‘ตู่’
เอาอย่างมั่ง นั่งรถไฟฟ้าไปเยาวราช ร้องเพลงให้ลูกเจ๊กกู้ชาติฟัง เพลงดัง ‘หินเหล็กไฟ’ เสียด้วย “ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา” แล้วอ้าง
“ได้พบปะกับประชาชนที่มากันในวันนี้ ถือว่าเรามาทำความดีเพื่อแผ่นดิน
ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบดีขึ้น
มีการใช้จ่ายและพบปะกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ช่วงท้ายนี่ไม่เข้าใจมันต่อเนื่องกันได้สักแค่ไหน
คนที่ไปรอรับก็มีแต่ข้าราชการลิ่วล้อและคนท้องที่ ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวจากนอกเขต
นอกประเทศเสียหน่อย
‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ นั่นเพราะแจกแถมให้ไปช้อปร้านเจ้าสัวเหรอ ไม่ใช่มั้ง
ไม่รู้จักฟังคนของรัฐเองบ้าง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ผอ.สนค.
กระทรวงพาณิชย์เตือนให้ระวัง ‘เศรษฐกิจฟองสบู่’ อยู่หลัดๆ พิมพ์ชนก
วอนขอพร เก็บมาจากรายงาน World Economic Forum
‘Regional
Risk of Doing Business 2019’ นอกจากบอกถึง “๑๐ อันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจของโลก”
แล้วยังบ่งถึง “ความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศไทย ๕ อันดับแรก” ได้แก่ หมายเลข ๑
“เศรษฐกิจฟองสบู่”
อันได้แก่ภาวะรวยกระจุก
จนกระจาย มิหนำซ้ำธนาคารแห่งประเทศไทยแฉผลงานวิจัยของตนเอง ไม่ต้องอ้างฝรั่งที่ไหนว่า
‘ความไม่เท่าเทียม’
เหลื่อมล้ำของพลเมืองไทยยังอยู่ในอัตราสูง คนรวยคนจนแตกต่างกันถึง
๑๐.๓ เท่า
ถ้าย้อนไปดูสถิติสภาเศรษฐกิจโลกจะพบว่า
“ความไม่เสมอภาคของไทยสูงเป็นอันดับที่ ๒๕ จาก ๑๐๗
ประเทศทั่วโลก สูงกว่าเวียดนาม” แล้วยังความแตกต่างระหว่างภูมิภาค
ที่องค์การพัฒนาเศรษฐกิจโลก OECD ชี้
“หลายภูมิภาคมีรายได้ต่อหัวที่ต่ำกว่ากรุงเทพฯมาก
โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าถึง ๙ เท่า
และระยะยาวจะส่งผลต่อความเข้มแข็งในการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
เฉพาะเจาะจงไปลงที่เกษตรกร “๖๐% มีรายได้สุทธิต่อเดือนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาชีพ”
เหล่านั้นจึงได้เห็นหนี้ครัวเรือนจมหู
หนี้สาธารณะชักหน้าไม่ถึงหลัง ทัพเรือก็ยังดันจะซื้อเรือดำน้ำเพิ่มให้ได้
แม้นว่าจอมทัพซื้อเรือย้อร์ชไปแล้ว รัฐมนตรีพัฒนาสังคมฯ ยอมรับว่าที่จริงรัฐบาลไม่สามารถให้ความมั่นคงชีวิตคนชราได้
อ้างบ่อจี๊ไม่มีงบฯ เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็นพันบาท
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_254756,
https://www.msn.com/th-th/news/national/cid=st, http://www.jamukmod.com/archives/4266A75-iQ และ https://www.thairath.co.th/news/politic/1726778)
เสร็จแล้วตัวใหญ่นักสืบทอดอำนาจรัฐประหารไปร้องสามเพลงรวดเรียกแขกกลางเยาวราช
ขอ “คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน...ชีวิตต้องสู้
ต้องสู้ถึงจะชนะ” สู้กับใคร จะเอาชนะภาวะปากท้องแห้งกิ่ว ต้องรับรู้ความจริงว่าสังคมถดถอย
เพราะพวกลุแก่อำนาจปู้ยี่ปู้ยำมา ๕-๖ ปี
เห็นเขามีคนหนุนเยอะแยะคิดจะเอาบ้าง
ทั้งที่เบื้องหลัง “สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานว่าการกระทำของแกนนำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร”
ผบ.นครบาล ๖ เผยแผนจัดการ “กิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายละเมิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ”
พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ บอก “มีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว
เพราะไม่มีการมาแจ้งการชุมนุม” อันเป็นอีกขั้นตอนของการ ‘เชือด’ พวกต่อต้านคณะสืบทอดอำนาจ คสช. เป้าหมายปลายเปิด
‘ยุบพรรค’ แล้วรอ ‘ช้อน’ ส.ส.แพแตกไปเพิ่มเสียงรัฐบาล
โดยมี
‘โพลกรรณิกา’ เปิดทางไว้ให้ว่า “๕๑.๕% ระบุหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง
ส.ส.ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล” (ดังเช่นท่าทีของ กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี
และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทรบุรี)
อ้าง “เพื่อความอยู่รอดของตนเอง และช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย”
ทั้งที่ตัวเลขจริงของซูเปอร์โพลพบว่า ๔๐%
ต้องการให้ไปอยู่กับเพื่อไทย แค่ ๑๒% เท่านั้นที่อยากให้ย้ายไปพลังประชารัฐ
นอกนั้น ดร.นพดล กรรณิกา คนทำโพลเหมารวมดื้อๆ
ว่าในเมื่อ ๑๘% เห็นควรไปภูมิใจไทย ๑๖% ชาติไทยพัฒนา และ ๑๓% ประชาธิปัตย์ หมายความว่ากว่า ๕๐% ต้องการให้ไปอยู่กับรัฐบาลเฮียตู่เค้า อย่างนี้ก็เอา