วันพุธ, กุมภาพันธ์ 15, 2560
แมลงวันไม่ตอมกันเอง
ทัพบก ทัพเรือ ทัพฟ้า ได้ซื้ออาวุธกันถ้วนหน้าแล้ว รถถังจีน ดำน้ำจีน ไม่ช้าน่าจะเรือบินจีนอีก เพราะผิดหวังอัลฟ่าเจ็ต ที่ดันดีดนักบินไม่รู้อิโหน่อิเหน่
แต่ช้าก่อน ขอ สตช.แซงเบียดสักหน่อย เห็นว่าพี่ป้อมไฟเขียวให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซื้อรถใหม่ ๑,๕๒๓ คัน
“ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะรถที่วิ่งไม่ไหวก็ซื้อใหม่ โดยใช้งบฯ ของ สตช. เอง ซึ่งได้ขอวางแผนงบประมาณไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร”
(http://www.matichon.co.th/news/463111)
ส่วนความเสียหายขายหน้าจากการที่นักวิชาการจัดเสวนาเรื่อง ‘ตำรวจมีไว้ทำอะไร’ นั่นก็ต้องฟ้องร้องสั่งสอนกันเสียหน่อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้กำกับฯ รับผิดชอบ
“ให้แจ้งความดำเนินคดี รศ.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา”
โดยอ้างความผิดว่า “ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความรู้สึกเกลียดชังตำรวจ รวมทั้งภาพลักษณ์และชื่อเสียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย”
(http://news.thaipbs.or.th/content/260204)
ถ้างั้นเห็นท่าจะต้องตามไปฟ้อง ‘บิ๊กเกรียน’ นักเขียนคอลัมน์ใน ‘เอ็มจีอาร์ออนไลน์’ ด้วยมั้ยเนี่ย เขาอ้างว่าการเสวนา “กลายเป็นปฏิบัติการโยนขี้เถ้าใส่ใส้เดือน ทั้งดีดทั้งดิ้นกันออกมาเป็นฝูง...
ตำรวจดีจะไปแคร์อะไร ที่เขาว่าน่ะเป็นตำรวจน้ำเน่า เป็นตำรวจซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจรีดไถ ตำรวจไม่ทำหน้าที่-ไม่รู้หน้าที่ ตำรวจขี้เกียจสันหลังยาว และตำรวจโบราณลุแก่อำนาจเหมือนพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี”
แล้วชี้แนะให้ “จับตากติกาที่ร่างโดยรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม...ทำอย่างไรจึงจะปิดกั้น ‘เหล่ามาร’ มิให้เอาตำแหน่งไปเซ็งลี้-ซื้อขาย กันเหมือนก่อน”
(http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…)
อย่างนี้จะเบนความสนใจไปจากเรื่องนายทหาร-ข้าราชการชั้นสูง ๗-๘ นาย กินเงินเดือนสองต่อ ตำแหน่งละเป็นแสน แต่ทำงานแค่ต่อเดียว ได้ไหมนี่ ในเมื่อมีคนร้อนตัวออกมาแก้ต่างแทนพวกปลาเน่าด้วยกันแล้วด้วย
นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมกฤษฎีกา หนึ่งในเจ็ด สนช. ที่ขาดประชุมเป็นนิจสินเสียจนเข้าข่ายไล่ออก ว่า “ความจริงแล้วอยากให้มาดูเนื้อการทำงานมากกว่าระเบียบ”
แถมเถียงข้างๆ คูๆ ไม่รู้เป็นกฤษฎีกาได้ไง “นายดิสทัตกล่าวว่า ในเมื่อทำงานสองทางก็ต้องรับเงินเดือนสองทาง”
(http://www.matichon.co.th/news/463153)
นี่ก็อีกคน ข้าราชการชั้นสูงไทยไดโนเสาร์ ชอบสำคัญผิดในข้อเท็จจริง เรื่องมันเกิดจากเขาพบว่า กินเงินเดือนสมาชิกสภาขนหน้าแข้ง คสช. แล้วแทบจะไม่เคยไปทำงานเลยนั่นต่างหาก จนภาคประชาชนจับได้ ถึงได้ออกมาเต้นกันใหญ่
โดยเฉพาะตัวสำคัญ ประธาน สนช. พูดเรื่องอื้อฉาว ๗ สนช. ขาดประชุมว่า “ไม่น่าจะขาดสมาชิกภาพ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องรายงานมาที่ประธาน สนช.ทันที”
(http://www.posttoday.com/politic/480843)
นี่ก็ตรรกะวิปลาส ถ้าไม่มีใครรายงานมาถือว่าไม่ผิด ใช้กับนิยายศรีธนญชัยเท่านั้น
ส่วนที่อ้างว่าลาได้ “ทั้งในกรณีป่วยและไปปฏิบัติราชการ สามารถทำเรื่องขอลาได้โดยไม่จำกัด” นั่นก็เอาช่องโหว่มาใช้แถ อย่างที่ ‘สตี๊พ เจี๊ยบ’ แดกดันว่าบ้านเขาเรียก ‘โกงกิน’ ก็ฟังขึ้นอยู่นะ
ทว่าหน่วยงานตรวจสอบเองกลับไม่ฟัง อ้าง “หากทางหน่วยงานต้นสังกัดได้ตรวจสอบทุกด้านอย่างรอบคอบแล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินไม่จำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบอีก เพราะการทำหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ใช่ต้องนำทุกเรื่องตรวจสอบ”
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พูดไว้เมื่อวาน ยัน “บุคคลที่เป็นข้าราชการไม่เป็นข้อจำกัดหรือการทำให้ขาดคุณสมบัติของความเป็นสนช.
ดังนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าบุคคลที่มีตำแหน่ง ๒ ตำแหน่งพร้อมกันนั้น ต้องแบ่งเวลาทำงานเพื่อให้มีความสมดุล ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจึงไม่ต้องให้คำตักเตือนใดๆ อีก”
(http://www.posttoday.com/politic/481023)
อย่างนี้ต้องเรียก ‘แมลงวันไม่ตอมกันเอง’ องค์กรอิสระไม่แตะสภาจับตั้ง แต่กลับโดนประธาน กรธ. สับเสียเละ เมื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ วิจารณ์การทำงานขององค์กรอิสระว่าเป็นการซ้ำซ้อน
นายมีชัยพูดถึงการออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับผู้ตรวจการแผ่นดินว่าจะเป็นการแก้ปัญหา “ทับซ้อน...และทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ”
ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องทำหน้าที่หาข้อเท็จจริง และเปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐและประชาชนได้ชี้แจงด้วย
“เพราะตนมองว่าหน้าที่ขององค์กรอิสระ คือหน้าที่แก้ปัญหาของประชาชน โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน หรือการแจ้งชื่อจริง นามสกุลจริง”
(http://www.komchadluek.net/news/politic/260375)
ปู่มีชัยพูดให้ดูดี แต่ผลที่ได้ไม่ต่างอะไรกับ ‘งูกินหาง’ จะองค์กรอิสระ สภาจับตั้ง หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ล้วนแต่เป็นลิ่วล้อ เป็นขนหน้าแข้ง คสช.
และเป็นที่ประจักษ์นักต่อนักว่า องค์กรเหล่านี้ได้แต่ ‘ทำตามสั่ง’ ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์และข้อได้เปรียบของ คสช. เหมือนกันทั้งนั้น