‘นิด้าโพล’ ล่าสุดเป็นการตอกย้ำความ
‘ห่วยแตก’ ในการครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สองของประยุทธ์
อีกหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ได้ข้อสรุปอย่างนี้
อันแสดงว่าสิ่งที่ชาวบ้านก่นบ่นกันมากยิ่งๆ ขึ้นชี้ถึงความเดือดร้อนจริงๆ
ผลสำรวจระหว่าง ๒๙ พ.ย.ถึง ๓ ธ.ค. ถึงการให้เรทติ้งกับการบริหารงานในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ‘แย่’ และ ‘ไม่เป็นที่พอใจ’ รวมกันแล้วเกือบร้อยละ
๖๐
ถ้าเล่นลูกไม้แยกสองรายการจากกัน
เปอร์เซ็นต์แต่ละอย่างน้อยหน่อย แต่ก็ยังเป็นผลลัพท์เด่นที่สุดอยู่ดี คือกรณี ‘ผลงานโดยรวม’ เป็นอย่างไร ๓๓.๗๒% ให้แย่ และ ๒๕.๙๘% ไม่พึงพอใจกับการบริหารของประยุทธ์ในหลายๆ
เรื่อง
ได้แก่ การไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
การดูแลความอยู่ดีมีสุขของประชาชน กระบวนการตัดสินคดีความเหลวแหลก ความยุติธรรมถูกมองข้าม
มีแต่การปกป้องลิ่วล้อของตนเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับคำตอบเรื่องความจริงใจในการทำงานของประยุทธ์
ประเด็นดังกล่าวนั้น จำนวนผู้ออกความเห็นครึ่งต่อครึ่งมีทั้งบอกว่าเขาตั้งใจจริง
(๔๗.๗๓%) กับที่ว่าเขาเอาแต่การรักษาอำนาจของตนและพวกพ้องเอาไว้ให้ยาวนาน
(๔๗.๓๔%) มันยังสะท้อนไปถึงบุคคลิกภาพผู้นำของประยุทธ์ด้วย
ในเมื่อ ๖๒.๓๖% บอกว่าเขาบริหารประเทศแบบบัญชาการกองทัพ และเพียง ๒๙.๒๖% เห็นว่าเขาผสานเอาการใช้อำนาจเด็ดขาดอย่างทหารมาผสมกับหลักการประชาธิปไตย
ดังที่กำลังพลในทางการเมืองของเขาพยายามสร้างภาพ
ถึงที่สุดแล้วการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
แม้จะอ้างว่าผ่านผลพวงจากการเลือกตั้ง ก็ยังไม่ทำให้ผู้ตอบคำถามส่วนใหญ่ ๖๑.๑๙% เห็นว่าเขามีความสามารถพอที่จะแก้ปัญหาของชาติได้
อันนี้มีหลังฉากจากการใช้เวลา ๕ ปีฝึกงานด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จจากการรัฐประหารเสียอีก
เหล่านั้นมีข้อเท็จจริงจับต้องได้ยืนยัน
เช่นกรณีกระบวนยุติธรรม
เห็นกันชัดแจ้งตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าพยายามบิดเบี้ยวให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์
ผู้ได้ฉายาองครักษ์พิทักษ์ตู่ หลุดจากคดียึดครองพื้นที่ป่าสงวนให้จงได้
แรกทีเดียวเจ้า
ส.ส.พรรคพลังประชารัฐรายนี้แอบอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ป่าที่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปทำกินได้โดยจ่ายภาษีรายปี
ถึง ๑,๗๐๐ ไร่ เอาเข้าจริงหลังจากเกิดเหตุร้องเรียนจนป่าไม้เข้าไปสำรวจ
กลับพบว่าเป็นพื้นที่ สปก.เพียง ๖๘๒ ไร่
กับอีก ๔๖ ไร่กว่าๆ เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ที่ครอบครัวของ น.ส.ปารีณา และนายทวี ไกรคุปต์ บิดา
เข้าไปทำฟาร์มเลี้ยงไก่เป็นล่ำเป็นสันมานานหลายสิบปี อย่างผิดกฎหมายโจ่งแจ้ง
ซึ่งประชาชนกำลังจับตา และนักวิจารณ์บางรายฟันธงไปแล้วว่ารอดแน่
เพราะแม้แต่ที่ สปก.ซึ่ง
น.ส.ปารีณาไม่ได้มีหลักฐานการอนุญาตให้เข้าไปทำธุรกิจอย่างถูกต้อง เนื่องเพราะถ้ามีการขออนุญาตก็ไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยอยู่ดี
แต่ก็มีรัฐมนตรีช่วยว่าการยุติธรรมพวกเดียวกัน ช่วยไปแล้ว
ธรรมนัส พรหมเผ่า พูดง่ายๆ ว่าการเข้าครอบครองที่
สปก. ๖๘๒ ไร่ของปารีณาไม่ผิด กำลังคืนกลับให้ สปก. ก็จบ
ระยะเวลาที่ครอบครองทำประโยชน์แก่ตนหลายปีนั้น ทางการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ต่างกับที่กระทำกับชาวบ้าน
การเสวนาโดยกลุ่มองค์กรเพื่อสิทธิพลเมืองต่างๆ
ร่วมกับสถาบันวิจัยและมูลนิธิหลายแห่ง เมื่อวันที่ ๗ ธันวา
รับฟังความรู้สึกของชาวบ้านที่ถูกขับออกจากพื้นที่ทำกินมานาน และนับสิบๆ
คนถูกดำเนินคดีจากการประกาศทวงคืนผืนป่าของรัฐบาลประยุทธ์
สรุปได้ตรงกันว่ารัฐบาลประยุทธ์บังคับใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน
กับชาวบ้านอย่างหนึ่ง กับนายทุนและนักการเมืองฟากรัฐบาลอีกอย่าง
แม้กระทั่งการพิจารณาคดีทางการเมืองต่อพรรคฝ่ายค้าน
ก็มีหลักฐานว่าศาลจงใจเอาผิดโดยตรง
“เปิดเอกสารลับคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินธนาธร
ผู้มีอำนาจส่อมีธงฟ้องคดีอาญา” ชัยวุฒิ สุวรรณโณ เล่าแจ้งจากรายการวิเคราะห์ผ่านยูทู้ปของว้อยซ์ทีวี
“ไม่ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิทางการเมืองของธนาธรและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด”
(https://www.youtube.com/watch?v=s96Ov3zICRE&feature=youtu.be, https://prachatai.com/journal/2019/12/85459 และ https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1811234/poor-rating-for-prayut-after-6-months-in-office-poll)
นั่นเป็นอีกส่วนหนึ่งของความชั่วร้ายรายวันแห่ง
‘ระบบ คสช.’