ลุ้นกันให้ดี เรื่องนี้ต้องจี้ติด ‘ว้อยซ์ทีวี’ ชี้ว่า ถ้าจะรักษามาตรฐาน ตลก. ศาลรัฐธรรมนูญ
คสช.* กรณี ฟัน ‘ธนาธร’ ละก็ “ภายในวันที่ ๑๙ มิ.ย.นี้
ศาลรัฐธรรมนูญก็จะต้องให้คำตอบแก่สังคมอย่างไม่ชักช้า”
*(หมายเหตุ ที่เรียกว่า ‘ศาลรัฐธรรมนูญ คสช.’ ก็เพราะ ตลก.ทั้ง ๙ คนเป็น ‘ผลพวงจากการรัฐประหาร’ ทั้งนั้น หลายคนครบวาระไปนานแล้วแต่คณะรัฐประหารยืดอายุการครองตำแหน่งให้
ที่เหลือตั้งใหม่โดยรัฐบาล คสช.๑)
ประเด็นงานใหญ่ชิ้นสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ในสภาผู้แทนราษฎรวาระแรกนี้
เป็นที่ครึกโครมมาพักใหญ่ มีรายละเอียดปรากฏแล้วมากมาย โดยเฉพาะหลังจากที่ 'ประธานชวน' ส่งคำร้อง ปม ส.ส.ครองหุ้นสื่อ ไปยังศาล รธน.เมื่อ ๑๒ มิ.ย.นี้
ซึ่งท้ายสุดนี่มีจำนวน ๔๒ คน
อันเข้าข่ายมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๙๘(๓) ของรัฐธรรมนูญ ๖๐ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งใช้อ้าง
‘ตัดสิทธิ’ นายภูเบศวร์
เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต ๒ จ.สกลนคร ไปแล้ว
ขอบคุณว้อยซ์ทีวีเก็บรวบรวมรายละเอียดมาเสนอไว้อย่างบูรณาการที่นี่
https://voicetv.co.th/read/gNo-2KX3o-RaEDP5UyzE
จากนั้นก็มีการยื่นร้องเรียน
กกต.โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค ที่เคยจัดพิมพ์นิตยสารแฟชั่นไฮโซ
ยุติกิจการไปนานแล้วแต่ธนาธรเพิ่งจะขายโอนหุ้นให้มารดาก่อนยื่นสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเล็กน้อย
โดยที่การทำนิติกรรมโอนหุ้นสำเร็จเสร็จสิ้นตามตัวบทกฎหมายและก่อนเวลากำหนดสำหรับการเลือกตั้งแล้ว
แต่ กกต.ก็ตีความตามใจคนฟ้อง ชี้ผิดทันทีอย่างว่องไว ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินตามกระบวนกฎหมาย
ศาลรัฐธรรมนูญทั้งที่ส่วนใหญ่วัยเลยเกษียณไปนาน
แต่กะปรี้กะเปร่ากับคดีนี้รับลูกทันทีเปิดคดีเริ่มพิจารณาทันควัน ตัดสินภายใน ๗
วันแล้วสั่งให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันเวลาทำให้เขา ‘อด’ อภิปรายร่วมสองสภาโหวตนายกฯ
ตามด้วยกระแสนอกศาล ชงให้เล่นงานทั้งธนาธรและพรรคอนาคตใหม่
ด้วยมาตรา ๑๓๒ พรป.เลือกตั้งอย่างสุดๆ
ถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและยุบพรรค นัยยะหัวหน้าพรรคที่เรียกกันว่า ‘ของคนรุ่นใหม่’ ไหวทันชั้นเชิงวิชามาร
ไม่ยอมหงอง่ายๆ
ทีมงาน ๘๑ ส.ส.อนาคตใหม่ในสภาฯ เห็นชัดแจ้งว่า
ส.ส.พรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งร่วมอยู่ในรัฐบาล คสช.๒ จำนวนมากเป็นผู้ถือครองหุ้นหรือเป็นเจ้าของบริษัท
ซึ่งจัดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบการสื่อแบบเดียวกับธนาธร ไฉนไม่ถูกฟันกันบ้าง
ทาง กกต.ซึ่งใช้กลเม็ดพิศดารทำให้กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายที่ลงสัตยาบันไม่สืบทอดอำนาจ
คสช. พลิกผันไปจากเสียงมากกว่า แล้วยังเพิ่มที่นั่ง
ส.ส.ให้พรรคการเมืองปลาสร้อยที่ได้คะแนนต่ำเกณฑ์ มีที่นั่งไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ
คสช.ได้ถึง ๑๑ เสียง
ทำ ‘เงียบกริบ’ ไม่รู้ไม่ชี้กับการที่มีอีก ๔๒ ส.ส.เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดีและสั่งพักงานแบบเดียวกับธนาธร
นี่เดาเอาว่าในใจ กกต.คงตอบว่าก็ศรีสุวรรณไม่ได้ฟ้องนี่ อันที่จริงน่าเห็นใจเขาเหมือนกัน
ว่าขืนเต้นตาม อนค. เรื่องนี้อาจทำให้เจ้านายพังได้
เพราะไม่เพียง
ส.ส.รายตัวที่ควรถูกพิจารณาคดีโดย ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ และสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่
มันยังพัวพันไปถึงพรรคการเมืองต้นสังกัด จากการที่ ส.ส.๘ คนในจำนวนนั้นเป็นผู้บริหารพรรคร่วมรัฐบาล
คสช.๒ ได้แก่
พลังประชารัฐ ๓ คน ประชาธิปัตย์ ๒ คน
รวมพลังประชาชาติไทย ชาติพัฒนา และประชาภิวัฒน์ อีกรายละ ๑ คน ในจำนวนนี้เป็นว่าที่รัฐมนตรีหลายคน
คือ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (พปชร.) มรว.จัตุมงคล โสณกุล (รปช.) เทวัญ ลิปตพัลลภ (ชพน.)
และสาธิต ปิตุเตชะ (ปชป.)
คนเหล่านี้ต้องถูกอัปเปหิจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๑๗๐(๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐(๖) และ ๙๘(๓) ในข่ายที่ถ้ามีการระบุในใบแจ้งถือหุ้น
อันมีธุรกิจสื่อเป็นเพียงหนึ่งในรายการที่ครอบคลุมเผื่อไว้ แม้ไม่ได้ประกอบการจริง
ก็ไม่พ้นผิด
‘ว้อยซ์’ ชี้ทางเป็นไปได้ว่าถ้าขาด
๔๒ ส.ส.ถือหุ้นสื่อเหล่านี้ เสียงรัฐบาล คสช.๒ (๑๙ พรรค) จะเหลือเพียง ๒๐๙
(หักลบประธานและรองประธานอีก ๓ คน) และถ้าฝ่ายสัตยาบันไม่เอา คสช. มัดกันแน่น ๒๔๔
เสียงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็จบเห่
“ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการมุ่งเล่นงานนายธนาธรและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่
โดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎกติกาหยุมหยิม”
เผือกร้อนจึงไปตกกับศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยได้อีท่าไหน แถไม่รับพิจารณา หรือกลับไปหามาตรฐานความเร็วเดิมแบบเรือเกลือ
อ้างว่าคราวนี้มี ส.ส.ถูกฟ้องถึง ๔๒ คน
ถ้าจะให้ใช้มาตรฐานเดียวกับที่ฟันธนาธร อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลา ๒๙๔ วัน (๗ x ๔๒) ซื้อเวลาพอให้คณะประยุทธ์และพี่ๆ คิดแก้ไข จะมี รปห.๓ ก็ว่าไป
จะได้ยืดเวลาตำแหน่ง ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้อีกรอบ