วันอาทิตย์, กันยายน 10, 2566

ถ้าใครจำได้ ตอน คสช. ขึ้นมามีอำนาจก็ประกาศปราบปรามเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ผ่านมาเก้าปี เจ้าพ่อไม่หายไปไหน แค่ย้ายค่ายและแข็งแกร่งกว่าเดิม


Khemthong Tonsakulrungruang
6h 
·
ถ้าใครจำได้ ตอน คสช. ขึ้นมามีอำนาจก็ประกาศปราบปรามเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ผ่านมาเก้าปี เจ้าพ่อไม่หายไปไหน แค่ย้ายค่ายและแข็งแกร่งกว่าเดิม
การปราบปรามเป็นแบบนั้นเอง ฟังดูรุนแรง ฟังดูจริงจัง สุดท้ายแล้วก็แค่เครื่องมืออำนาจบีบเจ้าพ่อให้ย้ายค่ายมาสยบยอม ในระยะยาว การปราบปรามจับกุมไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุดในการปราบผู้มีอิทธิพล
การปฏิรูปวงการตำรวจ ปฏิรูปเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ เพิ่มความโปร่งใส กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง การปฏิรูประบบการเงิน เปลี่ยนรูปแบบการประมูลงานภาครัฐ เสริมสร้างเสรีภาพสื่อมวลชน แก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาท กฎหมายผูกขาดการค้า ในระยะยาวแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลได้ดีกว่าการปราบปราม แต่เป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนขึ้นไปด้วย ผู้มีอำนาจบางครั้งก็ไม่ได้ชอบใจ
.....

ผบ.ตร.ถกปราบผู้มีอิทธิพล เผยขึ้นบัญชี 6 พันคน มีทั้งทหาร-ตำรวจ

MGR Online - “จักรทิพย์” ถกปราบผู้มีอิทธิพล เผยขึ้นบัญชีกว่า 6 พันราย มีข้าราชการทหาร-ตำรวจ แบ่งเป็น 16 ฐานความผิด เป้าหมายหลักยาเสพติด เงินกู้นอกระบบ รับพอใจหลังดำเนินการลดลงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ยันไม่หนักใจ จนท.มีข้อมูลครบทุกด้าน

วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) และผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศชต. บช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวห้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า ในการประชุมวันนี้เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลขที่ 324/2558 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2558 ให้ตั้งคณะกรรมการเรื่องการบูรณาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน และมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นคณะกรรมการ ซึ่งเป็นนโยบายของภาครัฐเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติสุข ไม่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาข่มเหงรังแก รวมถึงจับกุมตามหมายจับเก่าทั้งหลายใน 16 ฐานความผิดที่คณะกรรมการได้ตั้งไว้ โดยเริ่มปฏิบัติการจริงในวันที่ 5 มีนาคม 2559 ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยผสานกำลังร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ปกครอง ตำรวจ ทหาร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงแต่ละหน่วยจะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ก่อนส่งให้คณะกรรมการแต่ละหน่วยตรวจสอบคัดกรองข้อมูลที่รวบรวมไว้อีกขั้นตอนหนึ่ง

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เป็นข้าราชการ โดยเฉพาะตำรวจและทหารที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ คาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตนยอมรับว่ากรณีดังกล่าวมักเกิดขึ้นจริงในอดีต แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนหมดแล้วและไม่น่าจะมีการช่วยเหลือกัน อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าหลังจากการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิครั้งนี้ผ่านไปสังคมจะดีขึ้น พี่น้องประชาชนจะถูกการข่มขู่รังแกน้อยลง ใช้ชีวิตแบบปกติสุข นอกจากนี้ในกรุงเทพมหานคร ยังมีพื้นที่สีแดงที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน โดยได้รับร้องเรียนมาในเรื่องบ่อนการพนันของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ขณะเดียวกันตนก็ยืนยันว่าบ่อนการพนันในคลิปที่มีการเผยแพร่ทางโซเซียลเน็ตเวิร์ดนั้นอาจจะเป็นบ่อนลักลอบเล่นการพนันเท่านั้น และยืนยันว่าไม่มีบ่อนการพนันที่เปิดอย่างเสรีแน่นอน

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้รับรายงานว่าขณะนี้มีผู้มีอิทธิพลประมาณ 6,000 ราย มีทั้งบุคคลทั่วไป ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และข้าราชการทหาร ตำรวจ โดยแบ่งเป็น 16 ฐานความผิด แต่ที่ประชาชนต้องการให้เจ้าหน้าที่เร่งกวาดล้างแบ่งเป็น 8 กลุ่มหลัก แต่ที่มากที่สุดคือ ยาเสพติด นอกนั้นก็แบ่งเป็นฮั้วประมูล เงินกู้นอกระบบ ทั้งนี้ ในส่วนของยาเสพติดทางตำรวจได้กวาดล้างมาโดยตลอด มีผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะลดลงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มุ่งเป้าเจาะจงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่จะจู่โจมเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศ แต่จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ในภาคกลางมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลมากที่สุด ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ไม่เกิน 15-20 วันนี้จะต้องเห็นผล ในส่วนของการตั้งเป้าหลังการกวาดล้างและปราบปรามนั้น ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ประเมิน

ผบ.ตร.กล่าวว่า ในส่วนของหมายจับนั้นตนไม่สามารถระบุได้ว่ามีกี่หมายจับ เพราะผู้บัญชาการแต่ละภาคจะไปดำเนินการเอง โดยจะมีการกระจายไปทั้งประเทศ นอกจากนี้ ทางตำรวจจะรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อเฝ้าระวัง รวมทั้งมอนิเตอร์พฤติกรรมของกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นไว้ว่ามีการติดต่อหรือคบค้าสมาคมกับใครบ้างเพื่อป้องกันเหตุ ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องและพบความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดที่ชัดเจนจริงๆ เพื่อป้องกันการฆ่าตัดตอน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าภายใน 2 เดือนนี้หลังการปฏิบัติการกวาดล้างและปราบปรามจะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลลดลง 60-70 เปอร์เซ็นต์ และไม่ได้หนักใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีข้อมูลครบทุกด้าน ส่วนกรณีที่มีการหลอกต้มตุ๋นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นก็มีมาตรการดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว

(https://mgronline.com/crime/detail/9590000023345)