วันนี้ 11.00 น. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร ตั้งคำถามถึงกรณีล่าสุดที่ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการวิทยุประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายประเด็นที่สร้างความไม่พอใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึงประชาชนที่ยากจน ขี้เกียจ ไม่ทำงาน รอเพียงการช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้ยโสธรเกิดการพัฒนา ซึ่งเมธา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของตนว่าเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการ
“ผู้ว่ายโสธรดูถูกประชาชน?
“กรณีที่ นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เตรียมประกาศคำขวัญประจำจังหวัดยโสธรขึ้นใหม่แทนคำขวัญเดิม โดยไม่ให้ประชาชนชาวยโสธรมีส่วนร่วมหรือจัดรับฟังความเห็นและประชามตินั้น เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยเมื่อวานนี้ นายวารินทร์ ทวีกันย์ เลขานุการสมาคมชาวยโสธร และเครือข่ายภาคประชาชนนำโดย นางสาวไอลดาวรรณ โมคภา ได้ยื่นหนังสือร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทบทวนเรื่องนี้ด้วยแล้ว
“แทนที่ นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนชาวยโสธร กลับออกรายการวิทยุ สวท.ยโสธร ด่าประชาชนชาวยโสธรว่าขี้เกียจเลยจน ติดการพนัน ขัดขวางการพัฒนา พร้อมทั้งเหยียดหยามว่าจังหวัดยโสธรไม่พัฒนาเพราะว่ามีประชาคมมากเกินไป ซึ่งเป็นทัศนคติแบบเผด็จการ มีความคิดอำนาจนิยม ทั้งๆ ที่ผู้ว่าคนนี้พึ่งย้ายมาบริหารจังหวัดยโสธรได้ไม่ถึงปี และจะเกษียณในวันที่ 30 กันยายนนี้
“ผมในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร และลูกหลานชาวยโสธร หลานนายฮ้อยเคน แห่งบ้านนาโส่ อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ขอเรียกร้องให้นายวิรุจ วิชัยบุญ ให้ออกมาขอโทษประชาชนที่ออกมาดูหมิ่นชาวยโสธรเมื่อวานนี้ ทั้งที่ประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัด ตามหลักการประชาธิปไตยและสิทธิชุมชน และคนยโสธรที่ขยัน ไม่โง่และทำงานดีๆ ก็มีมากมาย มีทั้งนักคิด นักเขียน และศิลปินที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นดาว บ้านดอน หม่ำ จ๊กม๊ก ไผ่ พงศธร มนต์แคน แก่นคูณ คำพูน บุญทวี แต่ผู้ว่าคนนี้ดูถูกประชาชน แทนที่จะร่วมกันพัฒนาแก้ปัญหา
“และขอคัดค้านผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ที่ลุแก่อำนาจกำลังจะมีคำสั่งให้เปลี่ยนคำขวัญจังหวัดยโสธรในวันนี้ จากคำขวัญเดิม “ยโสธร เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ” ซึ่งใช้มานาน สั้นๆ กระชับ ทรงพลัง และดีอยู่แล้ว คนยโสธรจำง่าย แต่คำขวัญใหม่หลายคนอ่านแล้วได้แต่ส่ายหัว เพราะได้ข่าวว่าไปลอกจังหวัดอื่นมาและคำก็ไม่คล้องจอง
“มีข่าวลือมาว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต้องการสร้างประวัติศาสตร์ตนเองก่อนเกษียณอายุ เพื่อขึ้นชื่อเป็นผู้บัญญัติคำขวัญจังหวัดใหม่ เลยให้เพื่อนสนิทแต่งคำขวัญใหม่นี้ขึ้นมา และกำลังจะทำหนังสือยืนยันมาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอเปลี่ยนคำขวัญจังหวัด สร้างประวัติอันยิ่งใหญ่ให้ตนเอง แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายส่วนหน่วยงานในจังหวัดไม่เห็นด้วย และพยายามชะลอการทำหนังสือไว้ชั่วคราว แต่ผู้ว่าฯ ไม่ยอมและไม่ถอย อ้างว่าใครจะร้องเรียนใครจะฟ้องร้องมาได้เลย เพราะไม่กลัว และออกมาด่ากราดผู้คัดค้านอย่างรุนแรง
“ผมขอให้ชาวยโสธรช่วยกันออกมาคัดค้านด้วยครับ บางเรื่องก็เหมือนมีผลประโยชน์แอบแฝง ข่าวว่าเจ้าหน้าที่พยายามดึงเรื่องไว้ก่อนแต่ผู้ว่าเตรียมเซ็นต์คำสั่งแล้ว ขอเรียกร้องไปยัง นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาคมและคนยโสธรทั้งหมด ถ้าจะเปลี่ยนคำขวัญใหม่จริงๆ ต้องให้ประชาชนชาวยโสธรมีส่วนร่วม หรือจัดประกวดอย่างเป็นทางการ มีคณะกรรมการหลากหลายร่วมพิจารณา วันนี้แม้แต่สภาวัฒนธรรมจังหวัดยโสธรยังไม่มีส่วนร่วมเลย”
สำหรับคำพูดของ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เผยแพร่ผ่านคลื่นวิทยุ สวท.ยโสธร FM. 90.0 MHz. ในรายการ คุยสบายๆ สไตล์ ผู้ว่าฯ วิรุจ ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ระบุว่าในช่วงนาทีที่ 36.22 – 37.32 ความว่า
“…ประเทศไทยประชาคมเยอะเกินไป ไม่ได้ว่านะ อะไรที่มันดี ถามว่าพี่จะสร้างสกายวอล์คบนลำน้ำทวน ถ้าประชาคมจะได้สร้างไหม มันจะมีคนบางจำพวก ไม่อยากเห็นความเจริญของคนอื่น ไม่อยากเห็นความเจริญของยโสธร กูจะอยู่อย่างนี้ เพราะอะไรรู้ไหม เจริญไปกูก็ไม่ได้อะไร เพราะกูจน เพราะกูขี้เกียจ กูไม่ทำงาน กูขี้เกียจ กูจะเล่นแต่การพนัน กูจะเสี่ยงแต่โชค งานไม่ทำ รอแต่เงินรัฐบาล หมื่นดิจิทัล แล้วถามว่ายโสธรจะเจริญไหมนี่ พี่พูดนี่ไม่ใช่โมโหนะ แต่บางครั้งบางทีมันก็น้อยใจ แต่คนให้กำลังใจพี่เยอะแยะ ยกเว้นรถทัวร์บางยี่ห้อที่มันวิ่งแล้วมันประสบอุบัติเหตุ วิ่งแล้วคนไม่ขึ้น เยอะแยะมากมาย ลงเถอะลงมาเลยนะรถทัวร์ เพราะพี่ไม่ขึ้นด้วย อันนี้ขอชี้แจงนะวันนีเป็นวันที่ผู้ว่าฯ อารมณ์เสียมาก เพราะว่าบางทีเราคิดว่าเราทำอะไรดีๆ ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวพี่จะบอกผู้ว่าฯ คนใหม่ที่มาแทนพี่ อย่าทำอะไรเถอะ รอเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็แล้วกัน…”
นอกจากนี้ยังมีคำพูดที่กล่าวในนาทีที่ 45.35 – 47.21 อีกว่า
“…คือพี่เจอมาเยอะแล้วแหละ คือทำอะไรพี่ก็ทำจริงๆ จังๆ ไม่ใช่ข้าราชการที่อยู่ไปวันๆ มันมีข้าราชการบางจำพวกที่อยู่ไปวันๆ หรือไม่ก็วิ่งแต่ไปหานาย พื้นทีไม่เคยอยู่ ไปแต่ประจบประแจง สุดท้ายก็ได้ดีไม่ได้ดีบ้าง พี่ไม่เคยทำ เพราะฉะนั้นเมื่อพี่อยู่ในตำแหน่งไหน พี่ทำงานทุกที ถามว่าอยากมาอยู่ยโสธรไหม เขาส่งมาอยู่อยู่นะ ไม่เคยคิดอยู่นะยโสธรนี่ อยากไปอยู่มุกดาหาร เพราะชอบแม่น้ำโขง เพราะเคยเป็นนายอำเภอที่นครพนม อยู่ติดแม่น้ำโขง แล้วมีคนเคยมาบอกว่า ท่านนายอำเภอเป็นพญานาคกลับชาติมาเกิด
“และหลังจากถูกสั่งมาที่ยโสธร พี่ก็สามารถทำให้ได้ทุกเรื่อง พี่ก็ทำให้เต็มที่ อะไรที่สามารถทำให้คนยโสธรได้พี่ก็ทำให้ หลายต่อหลายเรื่อง ถามว่าทำไมพี่ทำแล้วพี่ไม่ถามใคร ถามแล้วมันไม่ได้เรื่อง ถามแล้วก็ตอบว่าไม่ดีครับ ไม่ควรทำครับ แล้วพี่ควรจะถามไหมนี่ อะไรที่พี่ว่ามันดีพี่ก็จะไม่ถาม พี่ทำเลย แต่ถ้ามีทัวร์มาลง หากพี่ทำไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วยก็แล้วกัน ก็ไปใช้เหตุผล ไปใช้สมองในการตริตรองว่าอะไรที่มันถูกมันควร เปิดใจคุยกันเลย…”
ที่มา Isaan Record