วันอังคาร, มิถุนายน 25, 2562

ประชาชนพร้อม พรรคการเมืองก็พร้อม เดินหน้าสกัดตัดทอนอำนาจ คสช.

 
ประชาชนพร้อม พรรคการเมืองก็พร้อม สกัดและตัดทอนการสืบทอดอำนาจ ปาฏิหารย์ของคณะทหาร คสช. ในวันครบ ๘๗ ปี อภิวัฒน์สยามและปักหมุดระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย

ภาคประชาชนโดยการประสานของ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ แห่ง ไอลอว์ อันมี จอน อึ๊งภากรณ์ อดีต สว. เป็นแกนนำ พากันเดินเท้านำ ๑๓,๔๐๙ รายชื่อผู้สนับสนุนการปลดอาวุธคณะรัฐประหาร ยกเลิกคำสั่ง คสช. ๓๕ ข้อ ไปมอบแก่สภาผู้แทนราษฎร์เป็นที่เรียบร้อย

ทางด้านพรรคการเมือง (ฝ่ายคัดค้านต่อรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ๒) อันมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการประสานงานจากพรรคเพื่อไทย
 
ร่วมกันประกาศพันธกิจ ๔ ข้อ ได้แก่ ๑.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ “ผลักดันให้เกิดประชาธิปไตยตามหลักนิติธรรม” ๒.ล้มล้างมรดก คสช. อันเป็นคำสั่งตราบาปต่างๆ ที่ “ริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน”

๓.ตรวจสอบจริยธรรมการทำงานของคณะรัฐมนตรีตามหลักธรรมาภิบาล และ ๔.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน “รณรงค์ให้เกิดการเรียนรู้ประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี” อันรวมไปถึงประเด็น “ที่โพลชี้ตรงกันกว่าร้อยละ ๘๐ ว่าควรยุบสภา หลังผ่านไป ๓ เดือนแต่ยังตั้งคณะรัฐมนตรีไม่ได้” ด้วย

ทั้งยังมีถ้อยคำควรแก่การให้ความสำคัญ จากตัวแทนพรรคเพื่อไทยต่อ แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ๗ พรรคตรงกัน ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพรรคการเมืองบางพรรคเป็นรัฐบาลเท่านั้น นี่ก็คือข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ประชาชนเห็น”

ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญ นอกจาก “ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่ให้คนบางกลุ่มบางพวกเขียน” แล้วยังเข้าไปถึงสถานะทางการเมืองของหัวหน้า คสช.ด้วย ไม่เพียงแต่ว่าที่รัฐมนตรีบางคนของพรรค คสช.

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ “ยังประชุม ครม.ชุดเก่าอยู่นั้น ฝ่ายค้านก็เตรียมดำเนินการเรื่องคุณสมบัติอย่างต่อเนื่อง ต้องไปให้สุดทางจนถึงศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน” นายอนุสรณ์กล่าว

ว่าที่รัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.๑ สืบเนื่องมา ปรากฏว่ามีความผิดติดตัวซึ่งกระบวนตุลาการในยุค คสช.๑ ที่ผ่านมาบิดเบี้ยวละเลย ไม่จัดการดำเนินคดีเหมือนผู้ต้องหาอื่นๆ ก็คือนายอุตตม สาวนายน ผู้รับภาระเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรอเวลาหัวหน้า คสช.เข้าไปสวม
 
จากการเปิดข้อเท็จจริงชี้ประเด็นโดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบไปก่อนการเลือกตั้ง ว่า “อยากให้คุณอุตตม ชี้แจงเอกสารลายเซ็น การอนุมัติเงินกู้ของบริษัทกฤษฎามหานครของธนาคารกรุงไทย เพื่อความโปร่งใสก่อนที่จะเป็น รมว. คลัง”

เขาโพสต์เพิ่มเติมต่อมาด้วยว่า “อยากเป็น รมว. คลัง แต่พอมีปัญหาความโปร่งใสคดีเซ็นปล่อยกู้กรุงไทย กลับไม่กล้าชี้แจงเอง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับส่งใครไม่รู้มาชี้แจงแทน ขนาดเลขาพรรคยังต้องให้ถามหัวหน้าพรรคเอง”

โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยทวี้ตหนุนตอกย้ำประเด็นว่า “เรื่องนี้ มีขยายในสภาฯ ครับ” เนื่องจาก “ป.ป.ช. เลือกปฏิบัติไม่ฟ้องอุตตมแต่ฟ้องกรรมการคนอื่นจนศาลพิพากษาว่ามีความผิด” วัฒนา เมืองสุข อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสริม

ความลำเอียงในการพิจารณาคดีความของตุลาการ อันละเมิดหลักนิติธรรมอย่างหยามเหยียดทำนองนั้น ยังเห็นได้ชัดเจนจากคดีที่มีการฟ้องร้องกลุ่ม นปช.ชุมนุมขัดขวางการประชุมอาเซียนที่พัทยาในปี ๒๕๕๒ ซึ่งณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ออกมาปูดอีกครั้ง
 
ว่าผู้ต้องหา ๖ คน “หลังการเลือกตั้งแต่ละคนยังปรากฏตัวในที่สาธารณะ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่มีเพียงคนเดียวที่นำตัวมาฟ้องไม่ได้” นอกจากตัวเขา นายวีรกานต์ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายอดิสร เพียงเกษ แล้ว

“คดีที่พัทยามีผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนอีกคน คือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน แต่วันนี้อัยการบอกว่านำตัวบุคคลดังกล่าวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความ” อันเป็นที่ทราบกันดีในขณะนี้ว่า แรมโบ้อีสาน ผู้นี้เป็นอดีตแกนนำ นปช. นักการเมืองท้องถิ่นที่ถูกดูดไปเข้าพรรค คสช.

ซึ่งณัฐวุฒิตั้งข้อสงสัยว่า “เคยมีกระแสข่าวว่าคนบางกลุ่มใช้ประเด็นช่วยเหลือเรื่องคดีความ ชักชวน ส.ส.ให้ย้ายไปอยู่พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่” และ “คุณสุภรณ์ย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปเป็นผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ มีข้อแตกต่างกันทางคดีอย่างไรหรือไม่”


ถึงเวลาแล้วที่ผู้ยึดมั่นกับวิถีทางประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะต้องเลิกเฉยและร่วมมือกันหนุนการลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยับยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะทหาร คสช. และจัดการยกเครื่องระบบตุลาการลำเอียงบกพร่องทางนิติธรรม

หนทางต่อสู่ในสภาผู้แทนราษฎรที่แม้ว่าจะมีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย และถูกกีดกันด้วยรัฐธรรมนูญซึ่งไม่เป็นธรรม แต่การแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของเราก็ยังเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เกอดการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าไม่หงอ ไม่ย่อ ไม่ท้อ