เป็นเพราะ ผบ.ทบ. แนะอีกมั้ยเนี่ย ให้ฟังเพลง
‘กิเลสมนุษย์’ เลยทำให้การเจรจาต่อรองกลุ่ม
ส.ส. พลังประชารัฐอีสานตอนบนและภาคใต้ จบง้ายง่าย
“เราไม่ได้เรียกร้องให้ตัวเองเป็นรัฐมนตรี”
เสียหน่อย แกนนำคนหนึ่งอ้าง
เมืองไทยนี้ดี๊ดี ทั้งผู้นำทัพบกและนายกฯ
ที่มาจากทหารมีอารมณ์สุนทรีย์ชอบดนตรีทั้งคู่ คนหนึ่ง “ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด”
แต่ก็ได้เป็นนายกฯ มาตั้ง ๕ ปี แต่งเพลงเองเพื่อให้คนทั้งประเทศฟัง
อยู่มาห้าปีออกซิงเกิ้ล ๘ แผ่น
อีกคนชอบแนะนำเพลงให้ประชาชนฟัง
เข้ามาบัญชาการทหารบกได้ไม่ถึงปี แนะเพลงเด็ดเป็นครั้งที่สองแล้วนี่
ก่อนหน้านี้เสนอเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ คล้องจองกับกระแสตอนนั้นพอดี ไล่คนที่ไม่ชอบคณะรัฐประหารออกนอกประเทศ
คราวนี้เพลงเกี่ยวกับกิเลสหนา ผบ.ทบ.บอกว่าเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนกัน
ขณะมีการต่อรอง เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีจากกลุ่มต่างๆ ทั้งภายในพรรคของ คสช.เอง
และพรรคร่วมรัฐบาล กันอย่างสับสนอลเวง
เลยทำให้เพลง ‘กิเลสมนุษย์’ ของธานินทร์ อินทรเทพ นี้กลับมาดังใหม่
แต่หลายคนก็แปลกใจไฉนทหารเอกวงศ์เทวัญ เคยผ่านศึกจ่อลูกซองไล่ยิงประชาชนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านคณะรัฐประหาร
ไม่เลือกอีกเพลงของธานินทร์มาควบกัน
อย่างไรก็ดี เพลง ‘คนหนักโลก’ อาจจะย้อนกลับมาเข้าเนื้อตัวเองได้ แค่ ‘กิเลสมนุษย์’ นี่ก็มีเบื้องหลังต่างๆ ทั้งของตัวเองและบิดาผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เรื่องที่ว่าหลังจาก ‘บิ๊กจ๊อด’
เสื้อคับ นักยึดอำนาจตัวยงถึงแก่กรรม เกิดศึกแย่งชิงสมบัติหลายพันล้านจ้าละหวั่น
ของ ‘บิ๊กแดง’ เองก็ไม่เบา ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเวลานี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
รับเงินเดือนหลายทางจากงบประมาณที่ประชาชนจ่ายผ่านระบบภาษีอากร
นอกจากรายได้ในตำแหน่งผู้นำเหล่าทัพเดือนละ ๑๒๐,๐๓๐ บาทแล้ว
ยังมีเงินเดือนในฐานะสมาชิก คสช. อีก
๑๑๙,๙๒๐ บาท กับค่าตอบแทนตำแหน่งวุฒิสมาชิกที่ คสช.แต่งตั้งให้ไปโหวต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกเดือนละ ๑๑๓,๕๖๐ บาท
แถมมีเบี้ยประชุมในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติอีกครั้งละ ๖ พันบาท
เหนาะนั่นเกิน ๓ แสน ๕ พันต่อเดือนแล้ว
ยังมีรายได้จากการเป็นกรรมการบอร์ดวิสาหกิจ (ดูเหมือนบิ๊กแดงเพิ่งหลุดจากหน้าที่กำกับกองสลากฯ
ไปหมาดๆ) หรือแม้แต่กรรมการบรรษัทของเจ้าสัวที่ไม่เปิดเผยอีกบ้าง ไม่มากก็น้อย
ฉะนั้นการที่จะเที่ยวสั่งให้สาธารณะชนฟังเพลงที่มีความหมาย
‘ไม่ให้โลภโมโทสัน’ นั้น
บางคนแอบสบถว่าออกจะย้อนแย้งตนเองเกินไปหน่อยมั้ง ถึงอย่างนั้นพวกคนที่ตกเป็นเป้าเพลงแนะนำของ
ผบ.ทบ.ก็กลับลำกันได้ทันการ
ผลจากการที่พรรคพลังประชารัฐส่ง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือไปเจรจากับกลุ่มด้ามขวานและอีสานตอนบน พวก ส.ส.พลังดูดของ
พปชร.ทั้งสองกลุ่มร่วมกันออกแถลงไม่เอาตำแหน่งรัฐมนตรีกันแล้ว
“โดยภายหลังจากจัดตั้งรัฐบาล พรรค
พปชร.จะมอบหมายให้นายเอกราช (ช่างเหลา แกนนำอีสาน) และพ.อ.สุชาติ (จันทรโชติกุล
แกนนำภาคใต้) เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ต่อไป”
นายเอกราชกล่าวตอนหนึ่งว่า “การออกมาพูดก่อนหน้านั้นเพราะขาดคนเชื่อมโยงประสานงานด้านนโยบาย
แต่วันนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว” ที่จริงตนไม่ได้เรียกร้องจะเป็นรัฐมนตรี “แต่เห็นว่าควรมีตัวแทนไปเป็นฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนา”
ส่วน พ.อ.สุชาติ ยอมรับ “ตรงไปตรงมาว่า
หลังเลือกตั้งพรรคค่อนข้างนิ่งกับเรา ทั้งที่ภาคใต้ ๒๔ ปี พรรคอื่นจึงจะแจ้งเกิดได้
แต่เมื่อเรานิ่งเพราะคิดว่ารอให้ความวุ่นวายจบก่อนจึงออกมาทักท้วงและทวงถาม...อย่างไรก็ตาม
นายกฯได้พูดคุยกับตนเป็นที่เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว”
พ.อ.สุชาติอ้างด้วยว่าที่เจรจาเข้าอกเข้าใจกันดี
มิใช่เพราะตนเป็นเพื่อนซี้คนหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์
ถ้างั้นคงเป็นด้วยความ “ไม่เก่ง แต่อยู่มา ๕ ปี” ของประยุทธ์มั้ง ว่าที่นายกฯ
ครั้งที่สองไม่ได้คุย เพียงบอกว่า “ตอนนี้ก็พูดไม่ได้แล้วว่าไม่เคยเป็นนายกฯ
มาก่อน”
บิ๊กตู่ร่ายต่อตามความเคยชิน “เพราะเป็นมา ๕
ปีแล้ว และใช่ว่าจะมาจากพลเรือนหรือทหารก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้สักเมื่อไหร่ แต่วันนี้ผมถือว่าผมเองก็แก้ได้เยอะ”
ทั้งที่มีคน “มองผมว่าไม่สันทัดทางการเมือง” นั่นละ
ความสันทัดการเมืองของหัวหน้าคณะรัฐประหารที่กำลังจะครองอำนาจต่อ
ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งที่มีการโกงอย่างบูรณาการตั้งแต่รัฐธรรมนูญถึงนับคะแนน
นั่นเองทำให้โฆษกกลาโหมมั่นใจ ไม่มี ‘ฮ่องกงโมเดล’
ในไทย
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมตอบคำถามนักข่าวที่ว่า
“กลุ่มการเมืองที่พยายามปลุกม็อบให้ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน ว่าถ้าเป็นม็อบที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็เป็นสิ่งที่ดี”
ดังนั้นฝ่ายทหารจึงไม่กังวลเรื่องการเคลื่อนไหว
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2628160, https://www.matichon.co.th/politics/news_1544107 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_2628759)
ปัญหามีแค่ใครล่ะเป็นคนตัดสินว่าม็อบไหนดี
ม็อบไหนไม่ดี เหมือนที่ผ่านมาม้อบที่เรียกร้องเลือกตั้งก็โดนสั่งใช้กระสุนจริงปราบตายเป็นเบือ
แต่กับม็อบที่ต่อต้านการเลือกตั้งมีตายสองคนด้วยระเบิดของตนเอง
กลับกลายเป็นโอกาสให้ทหาร ‘ฉวย’ ยึดอำนาจ