วันจันทร์, มกราคม 15, 2567

ผ่านมาเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว ไม่มีคนในรัฐบาลคนไหน จะปฎิเสธข่าวชิ้นนี้ ก็พอจะอนุมานได้ว่ามีสิทธิเป็นเรื่องจริง "ส่อปิดฉากกู้5แสนล้าน ลดงบ"แจกเงินดิจิทัล" เหลือ3แสนล." ถ้าเป็นตามข่าวนี้จริงก็แสดงว่าทำโฆษณาของพรรคเพื่อไทยที่ว่า "หาเงินได้ ใช้เงินเป็น" ก็ไม่ต่างจากที่ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้โฆษณาไว้เช่นกัน ?


Thanapol Eawsakul
7h
·
เอาทักษิณกลับบ้านแบบไม่คิดคุก เป็นผลงานเดียวที่จับต้องได้ของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

..........................
ผ่านมาเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว
ไม่มีคนในรัฐบาลคนไหน จะปฎิเสธข่าวชิ้นนี้

ก็พอจะอนุมานได้ว่ามีสิทธิเป็นเรื่องจริง

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พฤษภาคม 2567
นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยคือแจกเงิน 1 หมื่นบาท ไม่สำเร็จ

แต่การเอาทักษิณกลับบ้านแบบไม่คิดคุกสำเร็จแน่นอ่น

นี่จึงเป็นผลงานเดียวที่จับต้องได้ของเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

...............

“รัฐบาลรู้ตั้งแต่เห็นหนักสือตอบกลับจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าไปต่อยาก แต่ต้องทอดเวลาไว้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้หายใจและเกิดความชอบธรรมที่จะยุติการกู้เงินและมีที่พิงหลัง อย่างผลสรุปของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่จะเป็นทั้งตัวสแตมป์และที่พิงอย่างดี เพราะหากยังยืนยันจะเดินหน้าออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5แสนล้านบาท ก็ยังมีด่านป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญอีกที่รัฐบาลยังต้องเผชิญ”แหล่งข่าวระบุ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 ต่อไป ซึ่งเมื่อได้รับรายงานจากคณะอนุฯ ตามที่มอบหมายแล้ว บอร์ดชุดใหญ่ก็จะมีมติยกเลิกการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท แต่จะใช้วิธีการบริหารงบประมาณแทน โดยจะใช้วิธีตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2568 แทน ซึ่งจะมีการจัดทำในเดือนพฤษภาคม 2567 และจะลดวงเงินเหลือไม่เกิน 3 แสนล้านบาท

........
ส่อปิดฉากกู้5แสนล้าน ลดงบ"แจกเงินดิจิทัล" เหลือ3แสนล.
(https://www.thansettakij.com/fin.../financial-banking/585724)
.....

Thanapol Eawsakul
19h
·
จาก 560,000 ล้าน สู่ 500,000 ล้าน และจะจบที่ 300,000 ล้าน
โครงการแจกเงินของพรรคเพื่อไทย
บทพิสูจน์ว่า "หาเงินก็ไม่ได้ ใช้เงินก็ไม่เป็น"
............................
ส่อปิดฉากกู้5แสนล้าน ลดงบ"แจกเงินดิจิทัล" เหลือ3แสนล.
https://www.thansettakij.com/fin.../financial-banking/585724
.......................
วันที่ 5 เมษายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน 1 ใน 3 ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งจะดำเนินนโยบายแจกเงินให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน คนละ 10,000 บาท เป็นจำนวนเงิน 560,000 ล้านบาท
พรรคเพื่อไทยและเศรษฐา ทวีสินยังคุยโม้ต่อไปว่าเงิน 560,000 ล้านบาทนั้นไม่ได้เป็นเงินกู้แม้แต่บาทเดียวเพราะพรรคเพื่อไทย "หาเงินได้ ใช้เงินเป็น"
https://www.naewna.com/channel/768872
นโยบายดังกล่าวพรรคเพื่อไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำไปสู่ผลการเลือกตั้งแบบแลนสไลด์ที่ได้คะแนน 300 ที่นั่งขึ้นไป
แต่ผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 กลับกลายเป็นว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับพรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งได้เพียง 141 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่งเป็นรองพรรคก้าวไกลที่ได้ 151 ที่นั่ง
ซึ่งยังไม่รวมคะแนนระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกพรรคก้าวไกลทิ้งห่างกว่า 4 ล้านเสียง
ถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะลงนามใน MOU จัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566
แต่ทั้งหมดกลายเป็นเศษกระดาษ
เหตุผลสำคัญคือทักษิณ ชินวัตรได้ทำสัญญาปีศาจไว้กับชนชั้นนำตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้วว่าจะเปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมืองเพื่อแลกกับการกลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
เมื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
จึงนำมาสู่การฉีก MOU และผลักดันให้เศรษฐา ทวีสินได้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 พร้อมกับการกลับบ้านแบบไม่ติดคุกของทักษิณ ชินวัตรภายในวันเดียวกัน
แต่เมื่อต้องบริหารประเทศแล้วรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินก็รู้ว่าไม่สามารถหาเงินมาได้ 560,000 ล้านบาทเพื่อมาแจกคน 56 ล้านคนตามที่หาเสียงไว้
ดังนั้นวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสินจึงได้แถลงนโยบายใหม่กล่าวคือจะลดจำนวนผู้ที่จะแจกเงินจาก 56 ล้านคนเป็น 50 ล้านคน ยอดเงินจะกลายเป็น 5 แสนล้านบาท
และที่มาของเงินจะเป็นการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน
ซึ่งจะตรงกันข้ามกับที่หาเสียงไว้
แต่รัฐบาลก็ได้ทิ้งท้ายว่าจะไม่ทำผิดกฎหมายโดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของรัฐบาลได้พิจารณาก่อน
ผ่านไป 2 เดือนคำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่าโครงการกู้เงินมาแจกทำได้ถ้าไม่ผิดกฎหมาย
คือพรบ. วินัยการเงิน
การตอบเช่นนั้นก็เหมือนไม่ได้ตอบเพราะถ้าเกิดผิดกฎหมายขึ้นมารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรคก็ประสานเสียงออกมาว่า
ยินดีสนับสนุนนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
หรือนัยหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลก็บอกว่าถ้ามีความเสี่ยงจะผิดกฎหมายก็จะไม่โหวตให้
กฎหมายดังกล่าวก็จะไม่ผ่านสภาและเศรษฐาทวีสินก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภา
จนล่าสุดก็มีข่าวว่ารัฐบาลเศรษฐา ทวีสินล้มเลิกความพยายามที่จะกู้เงิน 500,000 ล้านบาทมาแจกแล้วแต่จะเปลี่ยนไปเป็นการหางบประมาณตามระบบแทนโดยคาดหวังว่าจะได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท
เป็นอันว่าจาก 560,000 ล้านบาทมีแนวโน้มจะลดลงเหลือ 300,000 ล้านบาทหรือลดลงกว่าครึ่ง
ถ้าเป็นตามข่าวนี้จริงก็แสดงว่าทำโฆษณาของพรรคเพื่อไทยที่ว่า
"หาเงินได้ ใช้เงินเป็น"
ก็ไม่ต่างจากที่ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้โฆษณาไว้เช่นกัน
ทั้งหมดจึงเป็นเพียงมายาคติที่ไม่เป็นจริงอีกต่อไป