"ผมพอแล้ว"
หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เป็นอันรู้กันว่านักศึกษาได้หนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ และเมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ก็มีการรัฐประหารโดย "สงัด ชลออยู่" ซึ่ง เปรม ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมคณะรัฐประหาร ก็มีการตั้ง "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" เป็นนายก
ธานินทร์ บริหารประเทศล้มเหลว แล้วทำท่าจะลากยาว 12 ปี เปรม ก็ได้เข้าร่วมกับสงัด ชลออยู่ อีกครั้ง แล้วรัฐประหารพวกตัวเอง ก็เปลี่ยนนายกใหม่มาเป็น "พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์"
เกรียงศักดิ์ เป็นนายกก็โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุดท้ายก็ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า "นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง"
สภาชุดนั้นไปคว้าเอา "ผู้บัญชาการทหารบก" นามว่า "เปรม ติณสูลานนท์" ให้เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มศักราชของเปรมตั้งแต่ 2523
เปรมเจอเหตุการณ์ "กบฏเมษาฮาวาย" ที่นำโดย "มนูญกฤต รูปขจร" ปรากฎว่าเปรมได้พา "เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน" ไปพักที่นครราชสีมา พูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ รัฐประหารแต่ไม่มีลายเซ็นรับรองก็ถือว่าไม่สำเร็จ ก็โดนข้อหากบฏกันไป แล้วเปรมก็ "ยุบสภาครั้งที่ 1"
ต่อมามีการเลือกตั้งปี 2526 พรรคการเมือง 3 พรรคก็ตกลงกันว่า เราจะเชิญ "เปรม" เป็นนายกต่ออีกสมัย เปรมก็รับตำแหน่งเป็นนายกคนนอกแบบหน้าไม่อายแบบนี้ต่อไป
กบฏครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น เรียกว่า "กบฏ 9 กันยา 2528" ผู้นำกบฏก็คนเดิมคือมนูญกฤต รูปขจร จริงๆกบฏครั้งนี้เกือบจะสำเร็จแต่เผอิญคนอยู่เบื้องหลังไม่ยอมออกมา เกิดวาทกรรม "นัดแล้วไม่มา" ทำให้รัฐประหารล้มเหลว เปรมชนะอีกรอบ แต่เกิดมีปัญหาเรื่อง พ.ร.บ.ขนส่งทางบก เปรมก็ประกาศ "ยุบสภาครั้งที่ 2"
เลือกตั้งอีกครั้ง ก็มาแนวเดิมคือทุกคนเชิญ "เปรม" เป็นนายกรอบที่ 3 แล้วก็ยุบสภา จากการผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่องกบฏ 2 ครั้ง เปรมจึงได้รับฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"
สังเกตว่าเปรมได้เป็นนายกทั้งๆที่ตนเองไม่เคยลงเลือกตั้ง แต่ทำไมถึงมีการสนับสนุนจากคนในสภา อำนาจบารมีของเปรมก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่ก็มีคนกล้าคนหนึ่งนามว่า"ขวัญชัย วรสูตร" เป็นนักมวย ของ ม.รามคำแหง ขณะที่ อ.สุขุม นวลสกุล เป็นอธิการบดี เขาก็จัดงานกีฬาประจำปี ปรากฎว่าระหว่างที่ขวัญชัย ได้ขึ้นรับรางวัลกลับ "เปรม ติณสูลานนท์" ขวัญชัยได้ชกหน้าเปรม เลือดอาบ ล้มลงกับพื้นทันที ขวัญชัยได้พูดเอาไว้ว่า "เกลียดหน้ามานานแล้ว" การชกไม่ได้หมายเอาชีวิต เพราะชกแค่หมัดเดียวแล้วจบ ถ้าคิดฆ่าป่านนี้เปรมคงตายไปแล้ว
เปรมต้องเข้าโรงพยาบาลเกือบ 2 สัปดาห์ ออกมาก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า "ป๋าเห็นดาวเลยลูก"
ภายหลังขวัญชัย วรสูตร ถูกจับเข้าโรงพยาบาลบ้า และก็ถูกจับกดน้ำตาย โดยที่ญาติไม่ติดใจเอาความ
เปรมมีพรรคชาติไทยคอยหนุน ก็เกิดการเลือกตั้งปี 2531 ก็จะมาแนวเดิมคือไม่ว่าใครชนะก็ไปเชิญเปรม จากบ้านสี่เสาเทเวศน์ให้เป็นนายกต่อ แต่ขณะนั้นกระแสเรื่องประชาธิปไตยเริ่มมา นักวิชาการจำนวนมากคัดค้านการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 ของเปรม หนึ่งในนั้นคือคนที่กลับมาร่างรัฐธรรมนูญให้ คสช. ฉบับหนึ่ง นามว่า "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" ได้ร่วมลงชื่อต้านเปรม
เปรมก็รู้ตัวดีว่าลากยาวมา 8 ปี 5 เดือน จึงบอกกับ "พล.อ.ชาติชาย" ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยว่า....
"ผมพอแล้ว"
เปรมก็ไม่รับตำแหน่งนายก ให้ชาติชายเป็นแทน แล้วเปรมก็ได้รับตำแหน่ง "องคมนตรีและรัฐบุรุษ" ตลอดเวลาเป็นนายกเปรมต่างกับประยุทธ์โดยสิ้นเชิง ประยุทธ์พูดมาก แต่เปรมพูดน้อยจนนักข่าวตั้งฉายาว่า "เตมีย์ใบ้" เป็นเรื่องเล่ากันว่า นักข่าวมารอหน้าทำเนียบ เปรมหนีออกประตูหลัง นักข่าวมาประตูหลัง เปรมออกประตูหน้า นักข่าวดักสองทาง เปรมออกข้างหน้าต่าง
ศัตรูของเปรมหลายคนก็มีจุดจบแปลกๆ
"ขวัญชัย วรสูตร" ถูกจับกดน้ำตายในโรงพยาบาลบ้า ทั้งๆที่ไม่ได้บ้า
"พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา" กิน "ข้าวเหนียวมะม่วง" แล้วก็ตาย
"พันตรีประจักษ์ สว่างจิตต์" ยิงตัวเองตายในห้องน้ำ
และศัตรูคนล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิตไปคือ "นายสมัคร สุนทรเวช" คนนี้เกลียดเปรมมาก เพราะช่วงหลังๆมีกระแสเรียกร้องให้เปรมว่า "ถ้ามึงอยากเป็นนายก ก็ลงเลือกตั้งสิ ไม่ใช่ทำตัวเป็นหมาขี้เรื้อนแบบนี้" นายสมัครเคยกล่าวถึงขนาดว่า "ใครมันเอาหมาขี้เรื้อนมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก"
เปรมเคยพูดว่า "ป๋าเบื่อเป็นนายกแล้ว" (พอๆกับ ผมเบื่อ ผมเหนื่อย ของประยุทธ์)
สมัคร ก็สวนทันทีว่า "เบื่อก็ลาออกไปสิ"
และหลังปี 2549 ที่สมัครได้เป็นนายกจากพรรคพลังประชาชน สมัครก็ไม่เคยพาคณะรัฐมนตรีไปเหยียบบ้านสี่เสาเทเวศน์เพื่ออวยพรเปรม หรือรดน้ำดำหัวใดๆทั้งสิ้น เปรมโกรธมาก และทำทุกวิถีทางเพื่อล้มฝ่ายทักษิณ และข่าวก็รายงานกันว่าเปรมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
เปรมเคยวิจารณ์ทักษิณว่า
"ผมไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ แต่เขาไม่เหมาะ(จะเป็นนายก)"
วาทกรรม "อำมาตย์" ในช่วงการชุมนุมของเสื้อแดงปี 52-53 ก็หมายถึง "เปรม ติณสูลานนท์" ผู้นี้นี่แหละ
ปัจจุบันเปรมอายุ 96 ปี วันนี้ 26 สิงหาคม 2559 ก็เป็นวันเกิด ขอเชิญร่วมอวยพรเปรมได้ ณ ที่นี้
@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
26 สิงหาคม 2559
หยุดดัดจริตประเทศไทย