วันพุธ, มิถุนายน 12, 2562

ตู่ตบตานานาชาติ เตรียมเลิก ม.๔๔


อย่าได้ดีใจกันไปกับคำพูดของประยุทธ์ที่ว่า “คำสั่ง ม.๔๔ ตนก็ไม่ได้อยากจะมีเอาไว้” คสช.กำลังเร่งรัดดำเนินการยกเลิกให้เร็วที่สุด “ทุกอย่างจะแล้วเสร็จก่อนมีรัฐบาลใหม่”

และไม่ต้องดีใจเช่นกัน โดยเฉพาะในหมู่แฟนคลับ ทักษิณ เพราะดูเหมือนว่ารูปร่างหน้าตารัฐบาลใหม่ของประยุทธ์ถอดพิมพ์ ครม.เมื่อครั้ง ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ยังกับทำกิ๊ฟมาจากอู่เดียวกัน (มีคนทำภาพกร๊าฟฟิคเทียบเคียงเอาไว้ พิสูจน์ได้)

ประเด็นคณะรัฐมนตรี คสช.๒ ที่ทำท่าว่าพรรค ปชป. และ ภท.จะยอมกินน้ำใต้ศอก สามมิตรนัยว่าเสร็จสรรพพอเห็นเค้าหน้ากันแล้วนี้ เป็นรัฐมนตรีที่เคยอยู่กับทักษิณเสียเยอะ แต่ล้วนประเภทเกรดบี เกรดซี โดยเฉพาะ สมคิด จาฯ
ถึงประยุทธ์จะเอามาใช้งานทั้งยวง ก็หวังยากว่าจะขยับปรับคุณภาพเป็นเกรดเอได้ เพราะอยู่ในกรอบครอบของ คสช. ซึ่งเห็นกันมาแล้ว ๕ ปี มีแต่ “เรื่องกินเรื่องอยู่ใครไม่สู้พ่อ (ง) เรื่องพายเรื่องถ่อพ่อ (ง) ไม่สู้ใคร”

มีเกล็ดเรื่อง ความเลวร้ายของทักษิณในมโนคติของพวกเกลียดตระกูลชิน ที่ ยิ่งชีพ (เป๋า) @yingcheep’ ประมวลไว้ “เท่าที่จำได้ เช่น 1) ดูด ส.ส. จากพรรคอื่นมาเข้าพรรคตัวเอง 2) ยึดสภาผู้แทน ไม่ฟังเสียงฝ่ายค้าน

3) ส่งคนของตัวเอง ไปยึด ส.ว. 4) ส่งคนของตัวเอง ไปยึดองค์กรอิสระ 5) คุมสื่อ ใช้ช่องรัฐมานั่งพูดคนเดียว” ล้วนถูก คสช.ลอกเอามาใช้ทั้งนั้น ที่มีคนสัพยอกว่าตอนสัมภาษณ์คนเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.๒ แค่ถามว่าเคยอยู่กับทักษิณหรือเปล่า ถ้าเคยเอาเลย ท่าจะจริง

ส่วนเรื่องยกเลิกมาตรา ๔๔ ต้องฟังดีๆ ฟังหลายๆ หน แล้วจะพบว่ามีกลลวงแฝงอยู่ ประยุทธ์พูดว่า “อันไหนที่ไม่จำเป็น” ก็จะยกเลิก ทำให้มีคำถามที่ คสช. รวมทั้งวิษณุ เครืองาม อิดเอื้อนไม่ตอบเต็มปาก ว่าจะมีอะไรเหลือตกค้างอีกบ้าง


แม้กระทั่งกรณีคำสั่ง คสช. ๑/๒๕๖๒ ล่องหน ไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา แล้วปรากฏว่ามีกรรมการ คัดกันเองแม้ไม่ได้เสนอชื่อตัวเองตามข้อครหา วิษณุแก้ต่างว่าเมื่อมีการเสนอชื่อใครที่เป็นกรรมการสรรหา ที่ประชุมจะให้ผู้นั้นออกไปจากห้องเวลาประชุม
 
ผลจึงได้รายชื่อสำรอง #สวลากตั้ง ๕๐ คน นอกจากทหาร ๑๗ คนแล้วก็มีคนกันเองของ คสช.หน้าคุ้นๆ อยู่ไม่น้อย อย่าง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ คนที่ไม่แคร์ว่าหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ตีพิมพ์บทบรรณิการแนะรัฐบาลสหรัฐอย่าเพิ่งกลับไปให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ไทย


บทความในนาม กองบรรณาธิการของเดอะวอชิงตันโพสต์ อ้างถึงกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศ Foreign Assistance Actที่ห้ามสหรัฐให้ความร่วมมือกับประเทศที่มีรัฐบาลจากการทำรัฐประหารยึดอำนาจ จนกว่าประเทศนั้นจะได้กลับคืนสู่ระบอบประชิปไตยผ่านการเลือกตั้ง

รัฐบาลรัฐประหารของ คสช.จึงได้จัดการเลือกตั้งเพื่อตบตานานาชาติว่าบัดนี้รัฐบาล คส๙.๒ มาด้วยวิถีเลือกตั้ง แต่ว่านานาชาติกลับรู้เช่นเห็นชาติว่าการเลือกตั้งของ คสช.เต็มไปด้วยการโกง และการเอาเปรียบด้วยระเบียบกฎหมายที่คณะรัฐประหารสร้างขึ้น

บทบรรณาธิการวอชิงตันโพสต์ระบุไว้อย่างละเอียดถึงการที่กลโกงต่างๆ คสช.ใช้กลับเข้ามาเป็นผู้ตั้งรัฐบาลอีกครั้งด้วยกลวิธี ประชาธิปไตยจอมปลอมอันหยาบช้าเขาแจงลึกถึงข้อเท็จจริงหลายอย่างที่คนไทยสายสลิ่มไม่รับรู้ ทำเป็นฉลาดแกมโกงด้วยการแกล้งโง่

วอชิงตันโพสต์เอ่ยถึงการใช้เสียง สว.ลากตั้ง ๒๕๐ คน บวกกับการคำนวณที่นั่งในสภาเพื่อตัดจำนวน ส.ส.ของฝ่ายตรงข้าม และการแจกที่นั่งแก่พรรคจ้อย ๑๑ คน จนทำให้ฝ่าย คสช.ได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล

ดังนั้นถ้าหากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังจะให้การรับรองรัฐบาลใหม่ คสช.๒ ของไทยว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วละก็ จะเป็นการลบล้างศักดิ์ศรีแห่งกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศอย่างน่าเกลียดยิ่ง มิใยรัฐบาลทรั้มพ์ ไม่รั้งรอที่จะสนับสนุนรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างอียิปต์และซาอุดิอาราเบีย

“ถ้ารัฐบาลสหรัฐต้องการจะฟื้นฟูความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาล (ใหม่) ของไทย ควรที่จะกระทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป รอดูว่าจะมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สากลในด้านสิทธิมนุษยชนแล้วหรือไม่ หลักใหญ่อยู่ที่การมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”

 
การที่จู่ๆ ศาลทหารให้ประกันตัว สิรภพ กรณ์อรุษ นักเขียนและกวีเจ้าของนามปากกา รุ่งศิลาซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลาใกล้ครบ ๕ ปี ในข้อหาคดี ๑๑๒ ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาศาลทหาร แช่เย็นคดีนี้เพื่อเก็บตัวผู้ต้องหาไว้ในคุก เป็นอีกหนึ่งในกลเม็ดของ คสช.เพื่อตบตาชาติอารยะ

ในเมื่อคดีสิรภพนี้ศาลทหารกระทำการละเมิดหลักเกณฑ์สากลในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างโจ่งแจ้งในช่วง ๕ ปีของรัฐบาล คสช.๑ นอกจากพิจารณาลับ แล้วยังสืบพยานโจทก์อย่างชักช้า พยานโจทก์ ๑๐ ปาก สืบไปแค่ ๓

“การปล่อยตัวชั่วคราวเกิดขึ้นหลังจากที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและสหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) ได้แจ้งข้อมูลของสิรภพต่อคณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (Working Group on Arbitrary Detention) ซึ่งเป็นกลไกพิเศษภายใต้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council)


คดีของสิรภพยังจะต้องถูกลากถูลู่ถูกังต่อไปอีกยาว เช่นเดียวกับคดีพลเรือนที่ถูก คสช.ยัดใส่ศาลทหารอีกหลายราย แม้อย่างน้อยๆ ผู้ต้องหาได้ออกมาต่อสู้คดีโดยตนไม่ต้องถูกคุมขัง คสช.เพียงสร้างภาพเพื่อบดบังความผิดในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเผด็จการของตนเท่านั้น

การตบตาชาวโลกของเผด็จการ คสช. จะยิ่ง เนียนนอก เหี้ย มในยิ่งขึ้นไปอีกหากรับบาล คสช.๒ สามารถอยู่ยงได้ตลอด ๔ ปีหรือ ๕ ปีจากนี้ไป