กรรมการเลือกตั้งไทยนี่ ‘เหลือขอ’ ควรต้องถูก ‘ควบคุมประพฤติ’
เสียจริง (สมัยโบราณเขาเรียก ‘ดัดสันดาน’ อะ) ผ่านมาจะสามเดือนจนตั้งรัฐบาลกันแล้ว ยังมีประกาศเพิ่มที่นั่งในสภาฯ
ให้พรรคร่วมอีกแน่ะ
วันที่ ๑๗ มิถุนา พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา
สว.สำรอง ที่ตอนนี้ยังทำหน้าที่เลขาธิการ กกต.แจ้งตอบคำร้องของพรรคไทรักธรรมที่ตำแหน่ง
ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑ ที่นั่งถูกถอดออกไปหลังการเลือกตั้งใหม่ที่เขต ๘
จังหวัดเชียงใหม่
ว่าเหตุเพราะก่อนการประกาศบัญชีรายชื่อ
ส.ส. ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๘ พฤษภา ๖๒ นั้น ปรากฏว่า กกต.ประจำเขตเลินเล่อ
ไม่ได้นำเอาผลการนับคะแนนจากการออกเสียงก่อนวันเลือกตั้ง คะแนนจากบัตรเลือกตั้งนอกเขต
และคะแนนจากการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาคำนวณด้วย
แล้วคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากนิวซีแลนด์ที่โดน
กกต.โยนทิ้งข้างสนามบินล่ะ ไม่ยักเอามาคิดถึง คะแนนที่เสียไปอาจเป็นของเพื่อไทย
ไทยรักษาชาติ เสรีรวมไทย หรืออนาคตใหม่ทั้งนั้นก็ได้
ครั้นเมื่อคำนวณใหม่แล้วพบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น
๓,๙๕๙,๓๕๘ คะแนน จึงทำให้พรรคไทรักธรรมหลุดจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๒๕ พรรค ๑๕๐ คนไป
ทั้งหมดนี่เลขาฯ กกต.อ้าง “ตามบทบัญญัติของกฎหมาย”
แต่จุดสนใจของใครๆ
ในการนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรคไทรักธรรมหลุดเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ไม่ควรได้
แต่อยู่ที่ กกต.นอกจากทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่เป็นประโยชน์กับพรรคที่สนับสนุน
คสช. แล้ว ยังออกอาการเหมือนปั่นคะแนนปูนบำเหน็จแก่พรรคที่ทำให้ คสช.ตั้งรัฐบาลได้
สองพรรคที่ได้ประโยชน์ล้วนๆ จากการประกาศคะแนนเพิ่มโดย
กกต. ก็คือประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ขออนุญาตนำโพสต์ของ ธนวัฒน์ วงค์ไชย เรื่อง ‘คะแนนโขย่ง’ “ผลการนับคะแนนที่ไม่ตรงกันแม้แต่รอบเดียวของ
กกต.” มายืนยัน
เขาลำดับความให้เห็นว่า ในการประกาศผล
ไม่เป็นทางการ ของ กกต.เมื่อ ๒๘ มีนา หลังเลือกตั้ง ๔ วัน คะแนนทั้งประเทศอยู่ที่
๓๕,๕๓๒,๖๔๗ ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ ๓,๙๔๗,๗๒๖ และภูมิใจไทย ๓,๗๓๒,๘๘๓
พอมีการประกาศผล ส.ส. เขต ๓๔๙ เขต
และปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อ ๘ พฤษภา โดยไม่มีเขต ๘ เชียงใหม่ที่เป็นปัญหา
พบว่าคะแนนทั้งประเทศลดลงเหลือ ๓๕,๔๔๑,๙๒๐ แต่คะแนนของ ปชป.กลับเพิ่มเป็น ๓,๙๕๗,๖๒๐
“มันโขย่งขึ้นมาจริงๆ ๙,๘๙๔ คะแนน ในขณะที่พรรคอื่นลดหมด (เพราะโดนตัดเขต ๘ เชียงใหม่ออกไป ทั้ง
พลังประชารัฐ เพื่อไทย อนาคตใหม่) คำถามคือมันโขย่งมาได้อย่างไรครับ” นั่นสิ
มันสวนทางกับความเป็นไปได้
เช่นเดียวกับคะแนนของพรรคภูมิใจไทย
ที่ได้เพิ่มเมื่อวันที่ ๘ พ.ค. เหมือนกันเป็น ๓,๗๓๔,๐๕๕ “ทั้งๆ ที่คะแนนต้องลดลง
เพราะคัดคะแนนของเขต ๘ เชียงใหม่ออกไป” ดังธนวัฒฯ ว่า อย่างนี้ภาษาสถิติต้องเรียก ‘anti-probability’
ที่ธนวัฒน์บอก “กกต.
ชุดนี้ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปแล้ว...ไม่หลงเหลือความเป็นกลางอีกแล้วในสายตาของประชาชน”
นั่นใช่เลย ใครจะคิดว่าเพราะ กกต.ทำตามคำสั่ง คสช. ก็ใช่อีก แต่คำถามมีว่าทำไม
ตอบได้ทันที
น่าจะเป็นการปลอบใจที่สองพรรคอุตส่าห์ฝ่าดงห่ากระสุนคำด่า
ของประชาชนที่ออกเสียงให้กับพรรคทั้งสองเพราะหาเสียงไว้ว่าจะไม่ร่วมหอลงโรงกับพรรคของ
คสช. ชาวบ้านว่าตระบัดสัตย์ แต่ส่วนหัวของพรรคแถแก้ตัวกันไป
อนุทิน ชาญวีรกูล
ของภูมิใจไทยแถกแหวกน้ำขุ่นๆ ว่าที่พูดหาเสียงนั่นไม่ร่วมวง คสช.
แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่สนับสนุนประยุทธ์ จันทร์โอชาเสียหน่อย ทางประชาธิปัตย์ก็แค่ให้อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ลาออกจาก ส.ส. แต่ไม่ลาออกจากพรรค
เป็นที่รู้กันมาว่าการตั้งรัฐบาลของประยุทธ์สองสามเดือนที่ผ่านมา
‘ยุ่งตายห่’ ขนาดไหน อารมณ์เดียวกับ
‘มานีมีแชร์’ เจอปัญหา “จะแบ่งยังไงให้อิ่ม”
‘อาหารหมา’ น่ะ แบ่งเสร็จแล้วปรากฏว่า
ปชป.ไม่อิ่มแน่ ส่วน ภท. ไม่ถึงกับอดอยากปากแห้งเท่าไร
คะแนนเลือกตั้งที่เพิ่มให้ ปชป.
น่าจะเป็นการบอกว่าถึงไม่ได้กินเค้กก็ให้กินปาท่องโก๋ ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนทาง ภท.
ก็เป็นรางวัลของความแน่นหนัก หลอกประชาชนมาได้เสมอต้นเสมอปลาย ใช่ไหมล่ะ