เห็นข่าวจากนายแบก ว่า “รมว.กลาโหมมีคำสั่งให้ลดอัตรานายพลในกองทัพลง เล็งตำแหน่งผู้ทรงฯ ตั้งเป้าให้เหลือน้อยกว่า ๓๐๐ จาก ๒,๐๐๐ นาย” เลยนึกได้ เมื่อสองสามวันก่อนพ่องหย่าย (บิ๊ก) บอกลดจาก ๗๐๐ เหลือ ๓๐๐ ไม่ใช่หรือ
เช็คอีกทีข่าวช่อง ๓ พลัส ใช่แฮะ จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมบอกว่า สุทิน คลังแสง กำชับเหล่าทัพเรื่องลดจำนวนนายพลในตำแหน่งที่เกินความจำเป็น “ลงกว่า ๕๐% ภายใน ๓ ปี หรือเหลือน้อยกว่า ๓๐๐ คน ในปี ๒๕๗๐”
ถ้างั้น บวกลบคูณหารแล้วก็ใช่สิ ตามที่ รมว.พูดไว้ว่าลดจาก ๗๐๐ คน หมายความว่า ๗๐๐ เป็นจำนวนนายพลล้นงาน เช่นตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ “ที่ผ่านมามีชั้นนายพลประมาณ ๒,๐๐๐ นาย โดยเป็นกำลังหลักประมาณ ๑,๓๐๐ นาย”
แล้วทำไมไม่ลดนายพลล้นงานทั้ง ๗๐๐ ล่ะ อ๋อ รัฐบาลนี้เขาชอบทำอะไรค่อยเป็นค่อยไป ละมุนละม่อม ลด ๓๐๐ อัตรานี่ขอเวลา ๓ ปี แล้วไปลดอัตราพันเอกพิเศษที่จะขึ้นเป็นนายพล ๕๗๐ อัตราแทน สลับซับซ้อนแยบยลดี ตาม “วิสัยทัศน์ของ รมว.กลาโหม”
พร้อมกันนั้นก็ให้จัดทำ “นโยบายสร้างแรงจูงใจให้นายทหารเกษียณก่อนกำหนด Early Retire” โดยจ่ายเงินชดเชยรายละประมาณ ๗ แสนบาท คร่าวๆ ตรงนี้ต้องใช้เงินเกือบ ๕๐๐ ล้านบาท มิน่าทั่นรัฐมนตรีว่าการของบประมาณเพื่อการนี้ไว้ ๖๐๐ ล้าน
ซึ่งทั่นโฆษกของ รมว.คุยต่อว่ารัฐบาลที่แล้วทำโครงการนี้ไว้ระยะยาว ๑๐ ปี นี่เราผลักดันให้บรรลุเป้าหมายภายใน ๓ ปี เชื่อว่าโครงการใหม่นี้ “จะได้รับการตอบรับดีอย่างแน่นอน” ขนาดยุค คสช.ระหว่าง ๒๕๕๗ ถึง ๒๕๖๑ เกษียณก่อนกำหนดได้ตั้ง ๒๖,๐๐๐ ตำแหน่งแน่ะ
ระยะเวลาสี่ปีได้จำนวนมากกว่า ๓ ปีของบิ๊กทินเกือบสี่เท่า ใช้เงินไปแค่ไหนไม่รู้นะ เรื่องนั้นคงพูดไม่ออก เพราะ ‘ระบบปกปิด’ กับ ‘ระบบงุบงิบ’ มันต่างกัน แต่ปัญหามันอยู่ที่กลาโหมยุค ‘คลังแสง’ นี่ตัวเลขผิดเพี้ยนไปเยอะนะ จำนวนนายพลในกองทัพน่ะ
กานดา นาคน้อย อีกแระ นักวิชาการคนที่เคยทำวิจัยเมื่อปี ๒๕๕๗ พบนายพลว่างงาน (แต่กินเงินเดือนเต็ม) ๑,๔๐๐ นาย มาวันนี้ (๑๒ มกรา) เธออัพเดตข้อมูลให้ตรงตามยุคสมัย พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีทหารระดับนายพล ๓,๒๗๔ นาย
มากกว่าตัวเลขของสุทินเกือบ ๑,๓๐๐ นาย จำนวนนี้ไปเพิ่มที่กำลังหลัก รวมเป็นกว่า ๒,๕๐๐ นายก็เยอะอยู่ แล้วถ้า รมว.คำนวณผิด มีนายพลล้นงานเหลืออยู่อีกกี่นายจาก ๑,๓๐๐ นายนั้นล่ะ เท่ากับว่าค่าใช้จ่าย ๖๐๐ ล้าน ได้ผลแค่จิ๊บจ้อยละสิ
(https://ch3plus.com/news/political/morning/382176 และ https://prachatai.com/journal/2024/01/107601)