วันจันทร์, ธันวาคม 16, 2562

โพล 'กรรณิกา' เปิดช่อง 'ช้อน' ส.ส.อนาคตใหม่ไปอยู่รัฐบาลหลังถูกยุบพรรค


ตู่ เอาอย่างมั่ง นั่งรถไฟฟ้าไปเยาวราช ร้องเพลงให้ลูกเจ๊กกู้ชาติฟัง เพลงดัง หินเหล็กไฟ เสียด้วย “ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา” แล้วอ้าง “ได้พบปะกับประชาชนที่มากันในวันนี้ ถือว่าเรามาทำความดีเพื่อแผ่นดิน

ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบดีขึ้น มีการใช้จ่ายและพบปะกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” ช่วงท้ายนี่ไม่เข้าใจมันต่อเนื่องกันได้สักแค่ไหน คนที่ไปรอรับก็มีแต่ข้าราชการลิ่วล้อและคนท้องที่ ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวจากนอกเขต นอกประเทศเสียหน่อย
 
เศรษฐกิจหมุนเวียนนั่นเพราะแจกแถมให้ไปช้อปร้านเจ้าสัวเหรอ ไม่ใช่มั้ง ไม่รู้จักฟังคนของรัฐเองบ้าง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ผอ.สนค. กระทรวงพาณิชย์เตือนให้ระวัง เศรษฐกิจฟองสบู่อยู่หลัดๆ พิมพ์ชนก วอนขอพร เก็บมาจากรายงาน World Economic Forum

‘Regional Risk of Doing Business 2019’ นอกจากบอกถึง “๑๐ อันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจของโลก” แล้วยังบ่งถึง “ความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศไทย ๕ อันดับแรก” ได้แก่ หมายเลข ๑ “เศรษฐกิจฟองสบู่”

อันได้แก่ภาวะรวยกระจุก จนกระจาย มิหนำซ้ำธนาคารแห่งประเทศไทยแฉผลงานวิจัยของตนเอง ไม่ต้องอ้างฝรั่งที่ไหนว่า ความไม่เท่าเทียมเหลื่อมล้ำของพลเมืองไทยยังอยู่ในอัตราสูง คนรวยคนจนแตกต่างกันถึง ๑๐.๓ เท่า

ถ้าย้อนไปดูสถิติสภาเศรษฐกิจโลกจะพบว่า “ความไม่เสมอภาคของไทยสูงเป็นอันดับที่ ๒๕ จาก ๑๐๗ ประเทศทั่วโลก สูงกว่าเวียดนาม” แล้วยังความแตกต่างระหว่างภูมิภาค ที่องค์การพัฒนาเศรษฐกิจโลก OECD ชี้

“หลายภูมิภาคมีรายได้ต่อหัวที่ต่ำกว่ากรุงเทพฯมาก โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าถึง ๙ เท่า และระยะยาวจะส่งผลต่อความเข้มแข็งในการเติบโตทางเศรษฐกิจ” เฉพาะเจาะจงไปลงที่เกษตรกร “๖๐% มีรายได้สุทธิต่อเดือนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาชีพ”

เหล่านั้นจึงได้เห็นหนี้ครัวเรือนจมหู หนี้สาธารณะชักหน้าไม่ถึงหลัง ทัพเรือก็ยังดันจะซื้อเรือดำน้ำเพิ่มให้ได้ แม้นว่าจอมทัพซื้อเรือย้อร์ชไปแล้ว รัฐมนตรีพัฒนาสังคมฯ ยอมรับว่าที่จริงรัฐบาลไม่สามารถให้ความมั่นคงชีวิตคนชราได้ อ้างบ่อจี๊ไม่มีงบฯ เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็นพันบาท


เสร็จแล้วตัวใหญ่นักสืบทอดอำนาจรัฐประหารไปร้องสามเพลงรวดเรียกแขกกลางเยาวราช ขอ “คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน...ชีวิตต้องสู้ ต้องสู้ถึงจะชนะ” สู้กับใคร จะเอาชนะภาวะปากท้องแห้งกิ่ว ต้องรับรู้ความจริงว่าสังคมถดถอย เพราะพวกลุแก่อำนาจปู้ยี่ปู้ยำมา ๕-๖ ปี

เห็นเขามีคนหนุนเยอะแยะคิดจะเอาบ้าง ทั้งที่เบื้องหลัง “สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานว่าการกระทำของแกนนำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร” ผบ.นครบาล ๖ เผยแผนจัดการ “กิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายละเมิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ”

พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ บอก “มีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว เพราะไม่มีการมาแจ้งการชุมนุม” อันเป็นอีกขั้นตอนของการ เชือดพวกต่อต้านคณะสืบทอดอำนาจ คสช. เป้าหมายปลายเปิด ยุบพรรคแล้วรอ ช้อนส.ส.แพแตกไปเพิ่มเสียงรัฐบาล
 
โดยมี โพลกรรณิกา เปิดทางไว้ให้ว่า “๕๑.% ระบุหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส.ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล” (ดังเช่นท่าทีของ กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทรบุรี)

อ้าง “เพื่อความอยู่รอดของตนเอง และช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย” ทั้งที่ตัวเลขจริงของซูเปอร์โพลพบว่า ๔๐% ต้องการให้ไปอยู่กับเพื่อไทย แค่ ๑๒% เท่านั้นที่อยากให้ย้ายไปพลังประชารัฐ

นอกนั้น ดร.นพดล กรรณิกา คนทำโพลเหมารวมดื้อๆ ว่าในเมื่อ ๑๘% เห็นควรไปภูมิใจไทย ๑๖% ชาติไทยพัฒนา และ ๑๓% ประชาธิปัตย์ หมายความว่ากว่า ๕๐% ต้องการให้ไปอยู่กับรัฐบาลเฮียตู่เค้า อย่างนี้ก็เอา