ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
12h
·
“คนโดน 112 มากขนาดนี้ ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”
‘เก็ท’ ลุกแถลงขอให้ศาลยุติคดี ม.112
เหตุทุกฝ่ายเสียหาย แม้แต่กับ ‘สถาบันฯ’
.
.
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาธนบุรีนัดสืบพยานโจทก์ในคดีมาตรา 112 ของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง กับพวกรวม 2 คน จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ฟื้นฝอยหาตะเข็บ #ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน เนื่องในวันจักรี ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565
.
ในวันนี้เก็ทถูกเบิกตัวมาร่วมการพิจารณาคดีด้วย แม้ก่อนหน้านี้จะเคยแถลงปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ตาม แต่เมื่อมาถึงเขาได้นั่งหันหลังให้ผู้พิพากษาตลอดทั้งวัน และเมื่อเสร็จการพิจารณาคดี โสภณได้ลุกขึ้นแถลงทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประกันตัวและให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ทั้งหมดด้วย
.
วันนี้เป็นการสืบพยานนัดที่ 3 แล้ว ก่อนหน้านี้ ศาลดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปเมื่อวันที่ 4 และ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในการสืบพยานนัดแรก โสภณได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเขาได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลเพื่อขอถอนทนายความในคดีนี้ รวมถึงปฏิเสธอำนาจศาลทั้งหมด และได้แถลงข้อเรียกร้อง 2 ข้อต่อศาลไว้ ได้แก่
.
1. คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
2. ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด
.
.
บันทึกจากห้องพิจารณาคดี
.
ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 10 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โสภณถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ศาลเช่นเคย แต่เมื่อมาถึง เขาได้ ‘นั่งหันหลัง’ ให้กับผู้พิพากษาและปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ ของศาลตลอดการพิจารณาคดี ตามเจตจำนงที่เคยได้แถลงไว้ว่าไม่ขอยอมรับอำนาจศาลและไม่ต้องการมีส่วนร่วมใด ๆ ในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี
.
โสภณนั่งหันหลังให้กับผู้พิพากษาตลอดทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยบางช่วงได้ใช้เวลาเพื่อนั่งคุยกับกลุ่มคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งครอบครัว เพื่อน และประชาชน
.
กระทั่งการสืบพยานเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. โสภณได้เดินขึ้นมาที่คอกพยาน ณ แท่นเบิกความพยาน และยืนกล่าวแถลงต่อศาลเพื่อทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้อง ขอให้คืนสิทธิประกันตัว และให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ซึ่งมีรายละเอียดของถ้อยคำโดยสรุป ดังนี้
.
.
“ผม โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์แล้วที่ผมปฏิเสธอำนาจศาล ประกาศถอนทนาย และไม่ขอมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาใด ๆ ของศาล ข้อเรียกร้องของผมยังคงชัดเจน คือ
.
“‘หนึ่ง’ คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
“และ ‘สอง’ ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด
.
“ผมขอบคุณศาลอาญาธนบุรีที่ให้สิทธิในการประกันตัวกับผมและจำเลยคนอื่น ๆ แต่การประท้วงของผมเป็นการประท้วงต่ออำนาจศาลทั้งหมด ตอนนี้มีคนอยู่ในคุก 32 คน 2 คนกำลังอดอาหารประท้วง หลายคนอาการย่ำแย่ ทั้งเวหา วารุณี เอกชัย รวมถึงผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่น ๆ ที่ต้องถูกพรากสิทธิประกันตัวไป
.
“ในประวัติศาสตร์การปฏิเสธอำนาจศาลนั้น ล้วนเป็นการปฏิเสธอำนาจศาลในนามพระปรมาภิไธย ดังนั้นผมไม่รู้ว่าเราจะหาความเป็นธรรมได้ไหม เพราะศาลเป็น ‘ศาลในนามของกษัตริย์’
.
“ผมเคยแถลงไปแล้วว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงไม่ต้องการให้มีการดำเนินคดี ม.112 กับประชาชน ท่านเคยทวงถามถึงเพื่อนอัยการ เพื่อนตุลาการของพวกท่านหรือไม่ว่า ‘สิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่’ การที่พวกท่านทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแค่ตัวผม แต่มันส่งผลเสียต่อประชาชนและกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แม้แต่ตัว ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ เองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
.
“ขอให้รู้ไว้ว่า การประท้วงของผมไม่ได้ประท้วงต่อท่านเพียงคนเดียว แต่ผมประท้วงต่ออำนาจในกระบวนการยุติธรรม ‘ทั้งหมด’ ทำไมพวกท่านไม่ช่วยกันแก้ปัญหา เวลามีคนถูกกล่าวหาด้วยมาตรา 112 ศาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย ท่านไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเลยหรือที่มีคนโดนดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 มากมายขนาดนี้ พวกท่านทำอะไรกันอยู่
.
“สุดท้าย ผมขอฝากไปถึงตำรวจศาลด้วย ท่านไม่ให้พ่อแม่ของจำเลยเข้ามาฟังการพิจารณาคดี แต่สัปดาห์ที่แล้วท่านกลับปล่อยให้พยานโจทก์ปากที่ 2 เข้ามาฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ปากที่ 1 ได้ยังไง แล้วแบบนี้ความน่าเชื่อถือของพยานอยู่ตรงไหน”
.
.
เมื่อโสภณแถลงเสร็จ ศาลไม่ได้กล่าวถ้อยคำใด ๆ โต้ตอบกลับมา แต่มีการบันทึกข้อเรียกร้องทั้งสองข้อของเก็ทลงไปในรายงานกระบวนพิจารณาด้วย
.
ไม่นานโสภณจึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาตัวออกจากห้องพิจารณาเพื่อเตรียมตัวกลับเรือนจำในช่วงเย็น ในเวลาประมาณ 17.00 น. ส่วนการสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีนี้ยังคงเหลือในวันที่ 25 ก.ย. 2566 พร้อมศาลได้นัดวันสืบพยานเพิ่มเติมอีกสองนัดคือวันที่ 6 และ 13 พ.ย. 2566
.
ปัจจุบัน (19 ก.ย.) โสภณถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 27 วันแล้ว ได้แก่ กรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ซึ่งศาลอาญาพิพากษาจำคุกรวมทั้งสิ้น 3 ปี 6 เดือน โดยศาลพิพากษาความผิดข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกถึง 6 เดือน ทั้งที่กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/59638
·
“คนโดน 112 มากขนาดนี้ ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”
‘เก็ท’ ลุกแถลงขอให้ศาลยุติคดี ม.112
เหตุทุกฝ่ายเสียหาย แม้แต่กับ ‘สถาบันฯ’
.
.
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาธนบุรีนัดสืบพยานโจทก์ในคดีมาตรา 112 ของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง กับพวกรวม 2 คน จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ฟื้นฝอยหาตะเข็บ #ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน เนื่องในวันจักรี ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565
.
ในวันนี้เก็ทถูกเบิกตัวมาร่วมการพิจารณาคดีด้วย แม้ก่อนหน้านี้จะเคยแถลงปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ตาม แต่เมื่อมาถึงเขาได้นั่งหันหลังให้ผู้พิพากษาตลอดทั้งวัน และเมื่อเสร็จการพิจารณาคดี โสภณได้ลุกขึ้นแถลงทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประกันตัวและให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ทั้งหมดด้วย
.
วันนี้เป็นการสืบพยานนัดที่ 3 แล้ว ก่อนหน้านี้ ศาลดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปเมื่อวันที่ 4 และ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในการสืบพยานนัดแรก โสภณได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเขาได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลเพื่อขอถอนทนายความในคดีนี้ รวมถึงปฏิเสธอำนาจศาลทั้งหมด และได้แถลงข้อเรียกร้อง 2 ข้อต่อศาลไว้ ได้แก่
.
1. คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
2. ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด
.
.
บันทึกจากห้องพิจารณาคดี
.
ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 10 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โสภณถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ศาลเช่นเคย แต่เมื่อมาถึง เขาได้ ‘นั่งหันหลัง’ ให้กับผู้พิพากษาและปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ ของศาลตลอดการพิจารณาคดี ตามเจตจำนงที่เคยได้แถลงไว้ว่าไม่ขอยอมรับอำนาจศาลและไม่ต้องการมีส่วนร่วมใด ๆ ในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี
.
โสภณนั่งหันหลังให้กับผู้พิพากษาตลอดทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยบางช่วงได้ใช้เวลาเพื่อนั่งคุยกับกลุ่มคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งครอบครัว เพื่อน และประชาชน
.
กระทั่งการสืบพยานเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. โสภณได้เดินขึ้นมาที่คอกพยาน ณ แท่นเบิกความพยาน และยืนกล่าวแถลงต่อศาลเพื่อทวงถามความคืบหน้าของ 2 ข้อเรียกร้อง ขอให้คืนสิทธิประกันตัว และให้ยุติการดำเนินคดี ม.112 ซึ่งมีรายละเอียดของถ้อยคำโดยสรุป ดังนี้
.
.
“ผม โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์แล้วที่ผมปฏิเสธอำนาจศาล ประกาศถอนทนาย และไม่ขอมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาใด ๆ ของศาล ข้อเรียกร้องของผมยังคงชัดเจน คือ
.
“‘หนึ่ง’ คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
“และ ‘สอง’ ยุติการดำเนินคดี 112 ทั้งหมด
.
“ผมขอบคุณศาลอาญาธนบุรีที่ให้สิทธิในการประกันตัวกับผมและจำเลยคนอื่น ๆ แต่การประท้วงของผมเป็นการประท้วงต่ออำนาจศาลทั้งหมด ตอนนี้มีคนอยู่ในคุก 32 คน 2 คนกำลังอดอาหารประท้วง หลายคนอาการย่ำแย่ ทั้งเวหา วารุณี เอกชัย รวมถึงผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่น ๆ ที่ต้องถูกพรากสิทธิประกันตัวไป
.
“ในประวัติศาสตร์การปฏิเสธอำนาจศาลนั้น ล้วนเป็นการปฏิเสธอำนาจศาลในนามพระปรมาภิไธย ดังนั้นผมไม่รู้ว่าเราจะหาความเป็นธรรมได้ไหม เพราะศาลเป็น ‘ศาลในนามของกษัตริย์’
.
“ผมเคยแถลงไปแล้วว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงไม่ต้องการให้มีการดำเนินคดี ม.112 กับประชาชน ท่านเคยทวงถามถึงเพื่อนอัยการ เพื่อนตุลาการของพวกท่านหรือไม่ว่า ‘สิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่’ การที่พวกท่านทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแค่ตัวผม แต่มันส่งผลเสียต่อประชาชนและกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แม้แต่ตัว ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ เองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
.
“ขอให้รู้ไว้ว่า การประท้วงของผมไม่ได้ประท้วงต่อท่านเพียงคนเดียว แต่ผมประท้วงต่ออำนาจในกระบวนการยุติธรรม ‘ทั้งหมด’ ทำไมพวกท่านไม่ช่วยกันแก้ปัญหา เวลามีคนถูกกล่าวหาด้วยมาตรา 112 ศาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย ท่านไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเลยหรือที่มีคนโดนดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 มากมายขนาดนี้ พวกท่านทำอะไรกันอยู่
.
“สุดท้าย ผมขอฝากไปถึงตำรวจศาลด้วย ท่านไม่ให้พ่อแม่ของจำเลยเข้ามาฟังการพิจารณาคดี แต่สัปดาห์ที่แล้วท่านกลับปล่อยให้พยานโจทก์ปากที่ 2 เข้ามาฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ปากที่ 1 ได้ยังไง แล้วแบบนี้ความน่าเชื่อถือของพยานอยู่ตรงไหน”
.
.
เมื่อโสภณแถลงเสร็จ ศาลไม่ได้กล่าวถ้อยคำใด ๆ โต้ตอบกลับมา แต่มีการบันทึกข้อเรียกร้องทั้งสองข้อของเก็ทลงไปในรายงานกระบวนพิจารณาด้วย
.
ไม่นานโสภณจึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาตัวออกจากห้องพิจารณาเพื่อเตรียมตัวกลับเรือนจำในช่วงเย็น ในเวลาประมาณ 17.00 น. ส่วนการสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีนี้ยังคงเหลือในวันที่ 25 ก.ย. 2566 พร้อมศาลได้นัดวันสืบพยานเพิ่มเติมอีกสองนัดคือวันที่ 6 และ 13 พ.ย. 2566
.
ปัจจุบัน (19 ก.ย.) โสภณถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 27 วันแล้ว ได้แก่ กรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ซึ่งศาลอาญาพิพากษาจำคุกรวมทั้งสิ้น 3 ปี 6 เดือน โดยศาลพิพากษาความผิดข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกถึง 6 เดือน ทั้งที่กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/59638
"อยากให้สนใจการเมืองกันหน่อย อย่าเพิ่งหมดหวังเลย การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนจริง ๆ อยากให้ทุกคนออกมาสู้ เพื่อสิทธิ์เสรีภาพหรือรัฐสวัสดิการที่ดี เพื่อตัวเองและลูกหลานในอนาคตควรจะได้รับ"
— แก๊ส - GAZ (@thalugazzz) September 19, 2023
- ซินเธีย -#เวลาไม่ได้อยู่ข้างเรา#การกระทำของเราต่างหากที่ขับเคลื่อนสังคม pic.twitter.com/NpkMwFWwD8