เลขาธิการรัฐสภาประกาศแล้ว
ประชุมร่วมสองสภาวันที่ ๕ มิถุนายน ก็จะมีการโหวตเลือกนายกฯ ข่มเขาโคกินหญ้าอย่างที่
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐพูดไว้ แม้ประชาธิปัตย์ไม่มา
แต่ประยุทธ์มาแน่
เขานับเสียงสนับสนุน (ไม่รวม ปชป.) ในสภาผู้แทนฯ
๑๙๑ เสียง สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ บวกกับ สว.อีก ๒๕๐ คน รวมทั้งสิ้นเป็น
๔๔๑ เสียง โหวตให้ไอทู้บเป็นนายกฯ สบายๆ
ซ้ำร้าย ส.ส.เอื้ออาทร
พวกผีปอบคอยแบ่งส่วนบุญเศษคะแนน อย่างไพบูลย์ นิติตะวัน สมุน คสช.ตัวเอก
เสนอความเห็นตะแบงมารว่า “หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชาได้รับเสียงข้างมากในรัฐสภา ๔๐๐ เสียง แต่มีเสียงในสภาผู้แทนฯ
ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็สามารถบริหารประเทศไปได้ระยะยาว
หากฝ่ายค้านเสียงข้างมากในสภาผู้แทนเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
มีผลให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ๒ พ้นออกไป
ก็เสนอให้รัฐสภาเสียงข้างมากเลือกกลับมาเป็นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ๓ อีกวาระหนึ่งได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา
๒๗๒”
แต่เศรษฐกิจที่ส่งไม้ต่อจากมือขวา ‘เฮียฉุน’ ไปมือซ้าย ‘ไอทู้บ’ ก็ยังหืดขึ้นคอไม่หาย ไม่ว่าราคาคุย ยางปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้
(๑ มิถุนา) ๕๕.๗๑ บาท อ้างว่าเป็นเพราะ “รัฐบาลได้ผลักดันให้ใช้ยางภายในประเทศมากขึ้น”
การสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
“สร้างถนนที่มียางพาราเป็นส่วนผสม ระยะทางรวม ๓๐๐,๐๐๐ กิโลเมตร”
นี่ก็เพิ่งเริ่มทำเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ไม่น่าจะเห็นผลได้ทันเวลาชุบตัว เปลี่ยนร่างจากเผด็จการยึดอำนาจไปสู่พลังดูดเลือกตั้ง
เพราะเศรษฐกิจมหภาคยังร่อแร่
การส่งออกติดลบมาหลายเดือนแล้ว จนทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมไล่ไม่ทันราคาคุย
สำนักวิเคราะห์ของแบ๊งค์ชาติเพิ่งเผยตัวเลขส่งออก ตั้งแต่เดือนมกรามาถึงเมษา ๖๒
แย่กว่าปีก่อน หดตัวไป ๓.๔%
แต่ก็ยัง “คาดว่าการส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส ๑ ปีนี้ ที่การส่งออกติดลบ ๓.๖% และหวังว่าครึ่งปีหลังจะติดลบน้อยลง”
นี่ก็อีกเช่นกัน โวหารการใช้ภาษาทำให้รู้สึกว่าอาการไม่หนักเท่าที่เป็นจริง
พรเพ็ญ สดศรีชัย ผอ.สำนักวิเคราะห์ฯ ยอมรับว่า “ครึ่งปีหลัง (๒๕๖๒) นี้เครื่องยนต์หลักไม่ใช่การส่งออก แต่ ธปท.มองว่าจะมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน”
หรือรายการแจกแถมของ คสช.ที่สั่งจ่ายงบประมาณเป็นว่าเล่น
จน ดร.กานดา นาคน้อย นักเศรษฐศาสตร์
ม.คอนเน็คติกัตเตือน “The elephant in the living
room! #บาทแข็ง”
แม้นว่า ผอ.พรเพ็ญ สดศรีชัย แห่งธนาคารแห่งประเทศไทยยอมรับว่าอย่างไรเสีย
จะหวังพึ่งการส่งออกให้มากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้
“นักวิเคราะห์หลายค่ายปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยไปมาก เช่น มองว่า GDP ไทยปีนี้จะอยู่ ๓.๐-๓.๒% การส่งออกโตแค่ ๐.๕%” เท่านั้น
การทุ่มงบประมาณอย่างมหาศาลโดยผลตอบรับน้อยนิด
เพิ่งได้เห็นราคายางกระเตื้องนี้ มีแรงดีดข้างเคียงจากการที่ลุยจ่ายมาตลอด ๕ ปี
ก็คือ ‘หนี้ท่วมหัว’ พุ่งพรวดไปเป็นเกือบ ๗ ล้านล้านบาทแล้ว
กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะของหนี้สาธารณะรอบแรกของปี
(สิ้นเดือนมีนาคม) “ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ มีจำนวน ๖,๙๐๘,๗๔๓.๖๓ ล้านบาท”
ซึ่งเท่ากับ “ร้อยละ ๔๑.๗๘ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ” หรือ จีดีพี
แบบนี้ไม่สมราคาคุยของ สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ เสียเลย รองนายกฯ พูดถึงอันดับความสามารถในการแข่งขัน จัดโดย IMD
สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งไทยได้รับการปรับขึ้นมาเป็น ๒๕ จากเดิมที่ ๓๐
ไล่หลังมาเลเซีย (อันดับ ๒๒) นิดเดียว
สมคิดบอกว่าไม่ต้องรอนานถึง ๕ หรือ ๑๐ ปี
เดี๋ยวก็แซงมาเลเซียได้ แต่ตัวเลขมันฟ้อง นี่ขนาดชุบตัวแล้ว รัฐบาลประยุทธ์ก็ยัง ‘ขี้เหร่’ ทางเศรษฐกิจไม่ยอมจืดจาง จะไปประยุทธ์ ๒
ไม่พอ เตรียมต่อประยุทธ์ ๓ ดังที่ไพบูลย์พล่าม กรรมของประชาชนไทย