วันพุธ, มิถุนายน 26, 2562

ศาลปกครองไม่รับฟ้องคดีสรรหา สว.มิชอบ "เข้าข่าย ทหาร-ตุลาการ ครองเมืองเหมือน ‘อียิปต์โมเดล’"


ว่าไปแล้วโดยนิตินัยจำต้องยอมรับ ที่ศาลปกครองสูงสุด ไม่รับฟ้องคดีซึ่งร้องว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจัดการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาโดยมิชอบ เพราะ คสช.เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ

อ้างว่า “ไม่ใช่ข้อพิพาทจากการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครอง” นั่นคือ คสช.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ใช้อำนาจในทางปกครอง

ทั้งนี้เพราะ คสช.มีฐานะและอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.๒๕๕๗ ที่เคยมีการอ้างโดยผู้ตรวจการแผ่นดินว่าเป็น รัฏฐาธิปัตย์ แล้วยังมีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ ให้การรับรองไว้ด้วยอีก

แต่ รัฐธรรมนูญนี้เป็นฉบับที่ คสช.จัดการร่างขึ้นให้เป็นประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจของตน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างฯ ก็ยอมรับแล้วว่าร่างตามที่ คสช.สั่งมา จึงเป็นเหตุอันควรอย่างยิ่งจักต้องมีการแก้ไขจากฝ่ายประชาธิปไตย

หรือยกเลิกไปเสียเลยเพื่อร่างใหม่ ให้สะท้อนและสนองตอบต่อประชาชนจริงจัง ด้วยการที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ดังได้มีการรณรงค์ในภาคประชาชนอยู่ขณะนี้ และมีพรรคการเมืองที่ไม่รับการสืบทอดอำนาจของ คสช. กำหนดเป็นนโยบายไว้แล้ว

นอกจากนั้นศาลฯ ยังตีตกข้อต่อสู้อื่นๆ เช่นที่ร้องให้ศาลปกครองกลางเรียกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสรรหา สว.มาพิจารณาก่อนมีคำสั่งอย่างใดนั้น ศาลฯ บอกว่า “รับฟังไม่ได้” เพราะระเบียบกฎหมาย ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง ๒๕๕๓ ข้อ ๕๔ กำหนดให้เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะสั่งอย่างนั้นหรือไม่ (ผู้ฟ้องไม่ต้องแหยม)

และกรณีที่ผู้ฟ้องร้องขอ “ให้นำเรื่องนี้เสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด” ด้วยนั้น ศาลฯ อ้าง พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี (ปี ๒๔๕๒) ก็กำหนดให้เป็นดุลยพินิจของศาลฯ เท่านั้น

“จึงไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของทั้งตุลาการ และผู้ร้องจะมีสิทธิเสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุดได้” แบบนี้ สลิ่มต้องบอกว่าศาลฯ ตบหน้าผู้ฟ้องร้องฉาดเบ้อเร่อเลยทีเดียว ว่า อย่าสะเออะทั้งๆ ที่พี่ใหญ่ คสช.อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกรรมการสรรหาเอง ยังยอมรับว่าทำกันอย่าง มั่วๆ
 
จากที่ วาสนา นาน่วม รายงานข่าว “บิ๊กป้อมยอมรับ ปล่อยผ่านคุณสมบัติ สว. ปมถือหุ้นสื่อตั้งแต่แรก ปัดผิดพลาด แต่เพราะไม่รู้ ชี้ตอนนั้นก็ยังมั่วกันอยู่ เพราะมีการรวมกันและการตั้งบริษัทก็พ่วงกันไปหมด”

พี่ใหญ่เสริมอีกว่า “สำหรับคนที่ถูกร้องขาดคุณสมบัติก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณา ถ้าพบว่าขาดคุณสมบัติจริงก็ขยับรายชื่อสำรองมาทดแทน” แล้วเห็นรายชื่อ สว.สำรองไหมล่ะ ก็ยัง มั่ว กันต่อไปอยู่ดี

ส่วนความรับผิดชอบของกรรมการสรรหา ว่าที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง คสช.๒ (คุมตำรวจอย่างเคย) ตอบง่ายๆ สไตล์ ไม่รู้ ไม่ผิด ไม่สนว่า “ไม่ถือเป็นความผิดพลาดในการคัดเลือก เพราะคณะกรรมการฯ ไม่รู้เรื่อง”


แล้วอย่างนี้ ถ้าเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็อีกแหละ แนบสนิทกับ คสช.ยิ่งกว่าศาลปกครองด้วยซ้ำไป อย่างเลขาศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน นายเชาวนะ ไตรมาส นี่ตั้งด้วยน้ำมือ คสช.แท้ๆ ตอนนักวิชาการกฎหมายเขาเสวนากันที่ท่าพระจันทร์ อุตส่าห์ไปฟัง แล้วยกมือขอพูดแย้ง
 
นายเชาวนะอ้างประสบการณ์ใกล้ชิดศาล ว่าตอนรัฐประหาร ๒๕๕๗ นั่นได้เห็นหนังสือของ คสช.ที่มีถึงศาล แจ้งยกเลิกเชิญเข้าค่าย “เฉพาะหน่วยงานศาล โดยระบุว่าเคารพองค์กรตุลาการ ซึ่งต้องดำรงความเป็นกลาง ความเป็นอิสระ เป็นองค์กรที่แยกอำนาจออกไปจากฝ่ายการเมือง”

ถ้อยทีถ้อยยกยอต่อกัน เหมือนอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินที่บอกว่าคณะรัฐประหาร ๕๗ “ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์” ก็อิงคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๕/๒๕๔๓

จน พล.อ.ประวิตร เอาไปอ้างตอนที่มีการเรียกร้องกันมากๆ ให้จัดเลือกตั้งเมื่อต้นปี ๒๕๖๑ ว่า “คสช.เป็นรัฐาธิปัตย์ ทุกคนต้องเคารพ” ตอนนั้นนักวิชาการอย่าง ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ยังต้องออกมาค้านว่า “ไม่ใช่”

แบบนี้เข้าข่าย ทหาร-ตุลาการ ครองเมืองเหมือน อียิปต์โมเดลไม่มีผิด ทหารกำจัดเครือข่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าจนเกลี้ยงแล้วลงเลือกตั้งเอง โดยมีศาลรัฐธรรมนูญคอยชงกฎหมายเพิ่มอำนาจให้แก่ อัลซีซิ ที่ใกล้จะเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยที่สาม
บางคนว่าไม่เหมือนเพราะอียิปต์โหดกว่าฆ่าทิ้งเป็นพัน แต่ของไทยแค่จำนวนร้อย จะว่าเผด็จการประชาธิปไตยแบบไทยเนียนกว่าก็ว่าไป รอไว้การปรับหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารนำออกใช้กรกฎาคมนี้ได้เห็นกัน
มีการปรับลดวิชาทหารภาคสนามจาก ๗๐% เหลือแค่ ๕๕% แล้วเพิ่มเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย สถาบันกษัตริย์ บทบาทกองทัพ วิชาผู้นำ ฯลฯ ส่วนนี้เพิ่มจาก ๓๐% เป็น ๔๕% ประมาณว่าเน้นหนักที่ การล้างสมอง นั่นแหละ