วันศุกร์, พฤศจิกายน 24, 2566

คำให้การของ อานนท์ นำภา “ช่วยเพิ่มความมี ‘จักษุทัศน์บรรเจิด’ โดยไม่ต้องเบิ่งและเบิก”


การที่ อานนท์ นำภา ถอนตัวเองออกจากการขอประกันปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง ๑๔ คดี กลายเป็นคุณูปการแก่ประชาชนทั่วไป ที่สนใจข่าวสารและเนื้อหาคดีของเขา ซึ่งได้ถูกส่งออกมาสู่สาธารณะตามปณิธานที่เจ้าตัวตั้งไว้ ในการต่อสู้คดีด้วยมิติใหม่

นั่นคือมันช่วยเพิ่มความมี จักษุทัศน์บรรเจิด โดยไม่ต้องเบิ่งและเบิก กรณีหนึ่งคือการให้การในฐานะ จำเลย ของเขาเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกา ที่ศาลอาญารัชดา ในคดีความผิด ม.๑๑๒ คดีหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกเขาไว้ ๔ ปี

คดีนี้มาจากการโพสต์ข้อความ ๓ ชิ้นของอานนท์ ที่อัยการอ้างว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ ๑ มกรา ๖๔ ถึง ๓ มกรา ๖๔ และว่าล้วนมีจุดมุ่งหมาย ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสถาบันกษัตริย์

คำตอบของอานนท์ต่อข้อกล่าวหา Thanapol Eawsakul นำมาเผยแพร่ในบางส่วน ควรแก่การที่ผู้ใฝ่หาความจริงต้องใส่ใจ ธนาพลบอกว่า “คำให้การของอานนท์นั้นชัดเจนและรัดกุมมากโดยไม่หลงไปกับเหลี่ยมของอัยการที่มาซักค้าน”

เขายกตัวอย่าง ๒ ข้อ เรื่องแรกมื่ออัยการซักเกี่ยวกับสิ่งที่อานนท์เรียกร้อง “หลักพระมหากษัตริย์ทรงกระทำผิดมิได้ (The King Can Do No Wrong) การกระทำทุกครั้งก็มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการใช่หรือไม่ อานนท์ตอบว่าใช่”

อัยการกลับเล่นลิ้น อ้างถึงรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ กับ พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ๒๕๖๐ ว่าต้องมีผู้รับสนองฯ จึงจะถูกต้องหรือ อานนท์ตอบว่า เราไม่ได้พูดว่ามันผิดกฎหมาย แต่มันไม่ถูกต้องกับระบอบประชาธิปไตย...อันมีฯ”

อานนท์ยกตัวอย่าง พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินว่า “ทำให้เกิดการโอนสาธารณะสมบัติกลายเป็นของส่วนพระองค์ เช่น ลานพระบรมรูปทรงม้า สวนสัตว์ดุสิต เป็นต้น ซึ่งทั้งสองแห่งนั้นประชาชนเคยใช้เป็นพื้นที่สาธารณะร่วมกัน”

สำหรับคำให้การของธนาพลเองในฐานะพยานจำเลย ต่อกรณี พรบ.ดังกล่าว เขาชี้ว่าทำให้บริษัทใหญ่ๆ อันสำคัญ เช่นธนาคารไทยพาณิชย์ และปูนซิเม็นต์ไทย แต่เดิม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้น

ก็กลับเป็นของ “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ โดยอัตโนมัติ” เขาว่า “เรื่องนี้เป็นสำคัญ เมื่อพระนามพระมหากษัตริย์ มาปรากฏในฐานะผู้เล่นทางเศรษฐกิจ ก็อาจจะมีส่วนระคายเคืองได้เช่นกัน”

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/2VsT3bGCFW)