วันจันทร์, ธันวาคม 09, 2562

โพลนิด้าย้ำ ความชั่วร้ายรายวันแห่ง ‘ระบบ คสช.’


นิด้าโพลล่าสุดเป็นการตอกย้ำความ ห่วยแตกในการครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สองของประยุทธ์ อีกหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ได้ข้อสรุปอย่างนี้ อันแสดงว่าสิ่งที่ชาวบ้านก่นบ่นกันมากยิ่งๆ ขึ้นชี้ถึงความเดือดร้อนจริงๆ

ผลสำรวจระหว่าง ๒๙ พ.ย.ถึง ๓ ธ.ค. ถึงการให้เรทติ้งกับการบริหารงานในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า แย่ และ ไม่เป็นที่พอใจรวมกันแล้วเกือบร้อยละ ๖๐

ถ้าเล่นลูกไม้แยกสองรายการจากกัน เปอร์เซ็นต์แต่ละอย่างน้อยหน่อย แต่ก็ยังเป็นผลลัพท์เด่นที่สุดอยู่ดี คือกรณี ผลงานโดยรวมเป็นอย่างไร ๓๓.๗๒% ให้แย่ และ ๒๕.๙๘% ไม่พึงพอใจกับการบริหารของประยุทธ์ในหลายๆ เรื่อง

ได้แก่ การไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การดูแลความอยู่ดีมีสุขของประชาชน กระบวนการตัดสินคดีความเหลวแหลก ความยุติธรรมถูกมองข้าม มีแต่การปกป้องลิ่วล้อของตนเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับคำตอบเรื่องความจริงใจในการทำงานของประยุทธ์

ประเด็นดังกล่าวนั้น จำนวนผู้ออกความเห็นครึ่งต่อครึ่งมีทั้งบอกว่าเขาตั้งใจจริง (๔๗.๗๓%) กับที่ว่าเขาเอาแต่การรักษาอำนาจของตนและพวกพ้องเอาไว้ให้ยาวนาน (๔๗.๓๔%) มันยังสะท้อนไปถึงบุคคลิกภาพผู้นำของประยุทธ์ด้วย

ในเมื่อ ๖๒.๓๖% บอกว่าเขาบริหารประเทศแบบบัญชาการกองทัพ และเพียง ๒๙.๒๖% เห็นว่าเขาผสานเอาการใช้อำนาจเด็ดขาดอย่างทหารมาผสมกับหลักการประชาธิปไตย ดังที่กำลังพลในทางการเมืองของเขาพยายามสร้างภาพ

ถึงที่สุดแล้วการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แม้จะอ้างว่าผ่านผลพวงจากการเลือกตั้ง ก็ยังไม่ทำให้ผู้ตอบคำถามส่วนใหญ่ ๖๑.๑๙% เห็นว่าเขามีความสามารถพอที่จะแก้ปัญหาของชาติได้ อันนี้มีหลังฉากจากการใช้เวลา ๕ ปีฝึกงานด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จจากการรัฐประหารเสียอีก


เหล่านั้นมีข้อเท็จจริงจับต้องได้ยืนยัน เช่นกรณีกระบวนยุติธรรม เห็นกันชัดแจ้งตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าพยายามบิดเบี้ยวให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ผู้ได้ฉายาองครักษ์พิทักษ์ตู่ หลุดจากคดียึดครองพื้นที่ป่าสงวนให้จงได้
 
แรกทีเดียวเจ้า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐรายนี้แอบอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ป่าที่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปทำกินได้โดยจ่ายภาษีรายปี ถึง ๑,๗๐๐ ไร่ เอาเข้าจริงหลังจากเกิดเหตุร้องเรียนจนป่าไม้เข้าไปสำรวจ กลับพบว่าเป็นพื้นที่ สปก.เพียง ๖๘๒ ไร่

กับอีก ๔๖ ไร่กว่าๆ เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ครอบครัวของ น.ส.ปารีณา และนายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้าไปทำฟาร์มเลี้ยงไก่เป็นล่ำเป็นสันมานานหลายสิบปี อย่างผิดกฎหมายโจ่งแจ้ง ซึ่งประชาชนกำลังจับตา และนักวิจารณ์บางรายฟันธงไปแล้วว่ารอดแน่

เพราะแม้แต่ที่ สปก.ซึ่ง น.ส.ปารีณาไม่ได้มีหลักฐานการอนุญาตให้เข้าไปทำธุรกิจอย่างถูกต้อง เนื่องเพราะถ้ามีการขออนุญาตก็ไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยอยู่ดี แต่ก็มีรัฐมนตรีช่วยว่าการยุติธรรมพวกเดียวกัน ช่วยไปแล้ว

ธรรมนัส พรหมเผ่า พูดง่ายๆ ว่าการเข้าครอบครองที่ สปก. ๖๘๒ ไร่ของปารีณาไม่ผิด กำลังคืนกลับให้ สปก. ก็จบ ระยะเวลาที่ครอบครองทำประโยชน์แก่ตนหลายปีนั้น ทางการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ต่างกับที่กระทำกับชาวบ้าน

การเสวนาโดยกลุ่มองค์กรเพื่อสิทธิพลเมืองต่างๆ ร่วมกับสถาบันวิจัยและมูลนิธิหลายแห่ง เมื่อวันที่ ๗ ธันวา รับฟังความรู้สึกของชาวบ้านที่ถูกขับออกจากพื้นที่ทำกินมานาน และนับสิบๆ คนถูกดำเนินคดีจากการประกาศทวงคืนผืนป่าของรัฐบาลประยุทธ์

สรุปได้ตรงกันว่ารัฐบาลประยุทธ์บังคับใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน กับชาวบ้านอย่างหนึ่ง กับนายทุนและนักการเมืองฟากรัฐบาลอีกอย่าง แม้กระทั่งการพิจารณาคดีทางการเมืองต่อพรรคฝ่ายค้าน ก็มีหลักฐานว่าศาลจงใจเอาผิดโดยตรง
 
“เปิดเอกสารลับคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินธนาธร ผู้มีอำนาจส่อมีธงฟ้องคดีอาญา” ชัยวุฒิ สุวรรณโณ เล่าแจ้งจากรายการวิเคราะห์ผ่านยูทู้ปของว้อยซ์ทีวี “ไม่ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิทางการเมืองของธนาธรและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด”


นั่นเป็นอีกส่วนหนึ่งของความชั่วร้ายรายวันแห่ง ระบบ คสช.