นักท่องเที่ยวจีนกำลังกลับมา แต่ว่าไม่ใช่ที่เมืองไทย
จุดไฮไลท์ของร้านอาหาร 76 การาจ ที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน คือการได้มาถ่ายภาพร่วมกับพนักงานต้อนรับชาย
โจนาธาน เฮด
ผู้สื่อข่าว บีบีซีนิวส์
7 พฤศจิกายน 2023
สำหรับบรรดานักท่องเที่ยวชาวจีน สถานบันเทิงชื่อดังของกรุงเทพมหานครที่ชื่อ "76 การาจ" ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสถานที่กินเที่ยวขวัญใจของพวกเขาที่ต้องมาเยือนสักครั้ง
เหตุผลหลัก ๆ อาจจะไม่ใช่อาหาร แต่คือหนุ่ม ๆ หน้าตาดี ที่พร้อมสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าที่มาเยือน
ภายในร้านอาหารแห่งนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาว ไฮไลท์สำคัญคือ การบริการสุดพิเศษจากบรรดาพนักงานต้อนรับชาย หุ่นล่ำโชว์ร่างท่อนบนสวมกางเกงขาสั้น เดินลงไปในสระว่ายน้ำ บริการอาหารลูกค้าที่จองที่นั่งริมสระน้ำ และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ลูกค้าคนใดจะให้ทิปก็ไม่มีปัญหา
ครั้งหนึ่งในอดีต ถ้าลูกค้าคนใดต้องการเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ร้าน 76 การาจ จะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเป็นแรมเดือน เพราะที่นี่จัดว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าในตอนนี้ ที่นั่งต่าง ๆ กลับว่างเปล่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของการท่องเที่ยวไทยหายไป
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกลับมีความหวังอีกครั้ง เมื่อเดือน ม.ค. ทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ พร้อมกับอนุญาตให้ชาวจีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันการกลับมาของนักท่องเที่ยวก็อาจจะช่วยให้ธุรกิจกลับมาฟื้นคืนได้ หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19
รัฐบาลไทยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยราว 5 ล้านคน แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2019 กว่าครึ่งหนึ่ง แต่ว่าเมื่อย้อนไปดูสถิตินักท่องเที่ยวชาวจีนปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นมาเพียง 270,000 คนเท่านั้น
ยิ่งเมื่อพิจารณายอดนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีอยู่ไม่ถึง 2.5 ล้านคน ยิ่งทำให้แผนการที่ไทยวาดไว้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คาดการณ์
ผู้สื่อข่าว บีบีซีนิวส์
7 พฤศจิกายน 2023
สำหรับบรรดานักท่องเที่ยวชาวจีน สถานบันเทิงชื่อดังของกรุงเทพมหานครที่ชื่อ "76 การาจ" ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสถานที่กินเที่ยวขวัญใจของพวกเขาที่ต้องมาเยือนสักครั้ง
เหตุผลหลัก ๆ อาจจะไม่ใช่อาหาร แต่คือหนุ่ม ๆ หน้าตาดี ที่พร้อมสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าที่มาเยือน
ภายในร้านอาหารแห่งนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาว ไฮไลท์สำคัญคือ การบริการสุดพิเศษจากบรรดาพนักงานต้อนรับชาย หุ่นล่ำโชว์ร่างท่อนบนสวมกางเกงขาสั้น เดินลงไปในสระว่ายน้ำ บริการอาหารลูกค้าที่จองที่นั่งริมสระน้ำ และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ลูกค้าคนใดจะให้ทิปก็ไม่มีปัญหา
ครั้งหนึ่งในอดีต ถ้าลูกค้าคนใดต้องการเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ร้าน 76 การาจ จะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเป็นแรมเดือน เพราะที่นี่จัดว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าในตอนนี้ ที่นั่งต่าง ๆ กลับว่างเปล่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของการท่องเที่ยวไทยหายไป
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยกลับมีความหวังอีกครั้ง เมื่อเดือน ม.ค. ทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ พร้อมกับอนุญาตให้ชาวจีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันการกลับมาของนักท่องเที่ยวก็อาจจะช่วยให้ธุรกิจกลับมาฟื้นคืนได้ หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19
รัฐบาลไทยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยราว 5 ล้านคน แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2019 กว่าครึ่งหนึ่ง แต่ว่าเมื่อย้อนไปดูสถิตินักท่องเที่ยวชาวจีนปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นมาเพียง 270,000 คนเท่านั้น
ยิ่งเมื่อพิจารณายอดนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีอยู่ไม่ถึง 2.5 ล้านคน ยิ่งทำให้แผนการที่ไทยวาดไว้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คาดการณ์
โต๊ะรับลูกค้าที่ว่างเปล่าในร้านอาหารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบอกเราว่า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านพ้นไป" อนุชา เลี้ยงรุ่งเรืองกิจ มัคคุเทศก์ที่ให้บริการทัวร์จีนที่พระบรมมหาราชวังมาแล้ว 42 ปี เล่าให้ฟัง
"เขากำลังฝันไป ผมเป็นมัคคุเทศก์ ผมย่อมรู้ดี หากว่าเป็นช่วงปกติ เหมือนอดีต นักท่องเที่ยวจะคลาคล่ำไปหมด จริงไหม ดูสิครับ ตอนนี้มีคนเยอะซะที่ไหน ไม่มี" เขาเล่าต่อ
ปัจจัยส่วนหนึ่งของปัญหานี้ คือการขาดแคลนเที่ยวบินของสายการบินต้นทุนต่ำ หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจทีชะลอตัวในจีน
ขณะที่รัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ก็คาดหวังว่า การประกาศยกเลิกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นระยะเวลา 5 เดือน จะเป็นแรงจูงใจกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น แต่ว่าเหตุเยาวชนวัย 14 ปีเข้าไปยิงคนในห้างสรรพสินค้าชื่อดังเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นคุณแม่ชาวจีนลูกสอง ยิ่งซ้ำเติมให้ภาพลักษณ์เชิงลบด้านการท่องเที่ยวของไทยแย่ลง เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแง่ความปลอดภัยสำหรับตลาดจีน
อนุชา เลี้ยงรุ่งเรืองกิจ บอกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่กลับมาเหมือนในอดีต
ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์เรื่อง "No More Bets" เข้าฉายในประเทศจีน และทำรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์จากการเข้าฉายเพียงไม่กี่วันแรก หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสาวชาวจีนที่เป็นนางแบบและโปรแกรมเมอร์ ที่หวังว่าจะเดินทางมาทำงานในประเทศหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ระบุว่าเป็นประเทศใด แต่กลับถูกแกงค์ต้มตุ๋นหลอกหลวงทำงานเยี่ยงทาสในศูนย์รวมสแกมเมอร์
เนื้อหาของภาพยนตร์ได้สะท้อนภาพอันเลวร้ายที่ถูกสื่อมวลชนรายงานตลอด 2-3 ปีมานี้ ว่ามีผู้คนหลายพันคน ในจำนวนนั้นคือ ชาวจีน ที่ถูกคุมขังในศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา และตามตะเข็บชายแดนอันห่างไกลของไทยติดกับเมียนมาและลาว
ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ในจีนได้เผยแพร่คำบอกเล่าจากปากคำของผู้หลบหนีมาได้สำเร็จ ว่าพวกเขาถูกข่มเหงทรมานอย่างไรบ้างในศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทัศนคติของชาวจีนต่อประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนไป แอบบี้ นักศึกษาชาวจีนในไทยที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือ วล็อก (vlog) ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ สังเกตว่า ความคิดของคนต่อภาพลักษณ์ของไทยในช่องคอมเมนต์ได้เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น คลิปเกี่ยวกับ ร้าน 76 การาจ ที่เธอได้โพสต์ไป
"คอมเมนต์บนฟีดของฉันก่อนหน้านี้เคยเป็นในทิศทางบวก (ต่อประเทศไทย) หลังจากได้ชมคลิปวิดีโอของฉัน หลายคนบอกว่า อยากจะมาเที่ยวเมืองไทยอย่างมาก" เธอเล่า
แต่ตอนนี้เธอบอกว่า บางคนถึงขั้นวิตกว่า พนักงานบริการชายเปลือยท่อนบนในสระน้ำเหล่านั้นอาจจะล่อลวงลูกค้าที่ไม่เฉลียวใจให้ยอมสละไตให้พวกเขาก็ได้
ในวันที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย
"หลายคนอาจจะถามฉันว่า ฉันเป็นส่วนหนึ่งของนักต้มตุ๋นหลอกให้คนขายไตหรือไม่ คุณเป็นหนึ่งในคนที่ส่งคนจากเมืองไทยไปทำงานที่เมียนมาหรือเปล่า" เธอเล่า
อีกด้านหนึ่ง ในอดีตภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวจีนในสายตาคนไทยก็ถือว่าไม่สู้ดีนัก เพราะพวกเขาถูกมองว่า มาเที่ยวไทยเป็นกลุ่มใหญ่ เสียงดัง บางครั้งถูกมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาทและก้าวร้าว นอกจากนี้ ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเป็นธุรกิจการจัดการท่องเที่ยวของชาวจีนแบบกินรวบเบ็ดเสร็จในไทยและไม่กระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการไทยเลย ก็ยังเป็นหนึ่งในปัญหาปวดหัวของไทย อีกทั้งยังมีข้อถกเถียงในสังคมว่าไทยอาจจะพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากเกินไปเกิดขึ้นด้วย
มาถึงวันนี้ ความกังวลด้านความปลอดภัยได้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข็ดขยาดที่จะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยแล้ว จึงทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเบนความสนใจไปยังตลาดอื่น ๆ แทน อย่าง รัสเซีย และอินเดีย
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญอย่างไทย ก็ไม่สามารถมองข้ามตลาดใหญ่อย่างจีนได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนถือว่าเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากที่สุดของไทย โดยเฉลี่ยแล้วใช้จ่ายอยู่ราว 6,400 บาทต่อวัน
มัคคุเทศก์รายหนึ่งบอกว่า ครั้งหนึ่งพระบรมมหาราชวังเคยเป็นสถานที่ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน
"จริง ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาไทยในตอนนี้เป็นกลุ่มตลาดบนแล้ว" ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล นักธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ในเครือกลุ่มเกษมกิจ บอก
"เราพบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเปิดรับกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น อย่างเช่นพวกเขายอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อรับประทานอาหารและทำกิจกรรมที่ดีกว่า เช่นที่โรงแรมเคปฟานบนเกาะส่วนตัว ที่ประกอบด้วยที่พักแบบวิลลา 24 หลัง พวกเราต้อนรับลูกค้าชาวจีนที่จองห้องพักแบบเหมาทั้งเกาะเพื่อจัดงานฉลองวันเกิด หรืองานวิวาห์ หรือแม้แต่เพียงเพื่อใช้เป็นสถานที่เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานก็มี"
เธอยังบอกว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ ที่ต้อนรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น ต่างจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นกลุ่มเอะอะมะเทิ่ง มาพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่และชอบต่อราคา
กรณีของคู่รักชาย-ชายชาวจีนจากนครเซี่ยงไฮ้ อาจจะเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงความหลากหลายในรูปแบบการท่องเที่ยวในไทยได้อีกตัวอย่าง
ที่ทางเข้าด้านหน้าของอพาร์ทเมนท์ 55 ชั้นที่เพิ่งสร้างเสร็จ ณ ใจกลางกรุงเทพฯ โอเว่น นายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนรอลูกค้าใหม่ 2 ราย คือ ลินคอล์น และวันสัน ที่เพิ่งเดินทางมาจากนครเซี่ยงไฮ้และเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก
พวกเขาบอกว่า ต้องการมาสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและความบันเทิงของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ในไทย แต่พวกเขามีเป้าหมายที่จริงจังกว่านั้น คือพวกเขาต้องการหาสถานที่เพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน เพราะในจีน ความต้องการนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้
โอเวน บอกว่า ประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายแรก ๆ ที่กลุ่ม LGBTQ+ เลือกมาท่องเที่ยว รวมทั้งกลุ่มที่ต้องการมาลงหลักปักฐานในไทยก็คิดเป็นจำนวนกว่า 2 ใน 3 ของลูกค้าของเขาทั้งหมด
"เราเห็นกลุ่มเกย์ เลสเบียน และกลุ่มคนข้ามเพศจำนวนมากที่นี่... เราเลยคิดว่านี่คือประเทศที่เปิดกว้างมากและอิสระมากแห่งหนึ่ง เมื่อเรามาถึงที่นี่เรารู้สึกได้ถึงเสรีภาพ" ลินคอล์น บอก
ลินคอล์น และวันสัน บอกว่า พวกเขาสามารถมีชีวิตในกรุงเทพฯ ได้ในแบบที่ไม่สามารถจินตการได้ในจีน
"ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือ บรรยากาศของคนที่นี่ นั่นคือเสรีภาพ สำหรับพวกเรา ในจีนเป็นสิ่งที่ยากลำบาก เพราะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคมจากครอบครัว และขนบประเพณีแบบดั้งเดิม บางทีเราอาจจะสามารถมีชีวิตในแบบที่เราจินตนาการได้ เพื่อเติมเต็มความต้องการของเรา รวมทั้งของลูก ๆ ด้วย ถ้าอยู่ที่นี่เราจะสามารถบอกลูก ๆ ได้ว่า พวกเราก็เป็นคนปกติเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ" วันสันกล่าว
แกรี โบเวอร์แมน ผู้บริหารจากบริษัท เช็ค-อิน เอเชีย ซึ่งติดตามแนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้อธิบายว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนในลักษณะดังกล่าว กำลังเติบโตและเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น
"การที่ทุกคนต้องหยุดอยู่ในประเทศเพื่อความปลอดภัยในระหว่างการแพร่ระบาดของโรค (โควิด-19) ตลอด 3 ปี อาจจะทำให้คนเปลี่ยนแปลงมุมมองทางความคิด ในเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต ดังนั้น เมื่อคุณได้รับข่าวลือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกหลวงโดยแก๊งนักต้มตุ๋น หรือการถูกลักพาตัว ย่อมส่งผลต่อมุมมองที่คุณมี" เขากล่าวเสริม
"แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอาจจะพูดได้เกี่ยวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่จากจีนคือ พวกเขาพร้อมที่จะทดลองอะไรใหม่ ๆ"
เขากล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า สิ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในไทยคือ "ประสบการณ์ที่พร้อมให้เขามาผจญภัย ในระดับอันตรายที่จัดการได้"