ท-อารีฟ-น้ำ-แม็กกี้”: “เก็ท” ถูกขังใกล้ครบ 100 วัน เริ่มเตรียมใจว่าจะต้องอยู่นานเป็นปี หรือมากกว่านั้น
28/11/2566
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ระหว่างวันที่ 19 พ.ย. 2566 – 23 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ได้แก่ “ภูมิ” ที่บ้านเมตตา, “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง, “อารีฟ” วีรภาพ วงษ์สมาน, “แม็กกี้” ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเยี่ยม “น้ำ” วารุณี ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ล่วงถึงปลายปีเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นลง ส่งผลให้ผู้ต้องขังมีอาการป่วยไข้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ยิ่งเฉพาะในเรือนจำที่เป็นห้องลูกกรงเหล็กและมุ้งลวดซึ่งไม่อาจกั้นลมที่พัดเข้ามาได้ กับชีวิตของนักโทษทางความคิด มีบางส่วนที่เข้าใจยอมรับถึงสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้น เช่น เก็ท เริ่มเตรียมใจว่าระยะของการอยู่ในนั้นอาจจะนานกว่าที่คิด หรือแม็กกี้ ที่เริ่มปรับตัวชีวิตในนั้นได้ ขณะที่ภูมิคิดกับตัวเองหลังใช้ชีวิตในบ้านเมตตาผ่านการอดอาหารว่า “ไม่รู้ต้องรู้สึกยังไง ยังคิดอะไรไม่ออก” โดยเฉพาะหลังคำสั่งของศาลที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงให้ภูมิต้องพ้นจากบ้านเมตา
ถึงที่สุดพวกเขาทั้ง 5 คน ยังมีความหวังว่าจะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ปรารถนาและอยากให้บังเกิดในเร็ววันที่สุด
.
“ภูมิ”: ไม่รู้ต้องรู้สึกยังไง ตอนนี้รู้สึกคิดอะไรไม่ออก
วันที่ 23 พ.ย. 2566 ที่ปรึกษาฯ เข้าเยี่ยมภูมิผ่านวิดีโอคอลอีกครั้ง ภูมิมีสีหน้าเคร่งเครียด ที่ปรึกษาฯ แจ้งคำสั่งยกคำร้องของศาล หลังแม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งกรณีให้ควบคุมตัวในสถานพินิจฯ ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 และได้อ่านคำสั่งศาลให้ภูมิฟังความว่า “พิเคราะห์แล้ว กรณียังไม่มีเหตุอันสมควรให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต่อจำเลย ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ มาตรา 137 จึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง” ภูมิถามถึงมาตรา 137 ว่าเกี่ยวกับอะไร
ที่ปรึกษาฯ อธิบายว่า เป็นมาตราว่าหากมีข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าศาลจะเห็นเอง หรือ ผอ.สถานพินิจฯ หรือผู้ปกครองยื่น แล้วศาลเห็นว่ามีเหตุสมควร ศาลก็มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษหรือวิธีการสำหรับเยาวชนได้ ภูมินั่งนิ่งและถามว่าคำสั่งออกมาเมื่อไหร่ ที่ปรึกษาฯ แจ้งว่า วันพุธช่วงบ่ายสามโมง แต่ที่ปรึกษาฯ ยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมภูมิวันพฤหัสเพื่อแจ้งคำสั่งศาลได้ เพราะวันพฤหัสเป็นวันเยี่ยมแบบใกล้ชิดเท่านั้น ซึ่งภูมิต้องกักตัวอยู่ทำให้เข้าเยี่ยมแบบใกล้ชิดไม่ได้
เมื่อถามความรู้สึกภูมิหลังจากได้ฟังคำสั่ง ภูมิบอกว่า ไม่รู้ต้องรู้สึกยังไง ตอนนี้รู้สึกคิดอะไรไม่ออก สภาพจิตใจย่ำแย่ ที่ปรึกษาฯ ถามถึงเรื่องการปรับตัวและความเป็นอยู่ข้างใน ภูมิบอกว่า “รู้สึกปรับตัวดีขึ้น เรื่องบรรยากาศข้างในก็โอเคระดับหนึ่ง อาจจะมีที่รู้สึกไม่โอเคเฉพาะบุคคล อย่างผู้คุมหรือเด็กที่อยู่ในนี้บางคนที่รู้สึกว่าเขาปิดกั้นเรา มองเราแปลก ๆ ว่าเป็นคดีแบบนี้”
ภูมิเล่าถึงอาการช่วงอดอาหารอีกว่า คืนวันอาทิตย์ มีอาการอาเจียนเป็นเลือดหนัก ต้องพาส่งโรงพยาบาลสิรินธร หมอที่นั่นล้างท้องและให้น้ำตาล กลับจากโรงพยาบาลประมาณ 6 โมงเช้า จึงขอยุติการอดอาหารเพราะร่างกายไม่ไหว
ภูมิบอกเล่าสภาพความเป็นอยู่ล่าสุดว่า “ตอนนี้ก็กินข้าวได้ปกติ แต่กิจกรรมไม่ได้ทำอะไร เพราะกักตัวอยู่ข้างบน มีคนกักตัวร่วมกัน 5-6 คน เป็นคนที่ออกไปศาลเหมือนกัน ห้องกักตัวเป็นห้องนอนรวม”
จนถึงปัจจุบัน (28 พ.ย. 2566) ภูมิถูกคุมขังมาแล้ว 42 วัน
.
“อารีฟ” วีรภาพ: ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น แล้วป่วยอีก กลายเป็นว่าตอนกลางคืนทรมานมาก
วันที่ 20 พ.ย. 2566 อารีฟบอกทนายที่เข้าเยี่ยมว่า กลับมาเริ่มป่วยอีกแล้ว น่าจะเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง เลยเริ่มมีอาการรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ ขณะนี้ยังได้ไม่พบหมอ ก่อนเล่าว่า วันที่ 29 พ.ย. 2566 นี้จะมีการจัดงานลอยกระทงข้างใน ซึ่งอารีฟได้เป็นนายนพมาศประจำห้อง และจับฉลากได้แห่เป็นห้องแรก ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน
อารีฟเล่าอีกว่า ช่วงนี้มีการแข่งฟุตบอลกันในแดน อารีฟเป็นหนึ่งในคนที่ลงแข่งด้วย แต่ล่าสุดเพิ่งแพ้มา อาจจะเพราะป่วยด้วยเลยเล่นได้ไม่เต็มที่ แต่ก็สนุกดี หลังจากได้แข่งบอล อารีฟเลยนึกถึงการจัดแข่งฟุตบอลกระชับมิตรของกลุ่มราษฎรว่าน่าจะแข่งช่วงนี้เหมือนกัน
เกี่ยวกับสถานการณ์ในเรือนจำ อารีฟบอกว่า เพื่อนนักโทษการเมืองเล่าว่าเหมือนผู้คุมจะใหัทุกคนย้ายไปแดน 4 น่าจะเริ่มจากธีก่อน แต่ต้องรอดูอีกทีว่าจะเป็นยังไง
อารีฟย้ำว่า ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว และป่วยอีก เลยกลายเป็นว่าตอนกลางคืนทรมานมาก เพราะห้องเป็นลูกกรงกับมุ้งลวด เลยมีลมโกรก พอกลางคืนอากาศเย็น คนที่ป่วยก็เลยทรมาน ก่อนบอกทิ้งท้ายว่า ยังได้อ่านหนังสือบ้างประปราย เล่มหนึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะหนามาก เลยอ่านไปเรื่อย ๆ อ่านก่อนนอน
จนถึงปัจจุบัน (28 พ.ย. 2566) อารีฟถูกคุมขังมาแล้ว 62 วัน
.
“เก็ท” โสภณ: คงต้องเตรียมใจว่าจะต้องอยู่ในนี้นานเป็นปี หรือมากกว่านั้น
20 พ.ย. 2566 เป็นครั้งแรกที่เก็ทเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการถอนหายใจ ก่อนบอกกับทนายว่า ทุกวันนี้เห็นโดมิเมล (Domimail) มาแล้วแอบกลัว กลัวเนื้อหามันทำร้ายจิตใจอีก ไม่อยากอ่าน เก็ทพูดถึงโดมิเมลว่า จะถูกส่งไปที่คณะกรรมการตรวจโดยตรงเลย ไม่ต้องผ่านคนตรวจในแดน ฉบับล่าสุดเก็ทเขียนเรื่องโพรมีธีอุสที่นำไฟมาให้มนุษยชาติแล้วถูกเทพลงโทษ อดัมกับอีฟขโมยแอปเปิ้ลแล้วโดนลงโทษ เปรียบกับเรื่องการลงโทษผู้ใต้ปกครองในการต่อต้าน
เก็ทฝากบอกคนที่จะส่งโดมิเมลเข้ามาว่า ให้กรองเรื่องละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกด้วย การอยู่ในเรือนจำมันไม่มีอะไรให้ทำมาก จดหมายบางฉบับที่เนื้อหาทำร้ายจิตใจ มันก็จะอยู่กับเราไปทั้งวัน เพราะไม่มีเรื่องอื่นมาดึงความสนใจมากนัก เก็ทกล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายเราไม่ได้แล้ว คนใกล้ตัวเราอย่าทำร้ายกันเองเลย
กับเรื่องการต่อสู้ เก็ทบอกว่าคุยกับอานนท์ นำภา ไว้แล้วว่า คงต้องเตรียมใจว่าจะต้องอยู่ในนี้นานเป็นปี หรือมากกว่านั้น หรืออาจจะถึงขั้นต้องเตรียมตัวไปเรือนจำคลองเปรม จากนั้นเก็ทเปลี่ยนมาเรื่องสุขภาพ อวดว่าวันนี้ชั่งน้ำหนัก น้ำหนักขึ้นมา 5 กิโลกรัม แบบไม่มีพุงเลย มั่นใจว่าเป็นกล้ามเนื้อล้วน ผลจากการออกกำลังกายหนักมาก ทั้งเวท ทั้งต่อยมวย ผู้ต้องขังที่เป็นเทรนเนอร์ให้ยังแซวว่า “เห็นมั้ยคุกให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด”
เก็ทอยากย้ำว่า โดมิเมลของเก็ทกับอานนท์ถูกจับตามาก ตรวจมากกว่าคนอื่น ถ้าใครมีเรื่องสำคัญหรือเรื่องหลังบ้านอยากให้มาตีเยี่ยมที่เรือนจำเองจะดีกว่า เพราะถ้าส่งจดหมายมา ไม่รู้ใครได้อ่านบ้าง มันจะตรวจหลายขั้น ก่อนบอกอีก หลังจากนี้อาจจะเลิกเขียนโดมิเมล แล้วให้ทนายมาจดบันทึกส่วนตัวแทน หรือถ้าส่งได้ อยากให้ศูนย์ทนายฯ เปิดโดมิเมลไว้หน่อย เก็ทอยากฝากลงโดมิเมลของเขาแทนเพจของตัวเอง
จนถึงปัจจุบัน (28 พ.ย. 2566) เก็ทถูกคุมขังมาแล้ว 97 วัน หรือกว่า 3 เดือน
.
“น้ำ” วารุณี: ยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพตัวเองในนิทรรศการ “ผู้ใดหมิ่นประมาท”
วันที่ 22 พ.ย. 2566 ทนายสังเกตเห็นน้ำดูสดใสขึ้น เธอบอกว่าวันนี้แต่งหน้ามาสวยเลยเปิดแมสก์คุยกัน ก่อนอัพเดตว่า เธอยังกินยารักษาโรคไบโพล่าร์ในปริมาณเท่าเดิม ทนายถามว่ายาที่ส่งไปให้ยังไม่หมดเหรอ น้ำบอกว่าพยาบาลแจ้งว่ายังมีอยู่ แต่เธอเขียนใบสั่งยาเตรียมไว้แล้ว “วันศุกร์นี้มีรอบกลับแดนค่ะ แต่น้ำยังไม่รู้นะว่าจะได้กลับวันนั้นมั้ย ถ้าได้กลับก็ต้องให้น้องสาวซื้อของใช้ในแดนให้หน่อย แล้วคงไม่ได้อ่านหนังสือที่ทนายส่งให้แล้ว”
น้ำฝากทนายช่วยเช็คกฎระเบียบของทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้งว่า สามารถเอาหนังสือเข้าไปได้ไหม มีข้อห้ามอะไรหรือไม่ เพื่อที่จะไปคุยกับเจ้าหน้าที่ในแดน
สุดท้ายทนายให้น้ำดูภาพ นิทรรศการ 3 ปี 112 “ผู้ใดหมิ่นประมาท” ที่จัดที่อาคาร All Rise (สำนักงาน iLaw) และภาพเสวนาของเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน น้ำยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพตัวเองในงาน กล่าวว่า “คนที่สนใจเขาก็สนใจจริง ๆ นะ ขอบคุณมากค่ะ”
จนถึงปัจจุบัน (28 พ.ย. 2566) น้ำถูกคุมขังมาแล้ว 154 วัน หรือกว่า 5 เดือน
.
“แม็กกี้”: “หนูอยู่ได้ เริ่มปรับตัวได้แล้วค่ะ”
วันที่ 23 พ.ย. 2566 แม็กกี้ย่อตัวไหว้อย่างสวยงามเพื่อทักทายทนายที่นั่งรออยู่แล้ว เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาพลางเปิดแมสก์ให้ดูว่าวันนี้ปากไม่ค่อยแดงเท่าไหร่ ระหว่างพูดคุยกันแม็กกี้ไอเป็นระยะ ทนายจึงถามว่ายังไม่ดีขึ้นเหรอ ก่อนได้คำตอบ
“ก็มีไอนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะแม่ เจ็บคอไม่จบไม่สิ้น วันนี้ก็รู้สึกมึน หนูเพิ่งกินยาไป 2 เม็ด”
ทนายให้แม็กกี้ดูภาพงาน นิทรรศการ 3 ปี 112 “ผู้ใดหมิ่นประมาท” เธอร้องวี้ดว้าย ถามว่ามีรูปหนูมั้ย ทนายตอบว่า ไม่มีหรอก เพราะแม็กกี้ไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยรูป ก็จะเป็นรูปดำ ๆ แล้วก็มีชื่อแบบนี้ แม็กกี้ยิ้ม บอกว่า “ไม่เป็นไรแม่ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เห็นแล้วก็ตื้นตันใจค่ะแม่”
แม็กกี้เล่าให้ฟังอีกว่า ได้จดหมายตอบกลับจากทางบ้านแล้ว เมื่อพูดถึงจดหมายฉบับนั้น เธอดูหม่นหมองลง “หนูเขียนทำนองว่า ตอนนี้อยู่เรือนจำ โดนมาตรา 112 ที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง มีคนดูแลอยู่ เขาก็เขียนบอกมาว่า ตกใจ ไม่คิดว่าหนูจะโดนมาตรา 112 ทางบ้านก็บอกให้หนูดูแลตัวเองดี ๆ แล้วจะบอกน้าให้มาเยี่ยม เพราะการเดินทางลำบาก แม่เลยมาหาไม่ได้ แต่น่าจะตามมาทีหลัง คือหนูก็รู้สึกสบายใจขึ้นว่า ทางบ้านรู้ข่าวแล้ว”
ส่วนเรื่องการย้ายแดน แม็กกี้บอกว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะถูกย้ายไป “ตอนนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องความแออัดอยู่ค่ะ แต่รู้สึกว่าช่วงสิ้นเดือนนี้ เขาจะจำแนกคนที่คดีสิ้นสุดแล้วไปแดนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ปัญหาเรื่องความแออัดน่าจะลดลง”
ก่อนแม็กกี้พูดด้วยน้ำเสียงมีพลังใจ “หนูอยู่ได้ เริ่มปรับตัวได้แล้วค่ะ”
จนถึงปัจจุบัน (28 พ.ย. 2566) แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้ว 38 วัน