ภาพจากผู้จัดการ
.....
Poetry of Bitch
7h
·
สรุปไทม์ไลน์ ‘ช่อ พรรณิการ์’ ถูกศาลตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีพ
:
1- เมื่อปี 2562 “ช่อ – พรรณิการ์ วานิช” ซึ่งตอนนั้นอายุ 30 ปี ได้ก้าวจากนักข่าวมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อในสังกัดพรรคอนาคตใหม่ และยังดำรงตำแหน่งโฆษกพรรคด้วย
2- มิถุนายน 2562 มีคนขุดภาพที่คุณช่อเคยโพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อปี 2553 เป็นภาพที่คุณช่อกับเพื่อนรวม 6 คน สวมชุดครุยจุฬาฯ เพื่อรับปริญญา และถ่ายรูปเล่นกันในห้องสมุด
3- มีอยู่รูปหนึ่งที่เพื่อนชูพระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 ขึ้น และเอานิ้วชี้ไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีคุณช่อยืนอยู่ข้าง ๆ คุณช่อเขียนแคปชั่นใต้ภาพว่า “ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย =__=“
4- หลายคนมองว่าภาพนี้ไม่เหมาะสม และทั้ง 6 คนแสดงกิริยาไม่บังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ มีลักษณะลบหลู่ ล้อเลียนขำขัน ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง ทำให้เกิดกระแสโจมตีคุณช่ออย่างรุนแรงจากกลุ่มผู้จงรักภักดี จนคุณช่อต้องตั้งค่าเฟซบุ๊กเป็นส่วนตัว
5- ต่อมาคุณช่อได้ชี้แจงเบื้องหลังภาพนี้ว่า ตอนนั้นเป็นยุคหลังรัฐประหาร 2549 มีการนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน แบ่งฝักฝ่ายให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง จะจัดการใครให้ติดคุกนั้นง่ายมาก แค่ชี้หน้าว่าไม่จงรักภักดี
6- ในฐานะนักศึกษารัฐศาสตร์ ตนกับเพื่อนเฝ้ามองปรากฏการณ์นี้ด้วยความกังวลและนำมาพูดคุยกัน จึงเป็นที่มาของภาพนี้ที่สะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย
7- ส่วนที่แคปชั่นว่า “ไม่ควรมีคำบรรยาย” ก็เพราะเราจะมีคำบรรยายได้อย่างไร ในยุคสมัยที่ถ้าวันหนึ่งมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณไม่จงรักภักดี แล้วคุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป
8- คุณช่อยอมรับว่าภาพนี้ไม่เหมาะสม และขออภัยต่อประชาชนที่เห็นภาพแล้วไม่สบายใจ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าภาพนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่สภาพการเมืองไทยไม่ได้เปลี่ยนไปเลย อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงของคุณช่อไม่เป็นที่พอใจของกลุ่มผู้จงรักภักดีและถูกมองว่าฟังไม่ขึ้น
9- “ศรีสุวรรณ จรรยา” ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการกระทำของคุณช่อว่าขัดรัฐธรรมนูญและละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ เพราะ ส.ส.ต้องเคารพเทิดทูนและพิทักษ์รักษาสถาบัน โดยนอกจากรูปนี้แล้วยังมีโพสต์อื่นอีกรวม 6 กรณี เช่น โพสต์เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบทกวีที่มีลักษณะพาดพิงสถาบัน
10- ต้นปี 2565 ป.ป.ช.มีมติว่าการกระทำของคุณช่อเข้าข่ายละเมิด “มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561" จึงส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อ
11- ในชั้นศาล คุณช่อยื่นคัดค้านว่าเธอโพสต์ภาพและข้อความเหล่านี้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีบทกฎหมายมาตรฐานทางจริยธรรมฯ จึงบังคับย้อนหลังไม่ได้ และกฎหมายนี้ใช้บังคับคนที่ยังดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น แต่เธอพ้นตำแหน่ง ส.ส.แล้ว
12- ศาลแย้งว่า คุณช่อโพสต์ตั้งแต่ก่อนเป็น ส.ส.ก็จริง แต่พอได้เป็น ส.ส.แล้วก็ยังไม่ลบโพสต์ ยังปล่อยไว้ในเฟซบุ๊กและเปิดสาธารณะให้คนทั่วไปเข้าไปดูได้ เป็นการกระทำที่ไม่ให้ความเคารพเทิดทูนและไม่พิทักษ์รักษาสถาบัน
13- วันนี้ (20 ก.ย. 66) ศาลฎีกาพิพากษาว่า คุณช่อฝ่าฝืน / ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตลอดชีวิต
14- หลังศาลตัดสิน คุณช่อโพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจ และยืนยันว่าแม้จะลง ส.ส. และรับตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่จะทำงานการเมืองที่ทำอยู่ตอนนี้ต่อไป ไม่มีใครมาพรากสิทธิ์นี้ไปจากเธอได้
15- อนึ่ง นอกจากคุณช่อแล้ว ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ถูกถอนสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เช่น
ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ข้อหาครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ
กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ สส.ภูมิใจไทย ข้อหาครอบครองที่ดินเขาใหญ่
ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ข้อหาเสียบบัตรแทนกันในการประชุมสภา
16- ซึ่งปารีณาก็ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กฎหมายจริยธรรมนั้นไม่เป็นสากล ไม่มีที่ไหนในโลกเขาแจ้งดำเนินคดีจริยธรรมกัน ถ้านักการเมืองทำผิดก็ว่ากันไปทางอาญา ทางแพ่ง เอาไปปรับหรือเอาไปติดคุก แต่ไม่ใช่มาตัดสิทธิ์กันด้วยจริยธรรม
17- ในขณะที่ “คำ ผกา” โพสต์ข้อความให้กำลังใจคุณช่อและบอกว่า “ประเทศประชาธิปไตยสากลไม่ควรมีกฎหมายตัดสิทธิ์นักการเมือง กฎหมายที่บิดเบี้ยวตัดสิทธิ์การเมืองของพรรณิการ์ได้ แต่ไม่สามารถทำลายความสง่างามของพรรณิการ์ในฐานะนักการเมืองได้”
.....
"ช่อ อนาคตใหม่" อ้างรูปถ่ายกับพระบรมฉายาลักษณ์ประชดล่าแม่มด ขออย่านำสถาบันทำลายกัน
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ (ภาพจากแฟ้ม)
9 มิ.ย. 2562
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
โฆษกอนาคตใหม่ เคลียร์รูปถ่ายกับพระบรมฉายาลักษณ์ร.9 โบ้ยเพจIOปั่นกระแส อ้างโตมากับกระแสคนถูกกล่าวหาไม่จงรักภักดี นำมาโจมตีคนต้านรัฐประหาร รับประชดล้อการล่าแม่มด ขออภัยถ้าทำให้ไม่สบายใจ ขออย่าใช้สถาบันเป็นเครื่องมือการเมืองทำลายกัน
วันนี้ (9 มิ.ย.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงกรณีรูปภาพตนเอง สมัยรับปริญญาที่ถ่ายรูปกับพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งใส่แคปชันว่า "ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย =__=" โดยมีหัวข้อระบุว่า ทำไมภาพนั้น “ไม่ควรมีคำบรรยาย” ?
เมื่อวานมีเพจเฟซบุ๊กที่ทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา (หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO) ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นำภาพที่ช่อถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาเมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรงโดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์
ช่อขออธิบายดังนี้ว่า ตอนนั้นเป็นยุคหลังรัฐประหาร 2549 และมีกระแสการกล่าวหาผู้คนว่าไม่จงรักภักดีเกิดขึ้นไปทั่วทั้งในโลกอินเทอร์เน็ตและในโลกแห่งความเป็นจริง ช่อกับเพื่อนๆ เติบโตมาในบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองเช่นนี้
พวกเราในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์ก็เฝ้าติดตามปรากฏการณ์เหล่านี้ด้วยความกังวลอย่างมาก บ่อยครั้งการนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมือง แบ่งฝักฝ่ายในหมู่ประชาชนให้เกลียดชังกัน หรือบานปลายไปถึงขั้นล่าแม่มดกัน ก็กลายเป็นความขื่นขันตลกร้าย
หลังรัฐประหาร 2549 เป็นเรื่องง่ายมากที่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจัดการใครให้ติดคุกเพียงมีคนชี้หน้าเขาว่าไม่จงรักภักดี
การสร้างความเกลียดชังแบบนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมายในหัวของคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่เติบโตมาในยุคหลังรัฐประหาร กระทั่งบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่เรานำมาคุยล้อกันเพื่อสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย
นี่คือ “ข้างหลังภาพ” ที่บอกว่า “ไม่ควรมีคำบรรยาย”
เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้างในยุคสมัยที่วันหนึ่งอาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี และดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป
ช่อยอมรับว่าภาพการประชดล้อเลียนกระแสความเกลียดชังจากการล่าแม่มดของนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก รวมถึงภาพๆนี้ ดูไม่เหมาะสม และต้องขออภัยอย่างสูงต่อประชาชนที่เห็นภาพนี้แล้วเกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งที่ช่ออยากให้ทุกท่านตระหนักเช่นกัน คือสังคมการเมืองไทยกำลังทำให้คนหนุ่มสาวในรอบสิบกว่าปีมานี้เติบโตมาพร้อมคำถามมากมายกับการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน
ช่อและเพื่อนๆ เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พวกเราอยากเห็นระบบรัฐสภาที่ยึดโยงกับเสียงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ไม่ใช่การเมืองที่แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้รัฐประหารและทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองกันบ่อยครั้ง
วันนี้ช่อไม่ใช่นิสิตแล้ว แต่เป็นนักการเมือง เวลาผ่านไปเกือบทศวรรษ ทว่าสภาพการเมืองไทยก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลย
ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง
คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันฯ มารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป
(ภาพจากแฟ้ม)