รายงานกิจกรรมยื่นหนังสือถึงผู้นำอาเซียน : ผมได้เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล 4 นายที่มารับผมถึงบ้านโดยมีข้อตกลงว่าจะไปส่งผมที่สี่แยกเพลินจิตเพื่อให้ผมได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จากนั้นผมจะไปยื่นหนังสือถึงผู้นำอาเซียนที่กระทรวงต่างประเทศ แต่เมื่อรถออกเดินทางก็มีคำสั่งโทรเข้ามาเป็นระยะให้ตำรวจชักจูงหว่านล้อมไม่ให้ผมไปที่สี่แยกเพลินจิต ผมยืนยันเจตนาเดิมทุกครั้งว่าจะต้องไปตามที่ได้นัดกับสื่อมวลชนไว้ ตำรวจพยายามเตะถ่วงเวลาจนไกล้ตลอดด้วยการขี่รถช้า ตั้งใจติดไฟแดง เลี้ยวผิดเส้นทาง ขึ้นทางด่วนผิดช่อง ขึ้นแล้วลงใหม่ เป็นเช่นนี้หลายครั้งจนไกล้ถึงเวลานัดหมายผมจึงได้แจ้งว่าผมจะลงรถและนั่งมอเตอร์ไซด์ไปให้ทันเวลา แต่เมื่อเปิดประตูลงผมก็ถูกตำรวจจับแขนไว้พร้อมกับรับปากว่าจะไปส่งตามสถานที่นัดหมาย แต่เมื่อรถผ่านสี่แยกปทุมวันมุ่งหน้าเพลินจิตก็มีคำสั่งสุดท้ายให้เลี้ยวเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อไปพบผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
ผมถูกนำตัวไปชั้นสองและระหว่างนั่งรอผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจึงได้โพสเฟสบุ้คแจ้งสื่อมวลชนและเพื่อนร่วมกิจกรรมให้ทราบ จากนั้นก็ถูกนำไปพบผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งได้อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถอนุญาตให้ผมไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่แยกเพลินจิตเนื่องจากเกรงว่่าการรายงานของสื่ออาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของการประชุมอาเซียน จากนั้นได้ซักถามประวัติความเป็นมาของผม แรงจูงใจในการทำกิจกรรม ซึ่งผมก็ได้ตอบเหมือนกับที่ผมถูกถามทุกครั้งว่าเหตุใดผมต้องออกมาทำกิจกรรม รูปแบบการทำกิจกรรมตั้งแต่อดีตเป็นนักปั่นเส้นทางสีแดงตระเวนเยี่ยมครอบครัววีรชน การเยี่ยมนักโทษการเมืองในเรืิอนจำ จนถึงการรณรงค์เลือกตั้งที่ร่วมกับเพื่อนๆรณรงค์ในนามภาคประชาชนโดยไม่มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุน รวมถึงกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อถวายพระพรล้นเกล้าร.9 ในปี 2557 เพื่อถวายพระพรถึงพระราชวังไกลกังวลที่หัวหิน ฯลฯ ท่านผบ.สันติบาลได้รับฟังเหตุผลและมุมมองของนักกิจกรรมที่อาจแตกต่างจากบุคคลทั่วไป จากนั้นท่านได้ให้ข้อคิดผมในการทำกิจกรรมทางการเมือง และได้ให้ตำรวจไปส่งผมที่กระทรวงต่างประเทศตามที่รับปาก
ผมเดินทางมาถึงกระทรวงต่างประเทศในเวลาเกือบเที่ยงวัน มีสื่อมวลชนมารอทำข่าว และมีตัวแทนจากกระทรวงต่างประเทศและสำนักนายกมารอรับหนังสือ ผมได้มีโอกาสพบเพื่อนร่วมกิจกรรมที่กระทรวงต่างประเทศจึงได้หารือกันว่าจะทำกิจกรรมก่อนและค่อยยื่นหนังสือภายหลัง หลังจากได้นัดหมายแล้วจึงได้ทำกิจกรรมด้านหน้าอาคาร โดยเพื่อนในกลุ่มได้ยืนชูป้ายประท้วงข้อความ Stop Harassing Activists (หยุดทำร้ายนักกิจกรรม) และ Cheating Election (โกงเลือกตั้ง) พร้อมกับภาพของนักกิจกรรมที่ถูกทำร้ายทั้ง 3 คน ได้แก่ผม คุณเอกชัย และจ่านิว พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุผลในการแสดงออกในวันนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การโกงเลือกตั้งและการทำร้ายนักกิจกรรมตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาพร้อมกับเรียกร้องให้รัฐจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ ผมได้โพสจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำอาเซียนให้กับสื่อมวลชนได้นำไปเผยแพร่ หลังจากนั้นได้ไปยื่นหนังสือถึงตัวแทนกระทรวงต่างประเทศโดยใช้เวลากระชับที่สุดเพื่อมิให้เป็นการรบกวนเวลาของเจ้าหน้าที่จนเกินไป จากนั้นได้ยืนให้สัมภาษณ์สื่อจากญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 10 นาที
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารรับรอง เมื่อได้มีโอกาสพบเจอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากเพื่อนร่วมกิจกรรมจึงพบว่าเพื่อนจำนวนมากถูกบล้อก ประกบตัว ติดตามชักจูง หว่านล้อม หลอกล่อ สารพัดวิธีเพื่อที่จะขัดขวางไม่ให้เดินทางมาที่แยกเพลินจิต นอกจากผมที่เจอมุขถ่วงเวลาขับรถหลงทางแล้ว บางคนยังเจอมุขรถสตาร์ทไม่ติด มุขชวนคุยถ่วงเวลา มุขตำรวจถือศีล 5 และอีกสารพัดมุขที่พวกเราผลัดกันเล่าอย่างสนุกสนาน แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่านั่นคือคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่ตำรวจจะต้องยึดถือปฏิบัติ และตำรวจทุกนายต้องทำงานกันอย่างหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้ภารกิจลุล่วง และตลอดเวลาที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็แน่ใจว่าตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ในนามตัวแทนของกลุ่มนักกิจกรรมของประชาชนผมจึงขอขอบพระคุณทุกท่านมาณ.ที่นี้
กิจกรรมรณรงค์เลืิอกตั้งเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และพวกเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถแล้ว พวกเราออกทำกิจกรรมรณรงค์กันอย่างหนักถึง 28 ครั้งตลอดเวลา 9 เดือนเต็ม สิ่งที่พวกเราทุกคนภูมิใจคือเราเคลื่อนไหวด้วยทุนส่วนตัว ด้วยความสนับสนุนจากเพื่อนเฟสบุ้ค ด้วยความเสียสละ ตั้งใจจริง เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย ขอขอบคุณทั้งเพื่อนร่วมกิจกรรม และเพื่อนที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมทุกท่าน พวกเราขอยุติบทบาทการทำกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งแต่เพียงเท่านี้
ฟอร์ด เส้นทางสีแดง
22 มิย. 62
(19.45 น.)
22 มิย. 62
(19.45 น.)
...
...
จดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน
เรียน ท่านผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน
ประชาชนชาวไทยขอต้อนรับทุกท่านในการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายน 2562 ด้วยความยินดียิ่ง ปีนี้เป็นโอกาสที่ประเทศไทยได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพ และเป็นปีที่ผู้นำของประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประธานอาเซียน
แต่ด้วยความเคารพในการปกครองของสมาชิกทุกประเทศในอาเซียน บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นประธานในอาเซียนที่ให้การรับรองทุกท่านในวันนี้มิได้มาจากการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม การเลือกตั้งของไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาได้รับการกล่าวถึงจากผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองในต่างประเทศว่าเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย มีการทุจริตในทุกระดับของการเลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงวิธี องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องเช่น คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ให้ความช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐที่คสช.ให้การสนับสนุนชนะการเลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ และแม้จะมีการทุจริตการเลือกตั้งมากเพียงใดพรรคพลังประชารัฐก็มิอาจชนะเลือกตั้ง พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งสมควรที่จะได้รับโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล แต่องค์กรอิสระก็ได้บิดเบือนผลการเลือกตั้งโดยการเจตนาจงใจคำนวณคะแนนเลือกตั้งที่ผิดพลาดเพื่อแจกสส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้กับพรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวน 11 พรรคเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐได้รับเสียงสนับสนุนที่เกินกึ่งหนึ่งไปเพียงเล็กน้อยในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร และผู้ที่โหวทเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีก็มิได้มาจากตัวแทนของประชาชนหากแต่เป็นบรรดาวุฒิสมาชิกจำนวน 250 คนที่เป็นคนของคสช.แต่งตั้งกันเองไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ น้อง ญาติ อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเหล่าทหารในกองทัพ ฯลฯ
หลังการเลือกตั้งได้มีนักกิจกรรมทางการเมืองหลายคนออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการโกงเลือกตั้งแต่กลับถูกอันธพาลทางการเมืองทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักกิจกรรมเช่นคุณเอกชัย หงส์กังวานถูกทำร้ายร่างกาย 9 ครั้ง เผารถยนต์ 2 ครั้ง คุณอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ ถูกทำร้ายร่างกายในบ้านพักยามวิกาล และถูกรุมทำร้ายจากชายฉกรรจ์ 6 คนหน้าป้อมตำรวจในยามเช้าวันที่จัดกิจกรรมประท้วงคัดค้านการเปิดประชุมสภา ทั้งสองคนเป็นแกนนำกลุ่มกิจกรรมของประชาชนที่ได้รณรงค์เลือกตั้งอย่างหนักตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา คุณสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ผู้นำนักศึกษาที่จัดกิจกรรมคัดค้านการเลือกนายกรัฐมนตรีถูกรุมทำร้ายร่างกายในย่านชุมชนหลังจากเสร็จจากการทำกิจกรรม ฯลฯ เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นโดยน้ำมือของเผด็จการที่อยู่เบื้องหลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยจับกุมคนร้ายได้แม้แต่ครั้งเดียว
เผด็จการทหารได้ทำทุกวิถีทางในการปิดปากนักกิจกรรมซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนมิให้พูดความจริงให้สังคมได้รับรู้ พวกเขาได้กรอกหูซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับประชาชนในประเทศนี้ว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างถูกต้อง และพรรคพลังประชารัฐที่คสช.ให้การสนับสนุนเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง พวกเขาโกหกอย่างน่าละอาย สร้างความเสื่อมเสียให้กับกองทัพ สร้างความอับอายสู่คนไทยทั้งชาติ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ ประเทศที่ประชาชนต่อสู้กับเผด็จการทหารมาตลอด 5 ปีหลังการรัฐประหาร และพวกเรารอคอยที่จะประกาศชัยชนะของประชาชนอีกครั้งในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ประเทศไทยยินดีต้อนรับทุกท่าน ชาวไทยทุกท่านยินดีต้อนรับท่าน แต่จงได้โปรดรำลึกไว้ว่ารัฐบาลนี้มิใช่ตัวแทนของคนไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็มิได้เป็นผู้นำที่ประชาชนชาวไทยเลือกมา
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์
ตัวแทนกลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้ง
ooo
An open Letter for leaders of Members of ASEAN Countries
To the Honorable Leaders of the Countries of ASEAN :
With great pleasure, the people of Thailand would like to welcome you to join together in the 34th ASEAN Summit, in Bangkok, July 20-23, 2019. This is the year that Thailand has the opportunity to be the host and the year that that the leader of Thailand has the honor to be President of ASEAN.
With all respect to the governments of the member countries of ASEAN, the individual who serves as President of ASEAN, who welcomes everyone today, did not come from a clean and fair election. Rather, the election in Thailand on March 24th of this year, was declared by foreign political experts to be the dirtiest election in the history of Thailand. There was cheating at every stage of the election, with relevant independent organizations having no regard for proper methods. For example, the Election Commission assisted the Palang Pracharat Party, which the junta (or National Council for Peace and Order) supported to win the election, without regard for proper methods. And however huge the cheating, the Palang Pracharat Party was still unable to win the election; they lost to the pro-democracy parties. And the political parties that won the election are supposed to have the opportunity to set up a government. But the independent organization distorted the results of the election, intentionally miscalculating the election scores in order to give so-called “party list” seats in Parliament to 11 small parties. This was done so that Palang Pracharat would receive the supporting votes it needed to ensure the continued rule of the military dictatorship. And the representatives who voted for General Prayut Chan-o-cha to be Prime Minister weren’t representatives of the people. On the contrary, all 250 Senators who voted for him were appointed by the NCPO (the junta) in a casual way––so what if they were friends, relatives, former subordinates in the military, and so forth?
After the election, there were many activists who came out campaigning against election cheating. But they were physically assaulted by political thugs again and again–-activists like Mr. Ekachai Hongkangwan, who was physically assaulted nine times (and his car was burned two times), Mr Anurak Jeantawanich, who was assaulted one time in his home at night, and another time ambushed and assaulted by six men in front of a police booth (small police station) on a morning that he had planned to protest the opening of Parliament. Both were leaders of a group of activists that had been strenuously calling for elections throughout the past 9 months. Mr. Sirawith Seritiwat, a student leader demonstrating against the election of General Prayut Chan-o-cha as the Prime Minister, was ambushed and assaulted by several men after finishing the protest, etc. These incidents happened at the hands of a dictatorship; they are behind it. And police officers haven’t caught a culprit even once.
The military dictatorship used every method to silence the activists, who are the representatives of the people, not allowing them to speak and make society aware. They have gone on filling the ears of the people of this country with “the election was carried out correctly.” And the Palang Pracharat Party, which the junta supported to win, tells lies shamelessly, creating a bad reputation for the army and embarrassment for Thais through the country. This is the truth of what has happened in this country, a country where the people have struggled continuously against military dictatorship for the whole five years since the coup. And we continue to wait for the announcement of the victory of the people at each election we come to.
Thailand welcomes you, each one. Every Thai welcomes you! But please remember that this government does not represent the Thai people and that General Prayut Chan-o-cha is not a leader that the citizens have chosen.
With greatest respect,
Anurak Jeantawanich
(Representative of Citizens Want Elections Group )