วันจันทร์, มิถุนายน 17, 2562

จี้ติดศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน ๔๒ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล คสช. ๒ ถือหุ้นสื่อ


ลุ้นกันให้ดี เรื่องนี้ต้องจี้ติด ว้อยซ์ทีวีชี้ว่า ถ้าจะรักษามาตรฐาน ตลก. ศาลรัฐธรรมนูญ คสช.* กรณี ฟัน ธนาธรละก็ “ภายในวันที่ ๑๙ มิ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะต้องให้คำตอบแก่สังคมอย่างไม่ชักช้า”

*(หมายเหตุ ที่เรียกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ คสช. ก็เพราะ ตลก.ทั้ง ๙ คนเป็น ผลพวงจากการรัฐประหารทั้งนั้น หลายคนครบวาระไปนานแล้วแต่คณะรัฐประหารยืดอายุการครองตำแหน่งให้ ที่เหลือตั้งใหม่โดยรัฐบาล คสช.๑)

ประเด็นงานใหญ่ชิ้นสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ในสภาผู้แทนราษฎรวาระแรกนี้ เป็นที่ครึกโครมมาพักใหญ่ มีรายละเอียดปรากฏแล้วมากมาย โดยเฉพาะหลังจากที่ 'ประธานชวน' ส่งคำร้อง ปม ส.ส.ครองหุ้นสื่อ ไปยังศาล รธน.เมื่อ ๑๒ มิ.ย.นี้
 
ซึ่งท้ายสุดนี่มีจำนวน ๔๒ คน อันเข้าข่ายมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๙๘(๓) ของรัฐธรรมนูญ ๖๐ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งใช้อ้าง ตัดสิทธินายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต ๒ จ.สกลนคร ไปแล้ว

ขอบคุณว้อยซ์ทีวีเก็บรวบรวมรายละเอียดมาเสนอไว้อย่างบูรณาการที่นี่ https://voicetv.co.th/read/gNo-2KX3o-RaEDP5UyzE

จากนั้นก็มีการยื่นร้องเรียน กกต.โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค ที่เคยจัดพิมพ์นิตยสารแฟชั่นไฮโซ ยุติกิจการไปนานแล้วแต่ธนาธรเพิ่งจะขายโอนหุ้นให้มารดาก่อนยื่นสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเล็กน้อย

โดยที่การทำนิติกรรมโอนหุ้นสำเร็จเสร็จสิ้นตามตัวบทกฎหมายและก่อนเวลากำหนดสำหรับการเลือกตั้งแล้ว แต่ กกต.ก็ตีความตามใจคนฟ้อง ชี้ผิดทันทีอย่างว่องไว ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินตามกระบวนกฎหมาย

ศาลรัฐธรรมนูญทั้งที่ส่วนใหญ่วัยเลยเกษียณไปนาน แต่กะปรี้กะเปร่ากับคดีนี้รับลูกทันทีเปิดคดีเริ่มพิจารณาทันควัน ตัดสินภายใน ๗ วันแล้วสั่งให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันเวลาทำให้เขา อดอภิปรายร่วมสองสภาโหวตนายกฯ

ตามด้วยกระแสนอกศาล ชงให้เล่นงานทั้งธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ด้วยมาตรา ๑๓๒ พรป.เลือกตั้งอย่างสุดๆ ถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและยุบพรรค นัยยะหัวหน้าพรรคที่เรียกกันว่า ของคนรุ่นใหม่ไหวทันชั้นเชิงวิชามาร ไม่ยอมหงอง่ายๆ

ทีมงาน ๘๑ ส.ส.อนาคตใหม่ในสภาฯ เห็นชัดแจ้งว่า ส.ส.พรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งร่วมอยู่ในรัฐบาล คสช.๒ จำนวนมากเป็นผู้ถือครองหุ้นหรือเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งจัดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบการสื่อแบบเดียวกับธนาธร ไฉนไม่ถูกฟันกันบ้าง

ทาง กกต.ซึ่งใช้กลเม็ดพิศดารทำให้กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายที่ลงสัตยาบันไม่สืบทอดอำนาจ คสช. พลิกผันไปจากเสียงมากกว่า แล้วยังเพิ่มที่นั่ง ส.ส.ให้พรรคการเมืองปลาสร้อยที่ได้คะแนนต่ำเกณฑ์ มีที่นั่งไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ คสช.ได้ถึง ๑๑ เสียง

ทำ เงียบกริบ ไม่รู้ไม่ชี้กับการที่มีอีก ๔๒ ส.ส.เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดีและสั่งพักงานแบบเดียวกับธนาธร นี่เดาเอาว่าในใจ กกต.คงตอบว่าก็ศรีสุวรรณไม่ได้ฟ้องนี่ อันที่จริงน่าเห็นใจเขาเหมือนกัน ว่าขืนเต้นตาม อนค. เรื่องนี้อาจทำให้เจ้านายพังได้

เพราะไม่เพียง ส.ส.รายตัวที่ควรถูกพิจารณาคดีโดย ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ และสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ มันยังพัวพันไปถึงพรรคการเมืองต้นสังกัด จากการที่ ส.ส.๘ คนในจำนวนนั้นเป็นผู้บริหารพรรคร่วมรัฐบาล คสช.๒ ได้แก่

พลังประชารัฐ ๓ คน ประชาธิปัตย์ ๒ คน รวมพลังประชาชาติไทย ชาติพัฒนา และประชาภิวัฒน์ อีกรายละ ๑ คน ในจำนวนนี้เป็นว่าที่รัฐมนตรีหลายคน คือ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (พปชร.) มรว.จัตุมงคล โสณกุล (รปช.) เทวัญ ลิปตพัลลภ (ชพน.) และสาธิต ปิตุเตชะ (ปชป.)

คนเหล่านี้ต้องถูกอัปเปหิจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐(๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐(๖) และ ๙๘(๓) ในข่ายที่ถ้ามีการระบุในใบแจ้งถือหุ้น อันมีธุรกิจสื่อเป็นเพียงหนึ่งในรายการที่ครอบคลุมเผื่อไว้ แม้ไม่ได้ประกอบการจริง ก็ไม่พ้นผิด

ว้อยซ์ชี้ทางเป็นไปได้ว่าถ้าขาด ๔๒ ส.ส.ถือหุ้นสื่อเหล่านี้ เสียงรัฐบาล คสช.๒ (๑๙ พรรค) จะเหลือเพียง ๒๐๙ (หักลบประธานและรองประธานอีก ๓ คน) และถ้าฝ่ายสัตยาบันไม่เอา คสช. มัดกันแน่น ๒๔๔ เสียงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็จบเห่

“ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการมุ่งเล่นงานนายธนาธรและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎกติกาหยุมหยิม” เผือกร้อนจึงไปตกกับศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยได้อีท่าไหน แถไม่รับพิจารณา หรือกลับไปหามาตรฐานความเร็วเดิมแบบเรือเกลือ

อ้างว่าคราวนี้มี ส.ส.ถูกฟ้องถึง ๔๒ คน ถ้าจะให้ใช้มาตรฐานเดียวกับที่ฟันธนาธร อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลา ๒๙๔ วัน (๗ x ๔๒) ซื้อเวลาพอให้คณะประยุทธ์และพี่ๆ คิดแก้ไข จะมี รปห.๓ ก็ว่าไป จะได้ยืดเวลาตำแหน่ง ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้อีกรอบ