วันพุธ, กันยายน 27, 2566

ธนาธร บรรยายหลักสูตรดัง ชี้ผลลต. พิสูจน์การเมืองใหม่ เป็นไปได้ บิ๊กทหาร-ขรก.ฟังพรึบ


Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
10h
·
[ ประชาธิปไตย การเมืองแบบใหม่ ก้าวไกล และการตอบโจทย์ความท้าทายของไทยในโลกปัจจุบัน ]
.
วันนี้ ผมได้รับเกียรติจากสถาบันพระปกเกล้า เชิญให้เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย ให้แก่นีกเรียนในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 27 (ปปร.27) โดยผู้เรียนทั้ง 140 คนมีที่มาจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึง สส. และ สว. หลายท่าน และทำให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในวันนี้สนุก และได้ข้อคิดประเด็นดีๆ หลายเรื่องมากครับ ทำให้ผมอยากแชร์บางส่วนจากการบรรยายของผมให้ทุกคนในที่นี้ได้อ่านกันด้วย
.
การบรรยายวันนี้ ผมได้รับโจทย์จากผู้เชิญให้พูดถึง “การเมืองใหม่ในโลกปัจจุบัน” ซึ่งผมได้เริ่มต้นด้วยการพูดถึง “โลกปัจจุบัน” ก่อน ซึ่งนั่นก็คือความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญในปัจจุบัน และจะยิ่งรุนแรงขึ้นในอนาคต
.
ความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันมีทั้งเรื่องของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของโลกหลายปีติดต่อกัน ความเหลื่อมล้ำและช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ที่ 3 ครั้งล่าสุดที่มีการจัดอันดับ ประเทศไทยติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำที่สุด และปัญหาใหญ่ที่มีแนวโน้มรุนแรงทวีคูณขึ้นในอนาคต นั่นคืออัตราการเกิดของประชากรที่ตกต่ำลงสวนทางกับอัตราการตายของประชากร ซึ่งสาเหตุนั้นผูกผันกับปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างแยกไม่ได้ ประชากรวัยทำงานมีแนวโน้มต้องทำงานหนักขึ้น เพียงเพื่อให้ประเทศไทยยังยืนที่เดิมในด้านผลิตภาพ และการดูแลประชากรผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น
.
แนวโน้มของโลกวันนี้ เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ที่ประเทศไทยไม่มีทางต่อต้านขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงได้ แต่ในสภาพปัจจุบันที่ประเทศไทยเติบโตช้ากว่าเพื่อน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูง เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ภายใต้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยแข่งขันกับโลกได้อย่างไร และเราจะหางานให้คนจบใหม่ และทดแทนคนทำงานที่เกษียณไปทุกปีได้อย่างไร เพราะอุตสาหกรรมที่พาประเทศไทยมาถึงวันนี้ ทั้งยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ มาถึงทางตันแล้ว ทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ๆ ไม่ได้
.
คำตอบคือต้องมีการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ด้วยการสร้างเทคโนโลยี
.
ผมได้ยกตัวอย่างถึงงานที่คณะก้าวหน้าได้ทำร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น การทำน้ำประปาที่ดื่มได้ ที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ที่ทำให้ดื่มได้ไปแล้ว ทำไอโอทีไปแล้ว และขั้นต่อไปคือการลดปริมาณน้ำที่สูญเสียจากระบบท่อรั่วหรือแตก
.
แม้นี่จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ปัญหาน้ำประปาเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ที่ครอบคลุมประชากรหลายล้านคน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แต่ในขณะเดียวกันก็คือโอกาสที่เราจะแก้ปัญหาหลายเรื่องไปพร้อมกันได้
.
การทำให้น้ำประปาดื่มได้และการทำให้ระบบการคิดค่าน้ำประปาเป็นระบบไอโอทีที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ ทำให้กระบวนการเดินจดค่าน้ำ การออกบิล และการเก็บเงินเข้าคลังของเทศบาล ลดชั่วโมงการทำงานจากเดือนละ 42 ชั่วโมง เหลือแค่เดือนละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
.
อาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการหรือครับ ในการรับมือกับแนวโน้มสังคมสูงวัยที่ประชากรวัยทำงานจะลดปริมาณลงอย่างมาก นั่นคือการลดการทำงานลง แต่ได้ผลิตภาพที่มากขึ้น?
.
อีกด้านหนึ่ง การทำระบบไอโอทีที่ว่านี้ ทางนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอาจสามารถ ได้ตัดสินใจใช้งานบริษัทของคนไทย ที่ทำสมาร์ทมิเตอร์ส่งออกไปยุโรปเป็นหลักแต่ไม่ค่อยได้ขายให้คนไทย ดูเป็นเรื่องเล็กอีกแล้ว แต่ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเราปรับปรุงระบบน้ำประปาทั้งประเทศ ให้เป็นน้ำประปาดื่มได้และเป็นระบบสมาร์ทมิเตอร์ทั้งหมด นั่นคือการเกิดขึ้นของห่วงโซ่อุปทานใหม่ๆ นั่นคืออุตสาหกรรมของคนไทย การจ้างงานคนไทย และการพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยเองจะเกิดขึ้นในระดับที่ใหญ่มากแค่ไหน
.
นั่นคือการตอบโจทย์การสร้างเทคโนโลยี สร้างอุตสาหกรรมใหม่ และสร้างงานใหม่ๆ ให้กับคนไทย ที่จะตอบโจทย์การแข่งขันกับโลกได้ และถ้าเราทำสำเร็จก่อนหลายๆ ประเทศรอบเรา เรายังสามารถเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีไปให้กับโลกได้อีกด้วย
.
เพียงน้ำประปาแค่เรื่องเดียวสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานจำนวนมหาศาลได้แล้ว คิดดูสิครับว่าถ้าเรานำปัญหาของสังคมอื่นๆ ที่มีจำนวนมากมายมาทำแบบเดียวกัน นำปัญหามาแปรเป็นอุปสงค์ ใช้การลงทุนภาครัฐมาผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ สร้างงาน และสร้างเทคโนโลยีในประเทศ เราจะเกิดการสร้างงาน สร้างเทคโนโลยี ทดแทนการใช้แรงงานด้วยเทคโนโลยี สำหรับประชากรวัยทำงานที่จะลดลง ได้อีกมากมายมหาศาลขนาดไหน
.
แต่ระหว่างการบรรยาย ก็มีผู้เรียนท่านหนึ่งถามผมขึ้นมา ว่าการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่แบบนี้แม้จะดีมาก แต่จะมีกลุ่มทุนที่เสียผลประโยชน์ขัดขวางแน่นอน แบบนี้จะทำได้หรือ?
.
พอดีกับที่โจทย์ของผมซึ่งเตรียมมาบรรยายวันนี้ต่อไปเป็นการตอบคำถามนี้พอดี นั่นคือทำไมเราต้องมีประชาธิปไตยและมีการเมืองแบบใหม่?
.
ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศมีสถาบันการเมืองที่มั่นคง เสมอต้นเสมอปลาย สิ่งสำคัญก็คือรัฐธรรมนูญ หรือกฏกติกาสำหรับการอยู่ร่วมกัน การที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเฉลี่ยทุก 4.5 ปี แสดงให้เห็นว่าเรายังไม่มีฉันทามติร่วมกันว่าจะอยู่ร่วมกันภายใต้กติกาอย่างไร และตราบใดที่เรายังไม่ได้สถาปนารัฐธรรมนูญที่มีความมั่นคง ให้ประชาชนได้เรียนรู้ถูกผิดตามระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยก็ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้
.
วันนี้มันสายไปแล้วที่จะเลือกทางเดินอื่น ประชาธิปไตยไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกเดึยว ประเทศไทยมาบนเส้นทางนี้ไกลเกินกว่าที่จะไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว
.
แล้วการเมืองแบบใหม่เกี่ยวข้องอย่างไรกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ?
.
อย่างที่หนึ่งในผู้เรียนตั้งโจทย์มา พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล หากมีแนวคิดที่จะพัฒนาในการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ เทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง ย่อมมีกลุ่มทุนที่เสียผลประโยชน์มาล้อบบี้ให้เลิกทำเสีย
.
จุดตัดสำคัญว่าอะไรแบบนี้จะสำเร็จได้ไปต่อหรือไม่ คือพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลนั้น มีที่มาของเงินจากไหน มาจากการขอเงินคนละ 100-200 บาทจากประชาชนเป็นล้านๆ หรือมาจากเงิน 100-200 ล้านบาทจากนายทุนไม่กี่คน
.
ความสำเร็จของพรรคก้าวไกล คือความสำเร็จของการเมืองแบบใหม่ที่เป็นไปได้ ตัวเลข 36.4% ที่พรรคก้าวไกลได้จากการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่หลายคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเก่งเรื่องการทำสื่อโซเชียลนั้น ผมคิดว่าจริงแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งคือการทำงานอย่างหนักตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การทำในสิ่งที่หลายคนไม่เห็น ไม่ใช่เพื่อตำแหน่ง ลาภยศชื่อเสียง การยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำอย่างต่อเนื่องแม้ไม่มีใครเห็นหรือมีคนเห็นน้อยมาก พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งมาได้ด้วยการทำการเมืองแบบนี้ ด้วยความอยากเห็นการเมืองแบบที่รับใช้ประชาชน
.
นี่คือการเมืองที่เราอยากเห็นอยากสร้าง แน่นอนว่าพรรคก้าวไกลยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีเรื่องต้องปรับปรุงอีกเยอะมาก แต่ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ ล้วนมีความเชื่อแบบเดียวกัน คืออยากทำให้ประเทศไทยเห็นว่าพรรคการเมืองที่ไม่ซื้อเสียง ไม่คอรัปชั่น เป็นจริงได้
.
ในการบรรยายวันนี้ ผมสรุปให้ทุกท่านฟัง ว่าสิ่งที่ทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองพูดถูกคนละด้าน ก็คือประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย และการทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศจริง แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่คอรัปชั่นน้อย แต่ก็เป็นประชาธิปไตยได้ คนที่เกลียดการคอรัปชั่นไม่ควรหันไปใช้การรัฐประหาร ส่วนคนที่เชื่อประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับว่าการคอรัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศจริง
.
และมีแต่การเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตย พร้อมกับการทำการเมืองแบบใหม่เท่านั้น ที่จะเป็นการสร้างปัจจัยพื้นฐานให้กับเราเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ที่ผมพูดถึงไปข้างต้นได้



.....
รายงานข่าวจากมติชน