วันพุธ, กันยายน 27, 2566

ด้วยความนับถือ ทนายอานนท์ และขอประณาม นายธรรมสรณ์ ปทุมมาศ เป็นหัวหน้าคณะและเจ้าของสำนวน ที่พิพากษาจำคุกอานนท์ นำภา ความผิดตาม ม.112-พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปราศรัย #ม็อบ14ตุลา 2563 ลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท ไม่รอลงอาญา


iLaw
1d·

"ผมคิดว่าเราเชื่อมั่นในเพื่อน เชื่อว่าคนข้างนอกเขาจะมีแนวทางต่อสู้ให้เรากลับออกมาข้างนอก และสิ่งที่เราทำมันเป็นเรื่องของขบวนไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ส่งผลกระทบต่อสังคมจนทำให้สังคมเปลี่ยนไปมาก นับวันนี้มันคุ้มแล้วแหละ แต่รายจ่ายที่มันมาถึงเรา เราก็ต้องแบกรับมันให้ได้มากที่สุด แล้วก็ช่วยกัน”
.
อานนท์ยังพูดไปถึงสิ่งที่หล่อเลี้ยงการต่อสู้ของเขา นั่นคือน้ำใจจาก “เพื่อน” มากมายที่คอยให้ความช่วยเหลือ เพื่อนเหล่านี้หลายครั้งไม่ใช่คนรู้จักสนิทสนม แต่เป็นเพื่อนห่างๆ เพื่อนของเพื่อน ไปจนถึงผู้คนในโลกออนไลน์ ด้านจิตใจคงกล่าวได้ว่ายังมีแรงฮึดจากผู้คนรอบตัวพอสมควร
.
อ่านฉบับเต็มที่: https://freedom.ilaw.or.th/node/1205





วันนี้ (26 กันยายน) อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางมายังศาลอาญาเพื่อเข้าฟังคำพิพากษาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยการชุมนุม วันที่ 14 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นคดีที่กล่าวหาตามมาตรา 112 เป็นคดีแรกที่ศาลมีคำพิพากษาของอานนท์

อานนท์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการฟังคำพิพากษาว่า ขบวนคนรุ่นใหม่ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนประเทศไป จนไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว ในแง่ของความคิดคน ตนมองว่าคนทั้งประเทศเชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นอารยะ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ ทั้งในแบบโซเชียลและบนท้องถนน รวมถึงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในหลายพื้นที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคในฝ่ายประชาธิปไตยก็กลับมาเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย และคนรุ่นใหม่ก็โตมาบนพื้นฐานของการเชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม จึงมองว่าการชุมนุมนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ได้ทำให้สังคมเปลี่ยนไปมากและถือว่าเป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่า

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อยากฝากอะไรถึงกลุ่มนักกิจกรรมที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้หรือไม่ อานนท์กล่าวว่า อยากให้กำลังใจ วันนี้เรายังไม่ทราบคำพิพากษา แต่ถ้าคำพิพากษาออกมาในแนวทางที่เลวร้าย คือการต้องไปติดคุก ก็ต้องสู้กันต่อไปทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำ และอยากให้ทุกคนต่อสู้ต่อไป เพราะบ้านเมืองเราเดินมาไกลมากแล้ว ไม่อาจกลับไปนับหนึ่งได้อีก อยากให้การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริง และขอบคุณผู้ที่สนับสนุนและให้กำลังใจ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด

อานนท์ยังกล่าวอีกว่า ตนเองกำลังใจยังดี มองว่าแม้จะต้องสูญเสียอิสรภาพก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะวันนั้นในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ตนได้ปราศรัยปรามไม่ให้ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุม การที่สูญเสียสิทธิเสรีภาพตามคำพิพากษา แม้อาจจะหลายปีหน่อย แต่ก็ทำให้ไม่เกิดความสูญเสีย จึงมองว่าเป็นการสูญเสียเสรีภาพโดยส่วนตัวที่คุ้มค่าต่อส่วนรวมด้วยความเต็มใจ

อย่างไรก็ตามอานนท์ยังมีคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายคดี ตั้งแต่การเคลื่อนไหวหลังการรัฐประหาร 2557 กระทั่งการชุมนุมช่วงปี 2563 ต่อเนื่องมา





 


.....

Atukkit Sawangsuk
18h·

อานนท์ขู่ตำรวจว่า
อย่าใช้กำลังสลายม็อบ
ไม่อย่างนั้นจะถือว่ากษัตริย์สั่ง
ตำรวจก็ไม่ได้บุกเข้ามา
จนกระทั่งคนกลับเกือบหมด
นี่ศาลถือว่าผิด 112?
.....
Somsak Jeamteerasakul
17h·

เป็นไปตามที่ อานนท์ นำภา คาดการณ์ไว้ ศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท ไม่รอลงอาญา ข้อความต่อไปนี้โดนศาลตัดสินว่า "ผิด"
“ข้อที่ 3 มาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ข้อเรียกร้องมีสามข้อเท่านั้น วันนี้ จะไม่เหมือนเมื่อวานเพราะพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดทยอยมาสมทบกันเรื่อยๆ และ นิสิตนักศึกษาก็ทยอยมาเรื่อยๆ ถ้ามีการสลายการชุมนุมวันนี้ คนที่จะสั่งสลายการชุมนุมมีเพียงคนเดียว คือในหลวงรัชกาลที่ 10 ถ้ามีการสลายการชุมนุม ไม่ต้องไปหาคนอื่นใด”
“อย่างที่ผมเรียนไว้ ถ้ามีการสลายการชุมนุม คนอื่นจะสั่งไม่ได้นอกจากในหลวงรัชกาลที่ 10”
“อย่างที่บอกถ้าวันนี้มีการสลายการชุมนุม คนที่จะสั่งได้คนเดียว คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ให้รู้ไว้เช่นนั้น”
ให้ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา ผมเห็นว่าคำพูดเหล่านี้เป็นที่ถกเถียงกันได้ อาจจะถูกหรือไม่ถูกก็ได้ แต่ไม่ควรถูกลงโทษถึงขนาดติดคุก อย่างมากเพียงแต่ตักเตือนและปรับแค่นั้น
https://tlhr2014.com/archives/59835