วันเสาร์, กันยายน 02, 2566

ไม่เพียง “สลิ่ม ตัดคำว่าสถาบันกษัตริย์ออกแล้ว” การใช้พระราชอำนาจ ดังกล่าว “มันสร้างความคลางแคลงให้กับสาธารณชน”

แม้นว่าราคาที่ต้องจ่ายจิบจ้อยยิ่งนัก เทียบกับผลตอบแทนกรุณาธิคุณที่หลั่งมา ราชกิจจาลดโทษให้ “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร” จากจำคุก ๗ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน เหลือเพียงให้จำคุกต่อไปจากที่จำมาแล้ว ๑๐ วันอีก ๑ ปี นั้น

สถาบันพระมหากษัตริย์ประสบกับการเลิกห้อยเลิกโหน จากประชากรฟากที่เคยแสดงความศรัทธาและเชิดชูอย่างล้นพ้นเกินธรรมดา ตัวอย่างย่อยๆ ดังที่ Kritsada Aiken ตั้งข้อสังเกตุ จากโพสต์ของ ปู จิตกร บุษบา ว่า

สลิ่ม ตัดคำว่าสถาบันกษัตริย์ออกแล้ว” เมื่อสลิ่มคนดังกล่าวตั้งปณิธานบนสเตตัสของตนว่า “จะใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ศาสนา สังคม และลูกศิษย์สืบไป”

ทั้งที่คดี ๑๑๒ ยังคงเป็นเครื่องมือที่ศาลใช้ลงทัณฑ์อย่างหนักหนา ต่อผู้ถูกกล่าวหาว่า หมิ่น เดชานุภาพสถาบันกษัตริย์ เช่นที่ เก็ท โสภณ ถูกศาลตัดสินจำคุกเพิ่มอีก ๖ เดือน จากโทษ ๓ ปีของข้อหา ๑๑๒ เพราะมีการใช้เครื่องขยายเสียง

เรื่องนั้นทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนชี้แจงว่า กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องขยายเสียงดังกล่าว เป็นกฎหมายที่เพิ่งถูกหยิบมาใช้ควบกับ ม.๑๑๒ เป็นลหุโทษไม่มีจำคุก มีแต่ปรับไหม การที่ศาลตัดสินลงโทษเช่นนั้นย่อมผิดทำนองคลองธรรม

ดังนี้การดำเนินคดี ม.๑๑๒ จึงเป็นดั่งอุบาทวกรรมที่ต่างอย่างสิ้นเชิงกับการอภัยโทษโดยกษัตริย์ แม้แต่ทนายสิทธิมนุษยชน อานนท์ นำภา ผู้ต่อสู้คดีให้กับผู้ถูกกล่าวหาเรื่องนี้มานับไม่ถ้วนเป็นเวลาสิบๆ ปี ก็ยังหนีไม่พ้น

แกนนำคณะราษฎรคนนี้โพสต์ว่า “ทำใจอาจต้องเข้าเรือนจำ คดี 112 วันที่ 26 ก.ย.นี้ คาดโดนโทษ 2-4 ปี รับเข้าใจดีเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายในการต่อสู้ ขอใช้เวลาที่เหลือ เตรียมพาครอบครัวเที่ยวทะเล ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ”

ฉะนั้นการ #พระราชทานอภัยโทษ จึงก่อเกิดผลกระทบทางลบต่อผู้ใช้ได้ เมื่อทำให้ประชาชนมองเห็น ความไม่เป็นธรรมตามที่ กฤษณ์พชร โสมณวัตร อาจารย์นิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ให้ความเห็นไว้ในรายการของ จอมขวัญ หลาวเพชร์

เขาบอกว่าเนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ “แทบจะบอกว่าอยู่ใจกลางทางการเมืองมาพอสมควรเกือบ ๒๐ ปี...มันมีนักโทษอีกจำนวนตั้งเยอะ ที่มีเงื่อนไขคล้ายกับคุณทักษิณ อายุมาก เคยทำความดีความชอบ ตามฐานะตัวเองที่เคยทำมา

...เพราะมันเป็นอย่างนี้ ทำให้เกิดการหมิ่นเหม่ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาใช้พระราชอำนาจทางการเมือง” เขายังชี้ว่าศาลรัฐธรรมนูญเองก็ยังเคยวินิจฉัยถึงการใช้พระราชอำนาจว่า “ทรงราชย์แต่ไม่ทรงปกครอง”

ในกรณีทักษิณ “การใช้พระราชอำนาจในลักษณะดังกล่าว ถึงแม้เป็นพระราชอำนาจตามกฎหมายก็ตาม มันสร้างความคลางแคลงให้กับสาธารณชน”

(https://twitter.com/WeAre99Percentt/status/1697658874675990996 และ https://twitter.com/WeAre99Percentt/status/1697708190434288111)