วันจันทร์, มกราคม 15, 2567

7 คำถามต่อ “แลนด์บริดจ์” ที่สังคมยังรอคำตอบจากรัฐบาล - พรรคก้าวไกล โพสต์ถาม


พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
11h ·

[ 7 คำถามต่อ “แลนด์บริดจ์” ที่สังคมยังไม่ได้คำตอบ ]
.
จากกรณีที่ สส.ก้าวไกล 4 คนประกาศลาออกจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อทักท้วงการจัดทำรายงานการศึกษาที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ขณะที่ยังมีอีกหลายคำถามซึ่งไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ขอร่วมเป็นตรายางประทับรายงานที่ไม่สมบูรณ์ฉบับนี้ส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร
.
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในกรรมาธิการที่ประกาศลาออก กล่าวว่า ตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับท่าเรือระนอง รถไฟทางคู่สำหรับขนส่งสินค้า หรือการสร้างนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ
.
แต่สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ในเมื่อรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ออกมาเป็นเช่นนี้ ขณะที่บทสรุปของรายงานที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เคยทำ ขัดแย้งกับรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษา ซึ่งมีผลสรุปว่าโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
.
ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงเห็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องตอบคำถามและข้อสงสัยของสังคมให้ชัดเจน ก่อนจะร่วมกันสรุปว่าโครงการนี้คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ หรือจะสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจใดบ้างหากโครงการนี้ไม่สัมฤทธิ์ผล โดยมี 7 คำถามที่รัฐบาลจำเป็นต้องตอบ ดังนี้


[ คำถามแรก ]
.
โครงการแลนด์บริดจ์ฝากความหวังไว้ที่การถ่ายลำเรือข้ามฝั่งมหาสมุทร 80% ส่วนการขนส่งสินค้าเข้า-ออกประเทศไทยมีเพียง 20% ดังนั้น เราจึงต้องโฟกัสเรื่องการคาดการณ์สินค้าที่จะมาถ่ายลำเรือเป็นหลัก
.
โดยในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ มีการคิดคำนวณเส้นทางเดินเรือจากยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง มายังจุดหมายในเอเชียใต้ด้วย
.
คำถามคือ เส้นทางเดินเรือเหล่านี้จะมาใช้ท่าเรือระนองทำไม ในเมื่อมีท่าเรือที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกาเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว และมีการเดินเรือโดยตรงอยู่เป็นประจำ
.
หากไม่มีการเดินเรือจริง จะส่งผลอย่างมากต่อประมาณการตัวเลขการใช้งานโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะยอดส่งออก-นำเข้ารวมกันในเส้นทางนี้ 105.22 ล้านตัน


[ คำถามที่ 2 ]
.
ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ มีการคิดคำนวณเส้นทางเดินเรือจากเอเชียตะวันออก ไปยังออสเตรเลียด้วย
.
คำถามคือ เส้นทางเดินเรือนี้จะมาใช้ท่าเรือชุมพรทำไม ในเมื่อมีการเดินเรือไปและกลับจากท่าเรือในออสเตรเลียโดยตรงอยู่แล้ว
.
หากไม่มีการเดินเรือจริง จะส่งผลอย่างมากต่อประมาณการตัวเลขการใช้งานโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะยอดส่งออก-นำเข้ารวมกันในเส้นทางนี้ 29.21 ล้านตัน

[ คำถามที่ 3 ]
.
ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ มีการคิดคำนวณเส้นทางเดินเรือจากทวีปต่าง ๆ มายังกลุ่มประเทศอาเซียนตอนใต้ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียด้วย
.
คำถามคือ เส้นทางเดินเรือเหล่านี้จะมาใช้โครงการแลนด์บริดจ์ทำไม ในเมื่อเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกาใกล้กว่า



[ คำถามที่ 4 ]
.
ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ มีการรวมสินค้าเทกอง (bulk cargo) เช่น ปูน ไม้ ที่มีความต้องการใช้ภายในประเทศไปด้วยหรือไม่
.
โดยหากดูสไลด์การนำเสนอของคณะกรรมาธิการฯ จะพบว่ามีการประมาณการรวมสินค้าเทกองเข้ามาด้วย ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีความต้องการใช้ภายในประเทศอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องขนส่งผ่านโครงการแลนด์บริดจ์
.
หากไม่รวมสินค้าประเภทนี้ ท่าเรือฝั่งระนองจะมีประมาณการลดลงเหลือ 3.4 ล้านตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนฝั่งชุมพรลดลงเหลือ 1 ล้านตู้คอนเทนเนอร์


[ คำถามที่ 5 ]
.
ทำไมรายงานของคณะกรรมาธิการฯ จึงไม่คิดคำนวณต้นทุนเวลาการถ่ายสินค้าจากท่าเรือลงสู่เรือ (transhipment)
.
เพราะหากไม่คิดต้นทุนนี้ เท่ากับว่าจะมีเรือออกจากแลนด์บริดจ์ทุกนาที แต่ในความเป็นจริงต้องคำนวณเวลาในการถ่ายสินค้าจากท่าเรือลงสู่เรือทั้งสองฝั่งด้วย
.
โดยปกติสายเดินเรือจะกำหนดระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ต่อเที่ยว แต่ในรายงานกลับไม่ได้คิดคำนวณเรื่องระยะทางกับเวลาในการขนส่ง ที่รวมเวลาในทะเล และเวลาที่ขนจากท่าเรือลงสู่เรือด้วย


[ คำถามที่ 6 ]
.
สมมติฐานว่าท่าเรือทั้งสองฝั่ง (ชุมพร-ระนอง) จะโตเร็ว โดยใช้ข้อมูลท่าเรือแหลมฉบังเป็นกรณีฐาน และข้อมูลท่าเรือตันจุงเปเลปัสที่มาเลเซียเป็นกรณีสูง นำไปสู่ข้อสรุปว่าเราต้องการท่าเรือความจุ 20 ล้านตันสองท่า
.
แต่ข้อมูลจริงอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คาดการณ์ไว้ เพราะท่าเรือตันจุงเปเลปัสโตเฉลี่ยเพียงปีละ 19% ในช่วง 5 ปีแรก มีการลดค่าบริการลง 50% และมีข้อตกลงกับบริษัท MAERSK ว่าจะมาใช้บริการปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตู้


[ คำถามที่ 7 ]
.
ด้วยสมมติฐานและประมาณการความต้องการใช้แลนด์บริดจ์ที่สูงเกินจริง ประกอบกับการรวมรายได้ที่ไม่ใช่รายได้ของแลนด์บริดจ์อย่าง Terminal Handling Charge หรือค่าใช้จ่ายในการนำตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือ เข้าไปอีก 2,800 บาทต่อตู้
.
จึงต้องคำถามว่า ความเหมาะสมทางการเงินของโครงการที่ตั้งไว้ที่ 8.62% และจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 24 ปี เป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลหรือไม่
.....

ที่มา (https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/948170110205675?ref=embed_post)