วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 25, 2560

คนแสดงท่าสนับสนุนวัดธรรมกายกันมากขึ้นเรื่อยๆ





บางทีคนที่เห็นใจและแสดงท่าสนับสนุนวัดธรรมกายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เขาเรียกกันว่า ‘ติ่งธรรมกาย’ ทั้งที่ไม่ใช่ศิษย์หรือ ‘สาวก’ (คำที่ฝ่ายตรงข้ามใช้เรียกเพื่อแสดงการดูถูก) น่าจะเป็นมากกว่าที่ Pravit Rojanaphruk‏@PravitR ทวี้ตแนะ

“ตรรกะพวกไม่ใช่ธรรมกายแต่แจมช่วยวัดต้าน คสช. คือเขาไม่ต้องการให้เผด็จการขยายอำนาจไปกว่านี้”





แค่ดูจากข่าวมติชนสองชิ้นเมื่อวานนี้ (๒๕ ก.พ.) เกี่ยวกับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ผู้โกนหัวห่มเหลือง เรียกตัวเองว่าพุทธะอิสระ (หมายเหตุ ที่เขียนอย่างนี้ตั้งใจ ‘ทำตามอย่าง’ เพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของบุคคลผู้นี้)


ชิ้นหนึ่งว่าถึงการที่เขาเขียนข้อความทางเฟชบุ๊คโจมตีพระธัมมชโยวัดธรรมกายว่าเป็น ‘กบฏผีบุญ’ รับลูกกับข้อเขียนของนายกนก รัตน์วงศ์สกุล สองวันก่อนหน้า

(http://www.matichon.co.th/news/475986)





อีกชิ้นเป็นการตอบโต้โพสต์ของพระนพดล สิริวังโส ที่นำรูปพระสุวิทย์นั่งอยู่ในรถเก๋งมีตำรวจมาไหว้ โดยเขียนกำกับว่า “ผู้บัญชาการมาแล้ว สุดยอดจริงๆ เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจมีนายดี”

หนังสือพิมพ์มติชนเปรียบเทียบว่าเฟชบุ๊คของสองพระ ต่างขั้ว ฝ่ายธรรมกายมีผู้ติดตาม ๕ ล้านครึ่ง ฝ่ายวัดอ้อน้อยมี ๓ แสน ปฏิบัติการต่อกรกันท่ามกลางสถานการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารยกกำลังเข้าปิดล้อมวัดธรรมกาย และค้นหาตัวพระธัมมชโยเพื่อนำตัวไปดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น เข้าวันที่สิบยังไม่พบ

ล่าสุดข่าวว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอดักพบสัญญานโทรศัพท์มือถือของพระธัมมชโย จากภายในบริเวณโซนเอของวัดติดต่อออกไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จึงเตรียมการยกกำลังเข้าค้นภายในอีก (ดูเหมือนจะครั้งที่ ๔) ในวันนี้วันพรุ่ง

(http://www.matichon.co.th/news/475935)

ขณะที่การปิดล้อมตลอดสิบวันที่ผ่านมาสร้างความเดือดร้อนแก่พระเณรและฆราวาสทั้งภายในวัดและรอบวัด ล่าสุดมีปัญหาในการนำอาหารเข้าไปเลี้ยงพระเณร จนเป็นข่าวว่า “ศิษย์ธรรมกายขนอาหารส่งวัด เร่งดีเอสไอลำเลียงให้หมดก่อน ๑๐ โมงเช้า #คมชัดลึก





โดยสำนักข่าวในเครือเนชั่นแห่งนี้เป็นหนึ่งในสามรายที่วัดธรรมกายสั่งห้ามผู้สื่อข่าวเข้าภายในวัด เพราะเสนอข่าวให้ร้าย โจมตี และเสียดสีกระแนะกระแหนวัดธรรมกายมาตลอด

กระทั่งวันนี้ คมชัดลึกก็ยังไม่วายพาดหัวข่าวที่ศิษย์ธรรมกายนำอาหารไปมอบให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำเข้าไปภายในวัดว่า “ธรรมกายจัดอีเว้นท์ต่อเนื่อง”

การเสนอข่าวลำเอียงให้ร้ายต่อวัดธรรมกายเช่นนี้เป็นองค์ประกอบให้ผู้คนที่ไม่มีจิตอคติเกิดความสงสารเห็นใจคนธรรมกาย (ไม่เพียงพระธัมมชโยหรือเฉพาะแต่วัดธรรมกายเท่านั้น) สังเกตุจากจำนวนผู้ติดตามเฟชบุ๊คพระนพดลกับพระสุวิทย์ห่างกันลิบ ก็พอสรุปได้เบื้องต้นว่าคนจำนวนมากมองเห็นภาพอย่างไร ไหนร้ายไหนไม่ได้เลว

ข้อความโต้ตอบกันของพระสุวิทย์ต่อโพสต์ของพระนพดลยิ่งชี้ชัด พระสุวิทย์เขียนว่าตนกับนายไพบูลย์ นิติตะวันและหมอมโน เลาหวณิช เป็นหัวหอกโจมตีวัดธรรมกายว่าเป็น ‘ลัทธิทำจนตัวตาย’ และ “ยิ่งใกล้ตายก็ยิ่งดิ้น เรียกว่าดิ้นจนตัวตาย”

คงเพราะถ้อยคำแช่งชัก จ้วงจาบเช่นนั้น เลยทำให้พวก ‘ลิ่วล้อ’ ธรรมกายพากันตามไป ‘ด่า’ นัดกันไปถล่มจน “ทีวีช่องนั้นๆ เข็ดขยาด ไม่อยากเชิญทั้ง ๓ คนไปออกรายการ” ตามคำของพระสุวิทย์เอง

เขายังใช้สรรพนามแทนพระนพดลว่า ‘นายนพดล’ โดยกล่าวถึงอย่างสาดเสียว่า “โกหกจนเป็นสันดาน ใส่ร้ายจนกลายเป็นนิสัย”

(http://www.matichon.co.th/news/475892)

เท่านี้ คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องวัด ทั้งธรรมกายและอ้อน้อยมาก่อนย่อมเห็นได้เลยว่า

“แป้งดี ยิ่งบดยิ่งตีก็ยิ่งเหนียว”