วันศุกร์, กันยายน 15, 2566

คู่ขนานกัน การต่อสู้ของ ‘หยก’ กับ ‘พรรคก้าวไกล’

ถ้าไม่ได้ตามดูพวกนี้ อาจไม่รู้ว่าพวกเขาเดินหน้ากันไม่ยอมหยุดหรือยั้ง ท่ามกลางเสียงก่นว่าและด้อยค่า เช่นเดียวกับที่ หยก ดึงดันจะเรียนต่อเตรียมพัฒน์ ทั้งที่ถูกกลั่นแกล้งปฏิเสธ จะเป็นเพราะเช่นนี้ พวกที่คิดร้ายจึงได้โยงใยว่าเด็กถูกพรรคการเมืองเสี้ยม

พรรคก้าวไกลนัดประชุมใหญ่ ๒๔ กันยา เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ประกาศลาออก เพื่อให้พรรคมีหัวหน้าใหม่ที่สามารถรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาได้ เขาเขียนแจ้งไว้ทางโซเชียลว่า “จำเป็น” ต้องไปทางนี้

คู่ขนานกัน ธนลภย์ ผลัญชัย เขียนแจงเมื่อวานซืน “หนูยังคงไปโรงเรียนอยู่ทุกวัน และพรุ่งนี้หนูยังจะไปเหมือนเดิม ปกติแล้วเขาให้หนูนั่งในห้องข้างรั้วค่ะ มีครูเดินมาดูบ้างว่าหนูทำอะไร บางทีมาชวนคุยว่าหนูทำแบบฝึกหัดหรืออ่านหนังสืออะไร”

เป็นการชี้แจงจากใจ บนจุดยืนของตนเอง มิพักจะมีผู้รู้ดีกว่าคอยกระตุ้นและกระตุก “หาที่เรียนใหม่เถิด แล้วใช้เวลาว่าง คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา” ประมาณว่าคุณอายุยังน้อยนัก “ยังมีเวลาอีกยาวมาก ค่อยๆ คิด คิดให้มากๆ” (จากเพจ สศจ.)

หยกยังเขียนจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ใช้สรรพนามแทนตนว่า ข้าพเจ้า กล่าวถึงประเด็นที่โรงเรียนแทงสูญว่าเธอ “ไม่ใช่นักเรียน” ของที่นั่นว่าเธอไม่เคยได้รับแจ้งหรือติดต่ออย่างเป็นทางการเป็นหลักเป็นฐาน

เธอจึงตั้งคำถามที่เกี่ยวเนื่องกับท่าทางของโรงเรียนในเรื่องต่างๆ ๕ ข้อ ได้แก่ เอากำลังตำรวจและหน่วย คฝ.ไปรักษาการในโรงเรียนทำไม ใครกันที่เป็นผู้ตัดสินว่าการมอบตัวของเธอไม่สมบูรณ์ แล้วโอนเงินค่ามอบตัวคืน แต่ไม่เคยบอกกับเธอตรงๆ

รวมทั้งปล่อยให้มีผู้ปกครองหรือครูคอยตามต่อว่าต่อขานและไล่เธอ แทบทุกครั้งที่เธอเข้าไปในโรงเรียนเพื่อเข้าร่วมชั้นเรียน คงรวมถึงการจัดฉากเอาคนแต่งชุดนักเรียนไปยืนถือป้ายประณามหยกในโรงเรียน แต่ประเด็นนี้หยกมิได้เอ่ยถึง

ลงท้าย “หนูเห็นข่าวหนูแล้ว น่าตกใจที่ไม่เคยมีใครติดต่อถามหนูมาตรงๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะคนที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจจะไม่มีวันเข้าใจ จะพูดอะไรก็พูดไป” นี่ละพรรคก้าวไกลน่าจะต้องเอาอย่าง ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงก่นด่ากล่าวหาไร้มูลฐานมากมาย

“พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในฐานะ ฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ หนึ่ง” และ “เห็นว่าบทบาท ผู้นำฝ่ายค้านมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา” จำเป็นต้องมาจากหัวหน้าพรรคหลักซึ่งมีเสียงมากที่สุด

มีคนเสนอว่า วันที่ ๒๔ นี้ ถ้าที่ประชุมเลือกหัวหน้าคนใหม่ ที่เป็น ส.ส.ด้วยได้แล้ว ขับหมออ๋องรองประธานสภาฯ คนที่ ๑ ออกจากพรรคเสียด้วย ให้ไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน ๓๐ วัน เช่นนี้จะเป็นการดีกับพรรคก้าวไกล

คือมีทั้งผู้นำฝ่ายค้าน และ รองประธานสภาฯ กรณีหลังนี่ก็ทำหน้าที่ในท่วงทำนองเดียวกับประธานสภา ซึ่งแม้จะสังกัดพรรคประชาชาติ แต่ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่พรรคเพื่อไทย

(https://twitter.com/malaniyomc/status/1702544128578625865, https://twitter.com/Pita_MFP/status/1702533742240411749 และ https://www.facebook.com/photo?fbid=262891123326631&set=pcb.262891239993286)