พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาและหัวหน้าศูนย์สื่อสารข่าวสารเฉพาะกิจ (ศสส.) พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเข้าชื่อเพื่อเสนอยกเลิกประกาศ คำสั่งคสช.ของ 23 ฃองค์กรภาคประชาชนว่า รัฐธรรมนูญฉบับผลพวงการสืบทอดอำนาจที่อ้างว่าผ่านประชามติมา แต่แท้จริงขาดความชอบธรรม เพราะมีการสกัดกั้นผู้เห็นต่างไม่ให้ออกมาคัดค้าน ขณะนี้ได้ออกฤทธิ์สร้างผลลัพธ์เชิงวิปริต ไม่ว่า จะเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อจากสูตรพิสดาร และตรวจสอบคุณสมบัติส.ส.ในการถือหุ้นสื่อคนละมาตรฐาน ในส่วนที่มาส.ว.ได้มาจากระบบพวกข้าใครอย่าแตะ เปลืองงบประมาณไป 1,300 ล้านบาท และที่สำคัญยังได้นายกรัฐมนตรีที่อาจขาดคุณสมบัติ มีเสียงสนับสนุนที่มาจากการฉ้อฉลจนเป็นเสียงปริ่มนำ้แทน ผลพวงเหล่านี้เกิดจากการใช้อำนาจของคสช.ที่เอื้ออาทรให้องค์กรอิสระต่างๆได้รับการต่ออายุ มีม.44คุ้มครอง จึงกลับมาใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้แก่กันกลับคืน ดังนั้นในกลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จึงเห็นความสำคัญยิ่งที่จะต้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระแห่งชาติ
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการดำเนินงานเพื่อการดังกล่าว เป็น 2 ขา ขาแรกเป็นการเดินงานตามอำนาจหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร และ ขาที่สอง เป็นการแสวงแนวร่วมกับภาควิชาการ ภาคประชาสังคมและภาคประชาชนอื่นๆร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างกระแสสังคมกดดันให้เกิดการแก้ไข โดยในวันอาทิตย์ 23 มิถุนายนนี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรม ”ปักหมุด ปลดอาวุธ คสช.” เพื่อเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประกาศ และคำสั่งคสช.ตัดขาดการสืบทอดอำนาจ เป็นการจัดกิจกรรมของเครือข่าย ภาคประชาชน กลุ่มไอลอว์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จึงขอเชื้อเชิญพี่น้องประชาชนไปร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าวเพื่อนำสู่การขยายผลอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ระบุเงื่อนไขการแก้ไขไว้ยากเย็นแต่เชื่อว่า จะไม่อาจต้านศรัทธา และพลังมวลชนผู้รักประชาธิปไตยได้เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้อย่างสัมฤทธิ์ผลในที่สุด
มติชนออนไลน์
