วันอังคาร, มิถุนายน 18, 2562

‘อาหารหมา’ น่ะ “จะแบ่งยังไงให้อิ่ม” ต้องฟัง กกต.


กรรมการเลือกตั้งไทยนี่ เหลือขอควรต้องถูก ควบคุมประพฤติเสียจริง (สมัยโบราณเขาเรียก ดัดสันดาน อะ) ผ่านมาจะสามเดือนจนตั้งรัฐบาลกันแล้ว ยังมีประกาศเพิ่มที่นั่งในสภาฯ ให้พรรคร่วมอีกแน่ะ

วันที่ ๑๗ มิถุนา พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สว.สำรอง ที่ตอนนี้ยังทำหน้าที่เลขาธิการ กกต.แจ้งตอบคำร้องของพรรคไทรักธรรมที่ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑ ที่นั่งถูกถอดออกไปหลังการเลือกตั้งใหม่ที่เขต ๘ จังหวัดเชียงใหม่

ว่าเหตุเพราะก่อนการประกาศบัญชีรายชื่อ ส.ส. ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๘ พฤษภา ๖๒ นั้น ปรากฏว่า กกต.ประจำเขตเลินเล่อ ไม่ได้นำเอาผลการนับคะแนนจากการออกเสียงก่อนวันเลือกตั้ง คะแนนจากบัตรเลือกตั้งนอกเขต และคะแนนจากการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาคำนวณด้วย

แล้วคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากนิวซีแลนด์ที่โดน กกต.โยนทิ้งข้างสนามบินล่ะ ไม่ยักเอามาคิดถึง คะแนนที่เสียไปอาจเป็นของเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ เสรีรวมไทย หรืออนาคตใหม่ทั้งนั้นก็ได้

ครั้นเมื่อคำนวณใหม่แล้วพบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น ๓,๙๕๙,๓๕๘ คะแนน จึงทำให้พรรคไทรักธรรมหลุดจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๒๕ พรรค ๑๕๐ คนไป ทั้งหมดนี่เลขาฯ กกต.อ้าง “ตามบทบัญญัติของกฎหมาย”


แต่จุดสนใจของใครๆ ในการนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรคไทรักธรรมหลุดเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ไม่ควรได้ แต่อยู่ที่ กกต.นอกจากทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่เป็นประโยชน์กับพรรคที่สนับสนุน คสช. แล้ว ยังออกอาการเหมือนปั่นคะแนนปูนบำเหน็จแก่พรรคที่ทำให้ คสช.ตั้งรัฐบาลได้

สองพรรคที่ได้ประโยชน์ล้วนๆ จากการประกาศคะแนนเพิ่มโดย กกต. ก็คือประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ขออนุญาตนำโพสต์ของ ธนวัฒน์ วงค์ไชย เรื่อง คะแนนโขย่ง“ผลการนับคะแนนที่ไม่ตรงกันแม้แต่รอบเดียวของ กกต.” มายืนยัน

เขาลำดับความให้เห็นว่า ในการประกาศผล ไม่เป็นทางการ ของ กกต.เมื่อ ๒๘ มีนา หลังเลือกตั้ง ๔ วัน คะแนนทั้งประเทศอยู่ที่ ๓๕,๕๓๒,๖๔๗ ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ ๓,๙๔๗,๗๒๖ และภูมิใจไทย ๓,๗๓๒,๘๘๓

พอมีการประกาศผล ส.ส. เขต ๓๔๙ เขต และปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อ ๘ พฤษภา โดยไม่มีเขต ๘ เชียงใหม่ที่เป็นปัญหา พบว่าคะแนนทั้งประเทศลดลงเหลือ ๓๕,๔๔๑,๙๒๐ แต่คะแนนของ ปชป.กลับเพิ่มเป็น ๓,๙๕๗,๖๒๐
 
“มันโขย่งขึ้นมาจริงๆ ๙,๘๙๔ คะแนน ในขณะที่พรรคอื่นลดหมด (เพราะโดนตัดเขต ๘ เชียงใหม่ออกไป ทั้ง พลังประชารัฐ เพื่อไทย อนาคตใหม่) คำถามคือมันโขย่งมาได้อย่างไรครับ” นั่นสิ มันสวนทางกับความเป็นไปได้

เช่นเดียวกับคะแนนของพรรคภูมิใจไทย ที่ได้เพิ่มเมื่อวันที่ ๘ พ.ค. เหมือนกันเป็น ๓,๗๓๔,๐๕๕ “ทั้งๆ ที่คะแนนต้องลดลง เพราะคัดคะแนนของเขต ๘ เชียงใหม่ออกไป” ดังธนวัฒฯ ว่า อย่างนี้ภาษาสถิติต้องเรียก  ‘anti-probability’

ที่ธนวัฒน์บอก “กกต. ชุดนี้ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปแล้ว...ไม่หลงเหลือความเป็นกลางอีกแล้วในสายตาของประชาชน” นั่นใช่เลย ใครจะคิดว่าเพราะ กกต.ทำตามคำสั่ง คสช. ก็ใช่อีก แต่คำถามมีว่าทำไม ตอบได้ทันที

น่าจะเป็นการปลอบใจที่สองพรรคอุตส่าห์ฝ่าดงห่ากระสุนคำด่า ของประชาชนที่ออกเสียงให้กับพรรคทั้งสองเพราะหาเสียงไว้ว่าจะไม่ร่วมหอลงโรงกับพรรคของ คสช. ชาวบ้านว่าตระบัดสัตย์ แต่ส่วนหัวของพรรคแถแก้ตัวกันไป

อนุทิน ชาญวีรกูล ของภูมิใจไทยแถกแหวกน้ำขุ่นๆ ว่าที่พูดหาเสียงนั่นไม่ร่วมวง คสช. แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่สนับสนุนประยุทธ์ จันทร์โอชาเสียหน่อย ทางประชาธิปัตย์ก็แค่ให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจาก ส.ส. แต่ไม่ลาออกจากพรรค
 
เป็นที่รู้กันมาว่าการตั้งรัฐบาลของประยุทธ์สองสามเดือนที่ผ่านมา ยุ่งตายห่ ขนาดไหน อารมณ์เดียวกับ มานีมีแชร์เจอปัญหา “จะแบ่งยังไงให้อิ่ม” อาหารหมา น่ะ แบ่งเสร็จแล้วปรากฏว่า ปชป.ไม่อิ่มแน่ ส่วน ภท. ไม่ถึงกับอดอยากปากแห้งเท่าไร

คะแนนเลือกตั้งที่เพิ่มให้ ปชป. น่าจะเป็นการบอกว่าถึงไม่ได้กินเค้กก็ให้กินปาท่องโก๋ ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนทาง ภท. ก็เป็นรางวัลของความแน่นหนัก หลอกประชาชนมาได้เสมอต้นเสมอปลาย ใช่ไหมล่ะ