วันเสาร์, กันยายน 07, 2562

อุทธาหรณ์ จาก 'สนธิ' ถึง 'บุญทรง' 'ชูวิทย์ เตือน "นักการเมืองที่กำลังกระดี๊กระด๊ามีบารมีสูงส่ง"


ข่าวว่า พิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระแล้วอีก ๑ เสียง เมื่อนับพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยที่ออกไปก่อนหน้านี้ ๒ เสียง ก็เท่ากับรัฐบาล คสช.๒ ปริ่มน้ำแน่

เพราะทำให้รัฐบาลเหลือ ๒๔๙ เสียง ยันกับฝ่ายค้าน ๒๕๑ เสียง (สัตยาบัน ๒๔๖ บวก อิสระ ๕ เสียง) หากจะ เหมา เอาจากกรณี กรณ์ จาติกวณิช ของประชาธิปัตย์เริ่มแสดงความอึดอัดกับแก๊งประชารัฐรวบยอด ก็เป็นสัญญานหมองหมางได้เหมือนกัน

เรื่องกรณ์ออกมาบ่นนโยบายการจัดระเบียบทางเท้า “ฝากท่านนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณไปยัง กทม. ให้พักการจัดระเบียบแบบเดิมไว้ก่อน” อ้างว่าจุดผ่อนผันเหลือแค่ร้อยกว่า ไม่เป็นธรรมกับผู้มีรายได้ต่ำ “ไม่สามารถซื้อของตามห้างร้านหรือทานข้าวตามร้านอาหารได้”

ข้อสำคัญกรณ์บอกว่า การจัดระเบียบของ กทม. ทำให้ “มีผู้ค้าต่างด้าวเป็นจำนวนมาก และหลายรายมีนายทุนหนุนหลัง ได้มาค้าขายแทนคนไทยที่ถูกจัดระเบียบ ซึ่งไม่เป็นธรรม...เป็นช่องทางการทำทุจริตของเจ้าหน้าที่” ด้วย

ดูไปก็เป็นการสร้างผลงานตามธรรมดาของ ส.ส. บัญชีรายชื่อผู้นี้ ที่ไม่ธรรมดาอยู่ที่ คนของประชารัฐสาย กปปส.ที่นั่งอยู่ กทม. เป็นเดือดเป็นร้อนออกมาโต้ เขียนเฟชบุ๊ค ยาวหน่อย เลคเชอร์พรรคการเมืองที่ อดีตเคยเป็นจ้าว กทม.

สกลธี ภัททิยกุล ท้าวความข้ามห้วยย้อนไปสมัยผู้ว่าฯ จำลองโน่น แล้วมาลงว่า ปัจจุบันตัวเลขกลมๆ ของจุดผ่อนผันอยู่ที่ประมาณ ๑๗๐ จุด” ใครมากล่าวหาว่า “ตัดโอกาสการทำมาหากินจึงไม่น่าจะใช่ ได้หาที่ใหม่ให้ทุกครั้งเพียงแต่ผู้ค้าไม่อยากไปเพราะมันขายดีสู้บนทางเท้าไม่ได้ครับ”

แหม่นี่คันปากแทนกรณ์ ธุระไม่ใช่แต่ก็ขอเผือกเพื่อประโยชน์สาธารณะ ว่าถ้านโยบายดีจริงต้อง หาและจัดที่ใหม่ให้ขายดีกว่าเก่า หรืออย่างน้อยพอตัวไม่ด้อยลงสิ เขาจะแห่กันไปเองแหละ

พูดไปทำไรมีทั่นรองฯ ติดสันดอนหัวหน้าใหญ่ฝ่ายรัฐประหารล่ะสิ คนอื่นเง่า กรูดีหมด แถมท้าพี่โย่ง “อยากให้ลงไปเดินทางเท้ากันบ้างครับจะได้เข้าใจหัวอกคนใช้ทางเท้า” ไม่เอากรวยไปตั้งก็ดีเท่าไหร่ รู้นะว่าทั่นคิดอะไรอยู่

แล้วยังอีกกรณี หลังจากที่มีบาง ส.ส.ของพลังประชารัฐออกมาเสริมเป็นลมใต้ปีกกระแสสลิ่ม ไม่เอาแก้รัฐธรรมนูญแต่ดันอ้างให้จัดการเรื่องปากท้องเสียก่อน ทำเป็นตาบอดตาใสไม่เห็นว่าที่ประชากรจะพากันอดตาย ไม่ใช่เพราะปิดกรุงเทพฯ ให้ทหารยึดอำนาจถลุงงบประมาณตลอด ๕ ปีละหรือ
 
รายนี้ ปชป.เหมือนกันเริ่มส่งเสียงดังว่าไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้นะ เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ทวงสัญญาประชาคมว่าการแก้ รธน. “เป็นเงื่อนไขของพรรคในการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา”

ซ้ำยังเตือนความจำว่าเรื่องแก้ รธน.นี่ “ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ได้ระบุไว้ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล” เทพไทอ้างด้วยว่าที่จริง รธน.๖๐ นี่ ประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยแต่ต้นนะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคในขณะนั้นประกาศไม่รับร่างไปแล้ว


ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงอุทธาหรณ์ที่มีคนพูดกันไว้แล้วแต่แรกเริ่มว่า ด้วยความกระสันต้องการครองอำนาจนานๆ ใช้ทั้งเล่ห์กลมนต์คาถา วิชาดูดวิชามารกันแล้ว ได้สมุนและลิ่วล้อร้อยพ่อพันแม่ แค่บริหารจัดการเรื่องเค้กก็ ยุ่งตายห่ ท้ายสุด เอาไม่อยู่บทเรียนมีมาแต่สมัยเสนีย์จนกระทั่งยุคแม้ว

กรณี บุญทรง เตริยาภิรมย์ ช็อคโดนศาลอาญานักการเมืองเพิ่มโทษคุกให้อีก ๖ ปี เป็นทั้งสิ้น ๔๘ ปีถึงที่สุด นั่นก็เป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับ โปรย้ายพรรคว่าไม่ได้ต่างตอบแทนหรือหมูไปไก่มาทุกรายนะ

ลุ้นกันมาพักใหญ่ตั้งแต่ลูกชายย้ายจากเพื่อไทยเข้าพลังประชารัฐ เขาก็หวังว่าการอุทธรณ์จะเป็นผล อารมณ์ประมาณที่ชูวิทย์ (กมลวิศิษฏ์) เอามาเล่า “จะไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนที่ตั้งความหวังไว้กับอิสรภาพ แล้วมันหายวับไปกับตาทันทีที่สิ้นคำพิพากษา”

ซ้ำยังเตือน “นักการเมืองที่กำลังกระดี๊กระด๊ามีบารมีสูงส่ง บุญท่วมหัวได้เป็นรัฐมนตรี ให้ท่านหันกลับมามองพี่บุญทรงเป็นบทเรียน...เพราะวันที่พลาดเราก้าวเข้าคุกเพียงคนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยเราได้...พี่บุญทรงจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก”

อีกคนที่เป็นมิตรในเรือนจำของบุญทรง Somyot Pruksakasemsuk พูดถึงโอกาสที่พลาดไปในพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม “บุญทรงไม่ได้การอภัยโทษเพราะเหตุที่ยังต่อสู้คดีอยู่ ตรงนี้ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง”
 
ต่างกับคดีของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่พลาดจากการอภัยโทษโดยราชพิธีราชาภิเษกเหมือนกัน แต่มี เพื่อนนักโทษร้องเรียนว่าคดีที่ติดค้างของสนธิไม่เกี่ยวกับข้อยกเว้นห้ามปล่อยตัว “เป็นเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่สถาบันการเงิน” ควรเข้าข่ายได้ปล่อยตัว

เท่านั้นละ “ที่ประชุมสามฝ่าย ยืนยันการตีความทางกฎหมายเป็นคุณกับผู้ร้อง...จึงเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว” แล้วกรมราชทัณฑ์ยังแถลงไม่ให้เกิดคลางแคลงใจด้วยว่า “มิได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือมีใบสั่งจากผู้ใดรวมทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น”


จะเวรหรือกรรมของใครของมันอย่างไรก็แล้วแต่ สมยศ พฤกษาเกษมสุข เขียนถึงการออกจากคุกของสนธิตอนหนึ่งว่าระหว่างที่เจอกันในคุก สนธิซึ่งถูกพิพากษาจำคุก ๒๐ ปี บอกกับเขาว่าจะอยู่เพียง ๓ ปี นี่ก็ได้ออกมาเมื่อติดแค่ ๓ ปีพอดี

“ถือว่าเป็นผู้หยั่่งรู้ฟ้าดินคนหนึ่ง” หยั่งสูงเพียงใดลึกแค่ไหน จะเห็นกันได้ดีก็ตอนเขาอยู่นอกคุกนี่ละ