วันเสาร์, เมษายน 21, 2561

สนช. ทำเจ๋งไม่ใช่ตรายาง ล้มกระดาน กสทช. แต่ไหงกระมิดกระเมี้ยนอย่างไรพิกล ไหนจะประชุมลับ ไหนจะคลิปหลุด

โฆษกห่านอูแถลงแจง นายกฯ ไม่ได้สั่งให้ สนช. คว่ำแคนดิเดต กสทช. ชุดใหม่ทั้งแผง หลังจากที่ซุบซิบกันลั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ไม่ปลื้ม” กับคนที่เข้ารับการสรรหา

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อ้างถึง “กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงและมีผู้กล่าวถึงนายกรัฐมนตรี” ว่า “เสียงใครก็ไม่รู้” นั้นได้สอบถามไปยังบรรดาสมาชิก สนช. แล้ว ส่ายหน้ากันเป็นแถว “หนูไม่รู้ อย่าหูเบา” กันทั้งนั้น

วานนี้ (๒๐ เมษา) มีการประชุมลับของสภานิติบัญญัติเพื่อลงมติเลือกกรรมการกิจการกระจายเสียง-โทรทัศน์และโทรคมนาคม หรือ กสทช. ที่ลือกันมาก่อนว่าอาจจะมีการหักด้ามพล้าตัดสินเลือกไว้เลย ๗ คน จากจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก ๘๖ คนเหลือ ๑๔ คน

แม้จะมีเสียงด่าขรมว่าในสิบสี่คนนั้นเป็นผู้ที่คุณสมบัติขัดต่อระเบียบจริยธรรม คุณธรรมและความโปร่งใส เสียเกือบ ๑๐ คน เพราะคนเหล่านั้นถือหุ้นกิจการสื่อกันอยู่
 
ข่าวเม้าท์ทางไลน์บอกว่าเถียงกันในหมู่กรรมการคัดเลือกจะเอาไงดี โละทิ้งทั้งหมดแล้วเริ่มกระบวนสรรหาใหม่ หรือหยวนๆ ไป เลือกเอาที่ขี้เหร่น้อยที่สุดให้ครบเจ็ดคนไปเลยแล้วกัน ก็เกิดมีคลิป “เสียงใครก็ไม่รู้”จากการประชุมหลุดออกมานั่นละ

การนี้หลังจากที่ได้ประชุมลับกันครึ่งวันแล้ว สนช.ก็เปิดอภิปรายเป็นทางการ โดยสมชาย แสวงการเสนอให้ลงมติไม่รับทั้งชุด ๑๔ คน แต่ครูหยุย วัลลภ ตังคณานุรักษ์ เสียดาย แย้งว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ มันขัดมาตรา ๑๗ ของ พรบ. กสทช. เพราะกำหนดให้ต้องเลือกจากรายชื่อที่ผ่านสรรหามาเท่านั้น

ท้ายที่สุดจึงมีการโหวตคว่ำทั้งกลุ่ม ซึ่งก็ต้องเริ่มสรรหากันใหม่ เนื่องจากตำแหน่งกรรมการ กสทช. นี้สำมะคัญมากๆ “เงินเดือนสูงกว่านายกรัฐมนตรีประเทศไทย ซะอีก” จึงต้องพิถีพิถันกันหน่อย

droidsans.com เขาทำรายละเอียดไว้ (ที่มา : ThaipbsBBC) ตัวประธานกินเดือนละ ๓๓๕,๕๒๐ บาท กรรมการธรรมดาฟาด ๒๖๙,๐๐๐ บาท (เขาชี้ด้วยว่าเงินเดือนลุงตูบแค่ ๑๒๕,๕๙๐ บาท น่าสงสาร ซ้ำไม่มีกินเล็กกินน้อยด้วยนะ)

ขณะที่พวก กสทช. ได้งบฯ ไปพักผ่อนสมองในต่างประเทศโดยนั่งเครื่องบินชั้นหนึ่งจะได้ไม่อึดอัด กับงบฯ รับรองแขก ผู้เสียภาษีจำต้องจ่ายให้คนละ ๒ แสนบาทต่อเดือน ถ้าน้อยไปก็รับภาระ จ่ายก่อน ส่วนเกิน แล้วค่อยไปเบิกคืนทีหลังได้ ซ้ำยังมีเบี้ยประชุมติดปลายนวมอีก ๑ หมื่นบาทต่อครั้งให้กับแต่ละทั่น สุขสันต์หรรษากันเลย


จึงมีเสียงว่า หูย สนช. ทำเจ๋ง “ล้มกระดานทั้ง กกต. และ กสทช. เหมือนพยายามสร้างภาพตัวเองว่าไม่ใช่ตรายาง” (@unclevid1 Apr 19) เขาตบท้ายว่าจริงๆ เป็นทาสรับใช้เผด็จการทหารตั้งแต่วันแรกที่รับการแต่งตั้งแล้ว 

คงใช่ เพราะอาการกระมิดกระเมี้ยนอย่างไรพิกล ไหนจะประชุมลับ ไหนจะคลิปหลุด

ช่วงท้ายปลายสมัยก่อนที่บางคนจะได้ผันตัวไปเป็น สว. บ้างก็ไปลงสมัคร ส.ส. พรรคนายกฯ คนนอก นี่พวกนักออกแบบกฎหมายลิ่วล้อ คสช. เล่นแร่แปรธาติกันสนุก ลุยออกกฎหมายกันมันมือ หลายฉบับประกาศใช้แล้วชาวบ้านถึงได้รู้เรื่อง

อย่างกฎหมายว่าด้วยระเบียบวินัยการเงินการคลัง ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจาฯ เมื่อสองวันก่อน มีการห้ามรัฐบาลทำ ประชานิยม ด้วยละ ดังที่เนื้อถ้อยบอกว่า “คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว”

อะพิโถ ไอ้การใช้งบประมาณสร้างความนิยมทางการเมืองนี่ อย่างที่อนุมัติ ๗ ล้านทำสติ๊กเกอร์ไลน์ ใช่หรือเปล่า

แล้วก็ที่ไทยโพสต์เอามาอวดเรื่องมาตรา ๒๐ เรื่องการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ด้านลงทุนต้องไม่น้อยกว่าปริมาณที่ขาดดุลเอย ด้านบุคคลากรต้องตั้งอย่าง พอเพียง เอย งบฯ ใช้หนี้ก็ต้อง พอเพียง เหมือนกัน


ดูเหมือนนักเขียนกฎหมายรายนี้จะเล่นภาษาสำบัดสำนวนจนนึกไม่ถึงว่า พอเพียง กับ เพียงพอ น่ะบางทีมันห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น

แล้วยังกฎหมายเกี่ยวกับการชำระเงิน ที่ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. อุตส่าห์ออกมาเล่าแจ้งว่าประกาศใช้ไปแล้วนะ “ซึ่งรายละเอียดมีการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องของการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยมีการกำหนดมาตรฐานอย่างเข้มงวด”
 
ผู้ช่วยฯ สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา แจงรายละเอียดว่ากฎหมายกำหนด “ว่าบุคคลใดที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ และกำหนดขอบเขตของการนำข้อมูลไปใช้ หากผู้ประกอบการรายใดทำข้อมูลลูกค้ารั่วจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน ๒ ล้านบาท”

แต่อย่าหวังนะว่ากรณีอื้อฉาวที่บริษัททรูมู้ฟ เอช เอาข้อมูลลูกค้าไปปะไว้บนคลาวด์ของแอมาซอน เอส ๓ นั้นจะเข้าข่ายได้พอดี ทั่นผู้ช่วยฯ ปฏิเสธทันใดว่า “กรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ธปท.”

แต่ ธปท. ก็ยังดี๊ดี ติดตามไปดู “ระบบการป้องกันการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัททรูมันนี่ (TrueMoney) หลังจากที่เกิดปัญหา” ได้ความว่า “จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีข้อกังวลใจแต่อย่างใด”


ฟังทั่นรองฯ แถลงแล้วยิ่งงง ไม่รู้ว่ากฎหมายนี้เลือกจำเพาะผู้ใช้หรือผู้ถูกบังคับใช้กันล่ะ ถ้าไม่เกี่ยวกับ ธปท. งั้นใครล่ะใช้ได้ กสทช.เหรอ แล้วถ้าไม่ใช่ทรู แต่เป็นเอไอเอสล่ะ จะโดนไหม