วันอาทิตย์, มิถุนายน 30, 2562

ชวนฟัง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ในงานมหกรรมดนตรี ฝ่ายประชาธิปไตยในวันที่ 29 มิ.ย. 2562





ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เป็นแขกรับเชิญขึ้นร้องเพลงเป็นคนสุดท้าย แถลงเล็กน้อยในงานมหกรรมดนตรี ฝ่ายประชาธิปไตยในวันที่ 29 มิ.ย. 2562 ใจความว่า

ณัฐวุฒิพูดถึงผู้ร่วมงานที่หลายคนก็เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่สมัยชุมนุม นปช. โดยกล่าวว่า งานนี้จ่านิวเป็นคนจัด และน้องๆ อีกหลายคน จริงๆ ก็ไม่อย่างจะมา เพราะมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองแก่ แต่ไม่ได้แก่แค่ผม หน้าเวทีนี่ก็พอกัน เด็กๆ เขาจะแร๊ป จัดฟังก์ ก็ยังตามกันมา แต่คนรุ่นเรามากันแล้วก็อยู่กันยาวเพราะลูกไม่ยอมมารับ เอามาส่งตอนเย็น แล้วมารับอีกทีเย็นพรุ่งนี้พวกเราก็ไม่ไปไหน (หัวเราะ)

ก่อนมาก็ไปเยี่ยมจ่านิว ทราบว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนคอยประสานช่วยเหลือ จะส่งไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อรักษาตาโดยเฉพาะ

“จริงๆ นิวไม่ควรเลือดออกเลย ไอ้คนสั่งกับคนทำน่ะควรเอาเลือดหัวมันออกเสียบ้าง ผมไม่ได้บอกว่าจะไปตีหัวใครนะครับ แต่ผมคิดว่าเลือดชั่วมันไม่ควรอยู่ในตัวคน มันควรไหลออกมาเองได้ บ้นาเมืองใดก็ตาม ถ้าคนหนุ่มคนสาวที่เป็นอนาคตของประเทศกล้าออกมายืนบนหลักการที่ถูกต้อง กลับถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยกลไกของกฎหมายไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ แล้วจะให้คนคิดยังไงนอกจากผู้มีอำนาจสั่งการหรือยังไง น้องๆ หน่วยข่าวฟังดีๆ นะ พี่เต้นไม่ได้โจมตีรัฐบาลนี้ พี่เต้นไม่ได้ด่ารัฐบาลนี้ พี่เต้นด่ารัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไปว่าไม่ได้หรอก เขายังไม่มีรัฐมนตรี ต้องให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย แต่รัฐบาลที่แล้วอยู่มาห้าปี เด็กถูกตีหัวแต่ไม่มีปัญญาจับ อยู่ทำหอกอะไร”

ณัฐวุฒิกล่าวต่อไปว่า ได้คุยกับแม่นิว แกอายุน้อยกว่า 1 ปี เจอกันทุกทีแกก็เรียกผมว่าพี่ ไอ้นิวมันก็นักเคลื่อนไหวรุ่นน้อง เจอกันมันก็เรียกผมพี่ สรุปเป็นน้องผมทั้งสองคน ผมก็บอกแม่นิวว่าห่วงใย คุณหมอบอกว่าอาการไม่ถึงทุพพลภาพ แต่สิ่งที่ห่วงคือหลังจากนิวหายดีแล้ว ความปลอดภัยของนิวจะเป็นอย่างไรเพราะหมาบางพันธุ์มันงับแล้วมันไม่ปล่อย

“นี่เป็นหน้าที่ที่พวกเราทั้งหลายต้องช่วยกันดูแลปกป้อง ผมพูดไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศเลยนะครับ ท่านอย่าไปคิดว่าจ่านิวเป็นข้างไหน ท่านอย่าไปเข้าใจว่าจ่านิวเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองว่าต้องถูกตี ถูกทุบ ถูกทำร้ายได้ ไม่ใช่ครับ การปกป้อง การดูแลและการให้ความปลอดภัยกับคนเหล่านี้เท่ากับปกป้องสังคมไทยให้พ้นจากความอำมหิต ความรุนแรงและการใช้อำนาจมืดจัดการคนเห็นต่างทางการเมือง กระบองที่ทุบลงบนหัวนิวคือกระบองที่ทุบลงบนคำว่าเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ” ณัฐวุฒิกล่าว

ถ้าลูกชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างจ่านิวเดินอยู่กลางถนนในกรุงเทพฯ กลางวันแสกๆ แล้วถูกคนตีปางตายโดยจับคนร้ายไม่ได้ ลูกเราจะปลอดภัยได้ยังไงในประเทศนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง นี่คือเรื่องอาชญากรรมต่อประชาชน และนี่คือหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องดูแลเคียงข้าง และปกป้องซึ่งกันและกัน ผมขอให้กำลังใจกับนักสู้ทุกคน”

ณัฐวุฒิกล่าวว่า บ้านเมืองในสภาพแบบนี้ โดยทั่วไปผู้มีอำนาจบริหารต้องรับผิดชอบแต่เนื่องจากรัฐบาลนี้ยังไม่มีอำนาจบริหาร จึงยังเป็นความชั่วของรัฐบาลที่แล้วล้วนๆ ที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย และรัฐบาลนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะตั้ง ครม. เสร็จเมื่อไหร่ อ่านหนังสือพิมพ์จนเหนื่อยใจ ไม่ได้เกรงอกเกรงใจประชาชน แต่นี่เขาก็คงอ้างว่ายังไม่มี ครม. ยังไม่มีอำนาจบริหาร

อดีตแกนนำ นปช. ยังแสดงความกังวลไปยังกลุ่มคนที่สะใจหรือยินดีกับการที่จ่านิวถูกทำร้ายว่าสังคมเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดสันติสุขและสันติภาพได้ หวังว่าสังคมไทยจะตั้งสติ อย่าข้ามความเป็นมนุษย์จนยิ้มย่องไปกับความรุนแรง

“มีเรื่องจะสื่อสารไปยังใครก็ตามที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกับจ่านิว แล้วกำลังแสดงความสุขีปรีดา สะใจ หรือชื่นชมยินดีกับสิ่งที่นิวกำลังประสบ ผมคิดว่านี่เป็นเรื่งองที่สังคมไทยต้องตั้งสติร่วมกันดีๆ

“เมื่อใดก็ตามที่สังคม ประเทศที่มีคนชื่นชมกับชะตากรรมของผู้คนที่ถูกกระทำอย่างอยุติธรรมและอำมหิต สังคมนี้ไม่ใช่สังคมที่จะนำพาไปสู่สันติสุขและสันติภาพแล้ว

“สังคมแบบนี้มันอาจจะเกิดกลายเป็นสังคมที่ผู้คนหันมาเผชิญหน้าและห้ำหั่นกัน เราอย่าปล่อยให้ประเทศไทย สังคมนี้ไปถึงขั้นนั้น ต่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับจ่านิวไปเกิดขึ้นกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณผมก็ชื่นชมยินดีไม่ได้ ไปเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่เราเห็นต่างกันทุกวัน ผมก็ไปสุขีปรีดากับสิ่งที่เกิดกับพวกเขาไม่ได้

"ผมหวังใจว่าสังคมไทยจะตั้งสติ ผมหวังใจว่าสังคมไทย แม้จะโกรธแค้นชิงชัง แต่อย่าข้ามเส้นความเป็นมนุษย์จนกระหยิ่มยิ้มย่องกับโลหิตของเพื่อนมนุษย์ในสังคมที่หลั่งออกมา


ประชาไท Prachatai.com
.


...