วันศุกร์, กันยายน 29, 2566

จะ ‘ส้มเทิร์นแดง’ หรือ ‘แดงเทิร์นส้ม’ มันอยู่ที่เขียนอย่างไร ว่าไหม

ประชาไทสัมภาษณ์ ๓ แอ็คทิวิสต์วัยรุ่น ส้มเทิร์นแดง น่าสนใจทีเดียว ถึงแม้ Atukkit Sawangsuk จะบอกว่า “จะได้เข้าใจคนรุ่นใหม่ส่วนน้อย (น้อยมาก ในขณะที่แดงเทิร์นส้มเพียบ)” และพวกปัญญาชนประเภทเดียวกัน

“พวกปัญญาชนที่ผลจากส้มเทิร์นแดง (ในภาพรวมไม่ใช่สามคนนี้) มักจะยกตนว่า เราเข้าใจความเป็นจริงของโลกมากกว่า พวกส้มไร้เดียงสา เราฉลาดกว่า เราล้ำลึกกว่า แล้วก็จะหนุนการเมืองแบบเก่ามากขึ้นๆ” กับ  “จริงๆ เป็นเรื่องปกติ ในหมู่นักกิจกรรม

ที่จะมีความเห็นไม่ลงรอยกัน ทั้งปัญหาความคิด ท่าที (คนเราเวลามีปัญหากันก็จะเริ่มจับจ้องจุดอ่อนข้อบกพร่อง) แล้วแยกทาง” ลองไปดูว่าเราจะได้ความรู้จาดสามคนนี้อย่างใดบ้าง คนแรก มายมิ้นต์ ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ ครุศาสตร์ จุฬาฯ

ปัญหาของเธอกับ ส้มก็คือ “วิธีหาเสียงที่โจมตีคนอื่น” อันนี้เธอบอกเป็น “หนึ่งตัวอย่างของการเมืองใหม่ที่ไม่มีจริง” อีกปัญหาเป็นสิ่งที่เธอว่า “ไม่มีปัญหากับการที่ส้มเป็น กปปส.เก่า” แต่ปัญหาอยู่ที่พวกนี้เคย “ทำลายประชาธิปไตย (แล้ว) มาชี้หน้าด่าว่าคนอื่นไม่มีอุดมการณ์”

ศุกรียา “ยืนยันว่าเรื่องที่ตนเองเจอแม้จะดูเป็นประสบการณ์ส่วนตัว แต่ก็สะท้อนการทำงานของระบบในพรรคได้ดีมาก ถ้าพรรคยังไม่สามารถจัดการการทำงานในระดับเล็กๆ ให้ราบรื่นได้ แล้วจะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศได้อย่างไร”

ด้าน พัทภูมิภัสส์ หิรัญวีวิชญ์ ปี ๓ รัฐศาสตร์ มธ. คนนี้นิยมนโยบาย แอลบีจีที ของพรรคเพื่อไทยมาก ข้อสำคัญ “ไม่ชอบระบบการทำงานและท่าทีที่ดูไม่จริงใจของพรรคส้ม” แต่ขณะนี้ก็ต้องพบนักจิตบำบัดเป็นระยะ เพราะเจอทัวร์ลงหนักกว่าเก่า

“ปกติเวลาที่ตนพูดเรื่องเฟมินิสต์ในโซเชียลก็จะมีทัวร์แอนไทเฟมินิสต์จากเฟซบุ๊กมาลง ต่อมาที่ตนเปิดตัวเชียร์เพื่อไทยทัวร์ก็ลงบ่อยและหนักขึ้นกว่าเดิม”

สำหรับ ฟ้าน้ำฟ้า ปั้นเหน่งเพชร ชั้นปี ๓ รัฐศาสตร์ มธ.เหมือนกัน ยอมรับเต็มภาคภูมิว่าตนเป็นทั้ง เฟมินิสต์ และ นางแบกบอกว่าเคยทำกิจกรรมกับพรรคส้มมาก่อน “แต่รู้สึกไม่ซื้อในพฤติกรรมหลายๆ อย่างซึ่งดูขัดกับประเด็นที่พรรคพยายามนำเสนอ

...คนอื่นอาจจะซื้อ แต่เราไม่ซื้อ ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แค่เราไม่ซื้อ” ประการสำคัญเธอเป็นนักปฏิบัตินิยม หรือ pragmatist หรือจะแปลให้ทันสมัยยุคข้ามขั้วก็ อยู่เป็นเธออธิบายอย่างนี้ “ผิดหวังที่เพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้จับมือกับก้าวไกลแล้วไปต่อด้วยกันได้ แต่สุดท้ายถ้ามีก้าวไกลยังไงก็ไม่ผ่าน สว. ๒๕๐ คน จึงมองว่าก็ต้องเลือกทางที่ไปต่อได้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด” อย่างนี้ต้องเอาไปประกบกับอีกชุดสัมภาษณ์ของประชาไท

ในชุด แดงเทิร์นส้มป้าผู้ตอบสัมภาษณ์คนหนึ่งบอกว่า “ไม่มีประชาชนคนไหนที่จะทำลายพรรคการเมืองได้ มีแต่พรรคการเมืองจะทำลายตัวเองด้วยการไม่ยึดหลัก ไม่ยึดอุดมการณ์ ไม่ยึดสัจจะวาจาตัวเอง

(https://prachatai.com/journal/2023/09/105976 และ https://prachatai.com/journal/2023/09/106122)