พลิกปูมคนใกล้ชิด‘ทักษิณ’ถูกศาลสั่งคุก! ลุ้น‘ยิ่งลักษณ์-สมชาย-ก๊วนระบายข้าว’?
ที่มา สำนักข่าวอิศรา
26 สิงหาคม 2559
พลิกปูมคนใกล้ชิด ‘ทักษิณ’ ถูกศาลฎีกาฯสั่งคุก ‘ผู้บริหารแบงก์กรุงไทย-เครือกฤษดามหานคร’ โดนไปแล้ว 18 ปี ‘โอ๊ค-เลขาฯหญิงอ้อ’ โดนคุ้ยฟอกเงิน ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ เหลือชนักในคดีระบายข้าวจีทูจี-ข้าวถุงอีก ‘หมอเลี๊ยบ’ รายล่าสุด คุก 1 ปี เอื้อชินคอร์ปฯ ลุ้น ‘ยิ่งลักษณ์-สมชาย-บุญทรง-ภูมิ’
‘หมอเลี๊ยบ’ หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย มันสมองของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวที่สุดคนหนึ่งในแวดวงการเมืองไทย คือหนึ่งในนักการเมืองรายล่าสุดที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยุครัฐบาลนายทักษิณ ที่ดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเอื้อบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรง
(อ่านประกอบ : ศาลฎีกาฯจำคุก 1 ปี'หมอเลี๊ยบ' ไม่รอลงอาญา-2 อดีตปลัดไอซีที รอ 5 ปี คดีเอื้อชินคอร์ป)
นับเป็นหนึ่งในหลายบุคคลที่ต้องถูกจำคุกภายหลัง ‘ทักษิณ’ หลบหนีคดีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ ?
ที่ผ่านมามีใครกันบ้าง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พลิกปูมให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
หนึ่ง กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต
กรณีนี้มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 มี ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 2 นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 3 พร้อมด้วยอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือกฤษดามหานคร (บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)) เป็นจำเลยที่ 4-27 ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกคนละ 12-18 ปี และให้เครือกฤษดามหานครชดใช้กว่าหมื่นล้านบาท
กรณีนี้ข้อเท็จจริงในคำพิพากษา มีการระบุถึง ‘นายใหญ่’ ซึ่งพยานบางรายอ้างว่าคือ ‘ทักษิณ’ หรือ ‘คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (อดีตภรรยานายทักษิณ)’ โทรศัพท์มาสั่งการให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานครดังกล่าว แต่ท้ายสุดก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ‘นายใหญ่’ คือใคร
ขณะเดียวกันคำพิพากษามีการระบุถึง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ-คุณหญิงพจมาน นายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ธิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน และนายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภา ที่ได้รับการโอนหุ้นและเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ และเครือข่ายด้วย
ซึ่งประธานผู้รับผิดชอบสำนวนในองค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ เชื่อว่า พฤติการณ์ดังกล่าวกระทำไปเพื่อเป็นประโยชน์ตอบแทนจากการที่บริษัทในเครือกฤษดามหานครได้รับการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ดังกล่าว ?
(อ่านประกอบ : เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?)
กรณีนี้ยังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปตรวจสอบกรณีฟอกเงินของบรรดาผู้ที่ได้รับเงิน-เช็คจากนายวิชัยด้วยว่า เป็นการได้รับอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อโดยทุจริต ซึ่งปรากฏชื่อของนายพานทองแท้ นายมานพ นางกาญจนาภา และนายวันชัย เป็นหนึ่งผู้ถูกกล่าวหาด้วย และทั้งหมดได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ดีเอสไอแล้ว
(อ่านประกอบ : ‘แม่-สามีกาญจนาภา’รับได้เงิน‘เสี่ยวิชัย’จริง! ดีเอสไอเรียก‘โอ๊ค’แจง 4 มี.ค., ‘พานทองแท้’ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทยแล้ว-‘กาญจนาภา’ขอเลื่อน)
ขณะเดียวกันกรณีนี้ยังส่งผลสะเทือนไปยัง ‘สถานะ’ ของบริษัท เอคิวฯ ที่ผู้สอบบัญชีรายงานว่า ผู้บริหารชุดปัจจุบันยังไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการชดใช้เงินกว่าหมื่นล้านบาทดังกล่าว ส่วนที่ดินซึ่งจำนองไว้และเตรียมนำออกมาขาย ประเมินราคาได้ประมาณ 8 พันล้านบาทเศษ ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 1.6 พันล้านบาท รวมถึงสถาบันการเงินหลายแห่งต่างก็งดให้สินเชื่อกับบริษัทเอคิวฯ เป็นการชั่วคราวแล้ว
(อ่านประกอบ : ชำแหละสถานะ‘เอคิว’ ความพยายามผู้บริหารใช้หนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.?)
สอง กรณี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยักยอกข้าวรัฐสมัยรัฐบาลนายทักษิณ
กรณีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาจำคุกนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด (ปัจจุบันล้มละลายแล้ว) เป็นเวลา 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับ 12,000 บาท กรณียักยอกข้าวของรัฐที่จะส่งออกไปขายต่างประเทศมาเป็นของตัวเองและนำไปจำหน่าย
ปัจจุบัน ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ จากการตรวจสอบพบว่า สุขภาพของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่า เข้าโรงพยาบาลสมุทรปราการค่อนข้างบ่อย อีกทั้งยังเคยถูกส่งมาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาแล้ว
(อ่านประกอบ : ชะตากรรม "เสี่ยเปี๋ยง" คนสนิท "แม้ว" หลังเจอโทษคุก 6 ปี คดียักยอกข้าว!)
นอกจากจะติดคุกคดีดังกล่าวแล้ว ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และคดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐ โดยเฉพาะคดีระบายข้าวจีทูจี ที่ปรากฏชื่อเป็นจำเลยร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กับพวกรวม 33 ราย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ รวมถึงมีการพิจารณาให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งแก่รัฐด้วย
ส่วนในคดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ปรากฏชื่อของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นเอกชนหลักในการนำข้าวในสต็อกไปจำหน่ายต่อเวียนขายแก่เอกชนรายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่ปรากฏชื่อ 'เสี่ยเปี๋ยง' เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่ หรือการระบายมันเส้นยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นต้น
(อ่านประกอบ : 4 ข้อหาในชั้น ป.ป.ช.ชนวนศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’หวั่นซ้ำรอย‘หมอโด่ง’?, ศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’ อีก10ล.กันหนีคดีข้าว-4 ข้อหาใน ป.ป.ช.)
สาม กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมลดสัดส่วนการถือหุ้นคนไทยของบริษัท ชิน คอร์ปฯ ในบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จาก 51% เหลือ 40%
กรณีนี้ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก ‘หมอเลี๊ยบ’ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.ไอซีที เนื่องจากแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมดังกล่าว เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชิน คอร์ปฯ และบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ฯ รวมถึงกรอนุมัติแก้ไขโดยมิชอบ เนื่องจากไม่นำเสนอเรื่องผ่านมติคณะรัฐมนตรี
แม้จะมีการส่งเรื่องเข้าสู่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ตาม แต่ ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ได้แย้งว่า นายทักษิณ เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ปฯ (ขณะนั้น) ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับภาครัฐในสัมปทานดาวเทียม หากนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม จะเป็นการทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้ จึงไม่อนุมัติ และตอบกลับไปว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์
ดังนั้นข้อเท็จจริงคดีนี้คือ การที่ นพ.สุรพงษ์ อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเองก็ ‘ผิด’ เพราะไม่มีอำนาจ-เอื้อประโยชน์ให้เครือ ‘ชิน’ แต่ถ้าส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ ‘ผิดอีก’ เพราจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นได้ เรียกว่าผิด ‘ทั้งขึ้นทั้งล่อง’ เลยทีเดียว !
ขณะที่อดีตปลัดไอซีทียุค ‘ทักษิณ’ และอดีต ผอ.สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ต่างก็ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 1 ปี เช่นกัน แต่รอลงอาญา 5 ปี เนื่องจากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ‘หมอเลี๊ยบ’ และไม่มีอำนาจในการอนุมัติแก้ไขสัญญาดังกล่าว
(อ่านประกอบ : พิรุธเพียบ-‘บวรศักดิ์’โทรเตือนแล้ว! เบื้องหลังคดี‘หมอเลี๊ยบ’แก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป)
นี่ยังไม่นับคดีก่อนหน้านี้ของ ‘หมอเลี๊ยบ’ ที่ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี กรณีแทรกแซงการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง ยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 อีกด้วย
(อ่านประกอบ : ชัด ๆ พฤติการณ์‘หมอเลี๊ยบ’แทรกแซงบอร์ด ธปท.ก่อนถูกคุก 1 ปีรอลงอาญา, คุก 1 ปีรอลงอาญา! คดี‘หมอเลี๊ยบ’ แทรกแซงตั้งผู้ทรงฯในบอร์ด ธปท.)
ทั้งหมดคือคดีความภายหลังที่นายทักษิณหลบหนีออกไปต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อ ‘ชะตาชีวิต’ ของคนใกล้ชิด ที่ปัจจุบันถูกศาลพิพากษาจำคุกทั้งสิ้น !
ไม่นับนักการเมือง ‘ซีกสีแดง’ ที่หลบหนีคำพิพากษา ‘จำคุก’ ของศาลฎีกาฯ ไปแล้ว เช่น นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย ในคดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง และนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ในคดีทุจริตการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองที่เรียกได้ว่า ‘ใกล้ชิด’ นายใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่ง ศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง ได้แก่ นายนพดล ปัทมะ นักกฎหมาย-ทนายความประจำตระกูลชินวัตร กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ยุครัฐบาลนายสมัคร ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาสนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาต่อรัฐสภา ซึ่งศาลฯมีมติเสียงข้างมากว่า เป็นการปฏิบัติที่สมเหตุสมผล
(อ่านประกอบ : "นพดล"รอด! มติศาลฎีกาฯ 6:3 ยกฟ้องคดีเขาพระวิหาร-ปฏิบัติสมเหตุผล)
นอกเหนือจากคดีดังกล่าวที่สิ้นสุดลงแล้ว ยังมีอีกหลายคดีที่ ‘คนใกล้ชิด’ ถูกศาลฎีกาฯพิจารณาไต่สวนอยู่ ได้แก่
หนึ่ง กรณีระบายข้าวจีทูจี
กรณีนี้ นอกเหนือจากนายบุญทรง นายภูมิ และ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ แล้ว ยังมีชื่อของ ‘หมอโด่ง’ หรือ นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง รวมอยู่ด้วย ซึ่ง ‘หมอโด่ง’ ถูกหลายฝ่ายระบุตรงกันว่าคือ ‘คีย์แมน’ คนสำคัญในการ ‘ดีล’ เรื่องระบาย ไม่ว่าจะปรากฏเป็นคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ รวมถึงคณะอนุกรรมการระบายข้าวด้วย
ปัจจุบัน ‘หมอโด่ง’ ได้ถูกศาลฎีกาฯออกหมายจับ เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังการไต่สวนในคดีดังกล่าว โดยอัยการคาดว่าได้หลบหนีไปทางประเทศกัมพูชา
ส่วนปัจจุบันจะอยู่ที่ไหน-ตามตัวอย่างไร ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ ?
สำหรับในรายของนายบุญทรง นายภูมิ และนายมนัส ต่างถูกที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเสียงข้างมากโหวตถอดถอนจากตำแหน่ง ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ห้ามลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย
(อ่านประกอบ : “บุญทรง-ภูมิ-มนัส”ไม่รอด! มติ สนช. ท่วมท้นถอดถอน-ตัดสิทธิ์การเมือง5ปี, ศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’ อีก10ล.กันหนีคดีข้าว-4 ข้อหาใน ป.ป.ช., ขีดเส้นสิ้น ส.ค.แจ้ง‘ยิ่งลักษณ์’ชดใช้คดีข้าว! สรุปเสียหายจีทูจีพุ่ง 2 หมื่นล.)
สอง กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
‘นารีขี่ม้าขาว’ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวสุดรักของนายทักษิณ กำลังถูกศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งคาดว่าอาจเสร็จสิ้นและมีคำพิพากษาในช่วงปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561
โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และไม่มีการตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการระบายข้าวแบบจีทูจีด้วย โดยในชั้นศาลฎีกาฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เบิกความยืนยันว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่พบการทุจริต ?
(อ่านประกอบ : ปัญหาเกิดจากฝ่ายปฏิบัติ! ‘ยิ่งลักษณ์’ แจงศาลคดีข้าว-ลั่นสอบทุจริตแล้วไม่เจอ, ‘อัยการ’ซัก‘ยิ่งลักษณ์’ตอบ! ท่าที‘นารีขี่ม้าขาว’แจงคดีข้าว-ไฉนสอบไม่เจอทุจริต?)
ขณะเดียวกันยังถูกที่ประชุม สนช. โหวตถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทำให้หมดสิทธิ์ลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ด้วย ส่งผลให้อาจลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดว่าจะมีในช่วงปลายปี 2560-ต้นปี 2561 ไม่ทัน
(อ่านประกอบ : อวสาน"ยิ่งลักษณ์" มติสนช. 190:18 ตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี "นิคม-สมศักดิ์" รอด)
สาม กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551
กรณีนี้มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยนายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1 มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. (น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในปัจจุบัน) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 2-4 กรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ด้วยแก๊สน้ำตา ทำให้มีคนเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะนับตั้งแต่เปลี่ยนขั้วรัฐบาลจาก ‘สีแดง’ มาเป็น ‘สีเขียว’ โดยการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 เนื่องจากมีความพยายามจาก ‘มือที่มองไม่เห็น’ เข้ามาดำเนินการในคดีนี้
เช่น มีหนังสือจากคณะรัฐมนตรี ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร ให้อัยการเข้าไปแก้ต่างคดีดังกล่าว โดยเข้าไปสู้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ โดยฝ่ายอัยการได้ทำหนังสือไปถึง 2 ครั้ง แต่ที่ประชุมศาลฎีกาไม่อนุญาต
(อ่านประกอบ : เปิดคำร้อง'อัยการ'รับลูกครม.-รมว.ยุติธรรม แก้ต่างคดี 'สมชาย-พวก' สลาย พธม., ศาลฎีกามติ 8 ต่อ 1ห้ามตั้งอัยการแก้ต่างให้"สมชาย-พวก"คดีสลาย พธม., เบื้องหลัง! ตั้งอัยการแก้ต่าง "สมชาย-พวก" คดีสลายพธม.ครม."บิ๊กตู่" จัดให้)
ต่อมา นายสมชาย พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ได้ทำหนังสือร้องถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขณะนั้นมีประธานคนใหม่ ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีต ผบ.ตร. ยุค คสช. และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พล.อ.ประวิตร) ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ในช่วงเป็น ผบ.ตร. โดยขอให้ ‘ถอนฟ้อง’ คดีดังกล่าว เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่
ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นประธาน มีที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. ตัวแทนสำนักคดี ตัวแทนสำนักกฎหมาย ร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งตอนแรกทั้งหมดมีมติ ‘เอกฉันท์’ ไม่ถอนฟ้องคดีดังกล่าว
ทว่าต่อมามีตัวแทนกรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่งขอให้แก้ไขมติจาก ‘เอกฉันท์’ เป็นมติธรรมดา ซึ่งคณะกรรมการฯได้ดำเนินการไปตามนั้น และนำเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว คาดว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการพิจารณากรณีดังกล่าว
แต่สิ่งที่น่าสนใจคดีนี้คือ ต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ถอนฟ้องก็ตาม แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยไปแล้วว่า ในการสู้คดีในชั้นศาลฎีกาฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะสู้อย่างเต็มที่หรือไม่ เพราะเห็นได้ว่า มีพยานฝ่ายโจทก์หลายราย เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ไม่ได้เดินทางมาศาลตามที่เป็นพยานฝ่ายโจทก์ และฝ่ายโจทก์ก็ไม่ติดใจจะไต่สวนอีก ?
ดังนั้นสิ่งที่ต้องลุ้นกันในช่วง 1-2 ปีนี้คือ ทั้ง 3 คดีนี้จะมีบทสรุปเช่นใด และจะมีใคร ‘หลบหนี’ ตามรอย ‘นายใหญ่’ ไปอีกหรือไม่ ?
.....
กรณีหมอเลี้ยบเป็นเครื่องแสดงว่า เขาไม่เอาพวกคุณไว้หรอก จะวิ่งเต้น "ต่อท่อ" อ้อนวอน เสนอผลปย.แลกเปลี่ยนยังไงก็ทำไป แต่สุดท้าย ก็จะลงเอยแบบเดียวกัน!
คนเรา บางคนที่เคยแต่วิ่งเต้น "หลบประตูหน้า เข้าประตูหลัง" หา match maker ต่อท่อกับ Key Person จนสำเร็จได้ผลปย.ทางธุรกิจมาตลอด ก็จะเชื่อฝังหัวว่า ในทางการเมืองก็ทำได้แบบเดียวกัน ซึ่งคนแบบนี้ก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เชิญก้มหน้าก้มตาวิ่งเต้น แล้วรับ "เซอร์ไพร์ส" ไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์