คดีเกาะเต่า:
จำเลยคดีให้การในศาลบอกเล่าอย่างละเอียดถึงการถูกทรมานให้สารภาพว่าสังหารนักท่องเที่ยว
บีบีซีไทย - BBC Thai:
เมื่อวันที่ 1 และ 2 ก.ย. ผ่านมาที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้มีการพิจารณาคดีสังหารชาวอังกฤษสองคนคือเดวิด
มิลเลอร์ และฮันนา วิทเธอริดจ์ ในวันที่ 1 ก.ย.เป็นการสืบพยานที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนของคดีดังกล่าว
และในวันที่ 2 ก.ย.เป็นการสืบพยานจำเลย
โดยจำเลยหนึ่งในสองคนได้ให้ปากคำต่อศาลคือนายซอ ลิน หรือโซ เรน
การให้ปากคำของเขามีการบรรยายถึงช่วงการถูกจับและถูกซ้อมทรมานอย่างละเอียด
คดีนี้ได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมฟังการสอบปากคำจำนวนมาก และในระหว่างที่ฟังการให้การของนายซอ
ลิน บรรดาผู้สื่อข่าวและผู้สังเกตการณ์ต่างพากันเดินออกจากห้องพิจารณาเป็นระยะๆ เพื่อออกมาจดข้อมูลที่ได้ยิน
จนกระทั่งถูกผู้พิพากษาปราม
เนื่องจากศาลคดีนี้ไม่อนุญาตให้จดบันทึกข้อความ แม้การพิจารณาคดีจะเป็นการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย
ข้อความจากการให้การของเขาไปปรากฏในรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายราย บีบีซีไทยได้รับ
บันทึกสั้นๆจากหนึ่งในผู้เข้าสังเกตการณ์การพิจารณาคดี คือพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ต่อไปนี้คือบันทึกจากข้อสังเกตของเธอ
ซอ ลิน จำเลยชาวพม่าเบิกความกับศาลหนนี้ผ่านการซักถามของทนายและการแปลของล่าม
เขาเริ่มด้วยการเล่าว่าไปทำงานที่เกาะเต่าอยู่นานร่วมสองปี โดยทำงานในร้านอาหารและย้ายงานอยู่หลายร้าน
เดือนสุดท้ายก่อนถูกจับทำที่ร้านชื่อ Brothers ตามเงื่อนไขของนายจ้างเขาจะได้หยุดช่วงกลางเดือนของทุกเดือนตามที่ตกลงกันเอง
ดังนั้นเมื่อวันที่ 14 เดือนนั้นเขาจึงนัดแนะเพื่อนสองคนคือนายวิน
ซอ ตัน หรือเว พิวและนายเมาเมาให้ไปสังสรรค์และซื้อเบียร์ไปดื่มกัน พวกเขาใช้มอเตอร์ไซค์ไปซื้อบุหรี่และเบียร์
และพากันไปนั่งที่ชายหาด เอากีตาร์ไปเล่นและร้องเพลง
พวกเขาผลัดกันสูบบุหรี่ในระหว่างเล่นกีตาร์
ซึ่งก็ทำให้ปรากฏในเวลาต่อมาว่าบุหรี่ที่เจ้าหน้าที่เก็บได้นั้นมีดีเอ็นเอ ของคนมากกว่าหนึ่งคนบนบุหรี่
นอกจากเบียร์แล้ว เมาเมายังไปหาไวน์มาดื่มต่ออีก ช่วงหนึ่งเมาเมาต้องการไปพบกับแฟนและได้ขอเปลี่ยนจากเสื้อพนักงานเป็นเสื้อแขนยาวของเว
พิวเพราะหนาว ก่อนที่จะขับรถมอเตอร์ไซค์ไป
ต่อมาซอลินและวินพิวไปซื้อเบียร์มาดื่มอีก
แล้วก็มีฝนตกลงมาจึงคิดจะเดินกลับ รู้สึกมึนหัวเขาจึงไปลงน้ำเพราะหวังว่าจะได้รู้สึกดีขึ้น
เขาไปลงทะเลเช่นเดียวกับเวพิวที่ถอดเสื้อผ้าและรองเท้า รวมทั้งนำกีตาร์เอาไปแอบไว้เช่นกัน
แต่เมื่อพวกเขาขึ้นจากน้ำก็พบว่าของหายไปหมด พวกเขาก็บ่นเรื่องของหายแต่ก็ปล่อยให้เรื่องผ่านไป
ทั้งหมดกลับไปนอนที่บ้านเมาเมา และไม่ได้ทำงานในวันที่ 15 ก.ย. วันต่อต่อมาก็ทำงานทุกวันเป็นปกติจนกระทั่งมาถูกจับเอาในเวลา
01.00 น.ของวันที่ 2 ต.ค.ที่บ้านพักของซอลิน
ซอลินเล่าว่า
ในคืนวันนั้นมีคนที่เข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่ใส่เครื่องแบบเข้าไปในห้องเช่า
ที่มีพวกเขาใช้ร่วมกันทั้งหมด 7 คนและจับกุมพวกเขา
พวกเขาถูกใส่กุญแจมือและถูกพาไปยังตึกแห่งหนึ่งซึ่งต่อมารู้ว่าคือโอเชียนวิลล์ สถานที่พักใกล้ที่เกิดเหตุฆาตกรรม
เมื่อเข้าไปในห้องมีการเปลี่ยนเป็นใส่กุญแจมือไขว้หลัง
แล้วให้ถอดเสื้อไปติดไว้ที่แขนด้านหลัง ถูกสั่งให้ถอดกางเกงรวมทั้งกางเกงชั้นใน
แล้วก็มีการนำถุงพลาสติกครอบหัว มัดปากถุงด้านหลัง
เขาถูกถามว่าได้ฆ่าฝรั่งหรือไม่
แต่ซอลินบอกว่าขณะนั้นตนหายใจไม่ออกก็ได้กัดถุงพลาสติกขาดไปหนึ่งใบ แต่ก็มีใบที่สองมาสวมทับอีก
แล้วก็มีคำถามตามมาอีกว่าได้ฆ่าหรือไม่ เขาตอบไปว่าไม่ได้ฆ่า
ก็มีผู้นำถุงพลาสติกใบที่สามมาครอบไว้ ทำเช่นนี้ติดต่อกันหลายครั้ง
จนเกือบขาดอากาศหายใจและล้มลง
ซอ ลินเล่าอีกว่า
ต่อมามีคนเอาผ้ามาผูกปิดตา แล้วก็ให้ใส่เสื้อผ้า เขาถูกขู่ว่าถ้าไม่รับสารภาพก็จะถูกฆ่าตายด้วยการถ่วงด้วยหินแล้วโยนทิ้งทะเล
เขาได้รับการบอกเล่าว่าเพื่อนๆ
ที่ถูกจับมาพร้อมกันนั้นถูกเจ้าหน้าที่ส่งกลับประเทศพม่าไปแล้วและจะไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกฆ่าตาย
หากเขายอมรับสารภาพก็จะติดคุก 4-5 ปี มีคนพูดกับเขาว่าจะติดคุกหรืออยากจะถูกฆ่าตาย
ต่อมาเขาถูกถีบที่หน้าอก
ถูกตบ ชกที่หน้าหลายครั้ง จนปากแตกและเลือดไหล ในระหว่างที่ถูกทรมานและบังคับให้สารภาพ
เขาได้ยินเสียงของคนไทยพูดคุยกับล่าม บางครั้งก็ไม่ใช่เป็นการแปลแต่เป็นล่ามพูดเอง
บางครั้งก็จะเป็นการแปลภาษาจากภาษาไทย
ในที่สุดซอลินบอกว่า
เขาทนความเจ็บปวดไม่ไหวและยอมบอกไปว่าจะรับว่าได้ฆ่าฝรั่ง
ซอลินถูกจับช่วงเช้าตรู่คือ
01.00 น.ของวันที่ 2
ต.ค. เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการจับกุมโดยอาศัยอำนาจตาม
พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ถือว่าเป็นบุคคลที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยทนายจำเลยได้ระบุว่าซอลินมีหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกกฎหมายพร้อมหนังสือเดินทาง
ระหว่างการควบคุมตัวพบว่าไม่มีการทำบันทึกสอบสวนในฐานความผิดพ.ร.บ.คนเข้าเมืองดังกล่าว แต่ได้จัดทำเป็นบันทึกสอบสวนพยาน
โดยมีการบันทึกในทำนองว่า ซอลินได้สารภาพว่ากระทำความผิดข้อหาฆ่าและข่มขืนนักท่องเที่ยว
ทางฝ่ายทนายจำเลยได้ซักถามนายซอลินในชั้นศาลพบว่า ในระหว่างที่มีการเข้าจับกุม
ผู้ถูกจับไม่ได้รับแจ้งสิทธิ ไม่มีการระบุข้อหา
และในระหว่างการสอบสวนก็ไม่มีทนายไปนั่งฟังการสอบสวน รวมทั้งขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งพิมพ์เอกสารซึ่งให้นายซอลินลงชื่อนั้น
ก็ไม่มีการสอบถามใดๆ เพียงแต่ให้นายซอลินนั่งลง แล้วล่ามและตำรวจก็พูดคุยกัน พิมพ์เอกสารจนเสร็จแล้วให้นายซอลินลงลายมือชื่อโดยไม่ได้อ่านและไม่ได้แปลให้ฟังแต่อย่างใด
บีบีซีไทย
หมายเหตุ: เมื่อเดือนตุลาคม 2557 สื่อทั้งในและต่างประเทศหลายราย รายงานว่าจำเลยในคดีนี้ได้กลับคำรับสารภาพ
โดยระบุว่าถูกทำร้ายร่างกายให้ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านักท่องเที่ยวชาว อังกฤษทั้งสองคน
#KohTao