เข้าวันที่ ๗ เหตุการณ์หน้าสิ่ววัดธรรมกายยังตึงเครียดไม่หาย เมื่อดีเอสไอประกาศรุกฆาตปูพรมค้นละเอียดภายในวัด “จนกว่าจะสิ้นข้อสงสัย” รวมทั้งโซนเอและบีที่ญาติโยมปักหลักไม่ยอมให้เข้าไป
(http://www.posttoday.com/local/central/482082)
“ดีเอสไอเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง ๓ คัน หน่วยแพทย์-พยาบาล ยันแค่เตรียมพร้อม” (Khaosod - ข่าวสด was live)
“Live: ชาวบ้านโวยเข้าบ้านไม่ได้ หลังตำรวจออกคำสั่งใหม่ ห้ามคนเข้าในพื้นที่วัดธรรมกายเด็ดขาด #สดจากปทุมธานี”
Matichon Weekly - มติชนสุดสัปดาห์ :#เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราเข้าบ้านไม่ได้
“หนูก็เข้าใจพวกพี่นะว่าพี่ก็มีคำสั่งมา แต่หนูก็อยากให้เห็นใจหนูบ้างว่า ถ้าหนูเอาลูกออกมาแล้วหนูจะนอนที่ไหน?"
นี่คือหนึ่งเสียงของชาวบ้านย่านเมืองแก้วมณี ระหว่างประตู ๕ และ ๖ วัดพระธรรมกาย ที่ไม่สามารถเข้าบ้านได้
ความเดือดร้อนของชาวบ้านโหมเป่าด้วยกระแสเร่งเร้าอารมณ์เป็นคู่อริ ตอกซ้ำความแตกแยกจากตัวการสร้างปฏิกิริยาและสื่อเหลิงลม ซึ่งต่างสอดรับกันคล้องจองดั่งเสียงฆ้องและเสียงกลอง เมื่อพระเหี้ยมเปิดคารมส่อเสียด สื่อเหี้ยนก็ขานรับช่วยประโคม
เมื่อวันก่อน อมรินทร์ทีวีแพร่ภาพรายการทุบโต๊ะข่าว โฆษกจอมรัวเก็บเอาโพสต์เฟชบุ๊คของพระสุวิทย์ ‘สมี ฟรีด้อม’ มาอ่านย้ำ
“ก็บอกแล้วจะสู้กับโจรต้องใช้วิธีการของมหาโจร ฝากเตือนให้ระวังตอนนี้ธรรมกายอาจจะใช้แผนจีวรเปื้อนเลือด กะคงให้กระทบกระทั่งกันเสียเลือดเสียเนื้อ...
คือตอนนี้ต้องต้อนพวกสาวกลัทธินี้ให้เข้าไปอยู่ภายในรั้วให้หมด แล้ววางกำลังปิดล้อมคนไม่ให้เข้าออก คนนอกไม่ให้เข้า น้ำข้าวไม่ให้ส่ง ไฟน้ำไม่ให้ใช้
ทำอยู่อย่างนี้ซัก ๑๕ วันหรือเดือนหนึ่ง เมื่อหมดแรงแล้วค่อยมาคุยกัน...
เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง เจ้าหน้าที่ก็จิบน้ำชานั่งดูนอนดูไป จนกว่าผู้ต้องหาจะหมดแรง...”
นี่นะวิธีการไม่ให้เสียเลือดเนื้อแก่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ เสนอโดยชายห่มเหลืองที่ผู้นำ คสช. กราบไหว้นับถือ เคยเป็นนักขัดขวางการเลือกตั้ง รีดไถเงินโรงแรม และมีกลุ่มคนติดอาวุธคอยคุ้มครอง
วันนี้อีกรายประเภทสื่อสุมไฟ กนก รัตน์วงศ์สกุล เขียนที่เนชั่น อีกหนึ่งสื่อซึ่งวัดธรรมกายประกาศห้ามผู้สื่อข่าวเข้า
“เขาว่ามึงทำตัวเป็นผู้วิเศษ” อดีตโฆษกปฏิกิริยาจั่วหัวเรื่องเกี่ยวกับศาสนสถานที่เขาอ้างว่า “แม้จะมีเอกสารระบุว่าเป็นวัดก็ตาม เป็นลัทธิหนึ่งที่อาศัยศาสนาระดมเงินเป็นศูนย์พิธีกรรม”
พยายามโยงเรื่องให้ไปคล้องจองกับ ‘กบฏผีบุญ’ ในสมัยเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แล้วสรุปว่า “ก็ไม่ต่างจากผีธัมมี่เลย”
ตัวอย่างสองในสามของสื่อที่ธรรมกายแบน ชนิดหนักน้อยกว่าอีกราย ‘ตัวเอก’ ทีนิวส์หลายเท่า ยังแรงปานนี้ มีหรือที่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จของมาตรา ๔๔ สนธิกำลังนับพันๆ ปิดกั้น บุกค้น จนชาวบ้านรายรอบเดือดร้อน จะไม่เป็นรอยช้ำหนองของสังคมต่อไปข้างหน้าอีกนาน ไม่ว่าอุบัติการณ์ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
ข้อเขียนของ อธึกกิต แสวงสุข ตีถูกกระดูกสันหลังเลยทีเดียว มิใช่เพียงตอบโต้ถ้อยแถลงของสมาคมนักข่าวฯ เรื่องวัดธรรมกายที่ว่า “ในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน สื่อมวลชนย่อมมิใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใด”
(http://prachatai.com/journal/2017/02/70202)
“เป็นครับ สื่อเป็นคู่ขัดแย้งกับธรรมกายชัดเจน ไม่ต้องสงสัย” Atukkit Sawangsuk ฟันธง
“กรณีที่สื่อมีทัศนะว่าธรรมกายไม่ใช่พุทธ ว่าธรรมกายผิดเพี้ยน ไม่เป็นไร คุณวิพากษ์ทัศนะธรรมกายได้ในข้อเขียนบทความ แต่สื่อไปไกลถึงขั้นรายงานข่าวแบบจ้องจับผิด รอให้พลาด หรือกระแนะกระแหนเวลาพูดถึง (วันนี้ฟังไพศาล มังกรไชยา 96.5 กระแนะกระแหนเทียบอาหารจีน "พระกระโดดกำแพง")
ประเด็นสำคัญที่สื่อไม่แยกแยะคือ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมกายเป็นพุทธแท้พุทธเทียม แต่นี่คือ ‘กระบวนการยุติธรรม’ ที่รัฐใช้อำนาจกับผู้ถูกกล่าวหา
คุณเอาความเกลียดธรรมกายว่าสอนผิดเพี้ยนเข้ามาใช้ในการทำข่าวกระบวนการยุติธรรม แล้วสนับสนุนการใช้อำนาจเหนือกฎหมาย ไม่เป็นไปตามกระบวนการ ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อล้างบางธรรมกายให้สะใจสื่อ
ซึ่งพิพากษาธรรมกายเกินข้อกล่าวหาทางกฎหมายไปแล้ว”