วันจันทร์, เมษายน 16, 2561

จอมพล ป. ทำอะไรไปบ้าง? นอกเหนือจากเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย เปลี่ยนเพลงชาติ ก่อตั้งประเพณีไทยทั้งหมด ตั้งแต่การทักทาย การแต่งกาย ค่านิยม การใช้ชีวิต





ช่วงนี้เห็นมีข่าวคนพยายามจะล้มล้างผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของคณะราษฎร แล้วก็มีฝ่ายนิยมคณะราษฎรมาเถียงกันบ้าง

ฝ่ายที่บอกว่านิยมคณะราษฎร จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก ต้องบอกว่าเป็นฝ่ายนิยมปรีดีมากกว่า

อันที่จริง คนในคณะราษฎรที่สร้างมรดกตกทอดมายังปัจจุบันมากที่สุดคือจอมพล ป. ครับ

จอมพล ป. เป็นนายกอยู่เกือบ 15 ปี สิ่งสำคัญที่สุดที่ ป. สร้าง ขึ้นคือ "ประเทศไทย" ครับ

จริงๆถ้าทุกคนไม่เกลียด ป. แกต้องได้เป็น Father of the Nation

ป. ทำอะไรไปบ้าง?
.
.
1. เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย เปลี่ยนเพลงชาติ สั่งให้เคารพธงชาติทุกเช้า เป็นจุดเริ่มของความคิดชาติไทยในหัวทุกคน
.
.
2. สั่งให้ทุกเผ่าพันธุ์ในประเทศ กลายเป็นคนไทยให้หมด

มันมีเรื่องเล่าคลาสสิคว่า แม่บ้านที่มาเรียนภาษาไทยของโครงการช่วยเหลือแรงงานคนหนึ่งบ่นให้อาจารย์สอนภาษาฟังว่า

"อาม่าเนี่ยชอบด่าหนูว่า พวกพม่า เผ่ากรุง ไว้ใจไม่ได้ หนูเถียงอาม่าไม่ได้ แต่อยากจะบ่นให้อาจารย์ฟังว่า อาม่า เนี่ย สมัยกรุงถูกเผาบ้านแกยังอยู่ซัวเถาอยู่เลย แล้วสำคัญคือหนูไม่ใช่พม่า หนูเป็นไทยใหญ่"

สมัยก่อนในประเทศเราแบ่งเป็น ไทย ลาว จีน ญวน มอญ ไทใหญ่ ภูไท ฯลฯ ทุกเผ่ามีภาษา มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง

ถ้าใครเคยไป สิงคโปร มาเลเซีย จะเข้าใจครับ ว่าแต่ล่ะเผ่าจะอยู่แยกกันอยู่ มีชุมชนของตัวเอง พูดภาษาของตัวเองเป็นภาษาหลัก และใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน การแต่งงานข้ามเผ่า เป็นเรื่องลำบาก

แต่ ป. สั่งเลยว่าทุกคนต้องเป็นคนไทยให้หมด ให้เป็น ไทยลาว ไทยจีน ไทยญวน และให้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก และบังคับให้เรียนในโรงเรียนรัฐที่สอนภาษาไทย

ช่วงแรกเกิดการต่อต้าน ยกตัวอย่างกบฏที่อีสาน แต่ตัวหัวหน้าโดนประหารเรียบ ผลคือจากนั้นมาคนลาวต้องเรียกตัวเองว่าไทยอีสาน ห้ามเป็นคนลาว ผ่านมาหกสิบกว่าปีคนแถวนั้นก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยเป็นลาว

มีการบังคับให้ใช้ชื่อไทยด้วย พวกคนลาว มอญ ฯลฯ ที่ไม่มีนามสกุลไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แต่จีนตอนแรกก็มีคนต่อต้าน หลังๆก็ยอมกันหมด แล้วก็เปลี่ยนแซ่เป็นนามสกุลไทย ใช้ชื่อไทยกัน

คนไทยจะงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมบางประเภทมีหลายเผ่าพันธ์อยู่ด้วยกัน ทำไมอยู่ในประเทศอังกฤษ ถึงไม่เป็นคนอังกฤษหมดล่ะ ทำไมแบ่งเป็นสก็อต เป็นอังกฤษด้วย คาตาลันก็สเปนมั้ย อะไรแบบนี้
.
.
3. ก่อตั้งประเพณีไทยทั้งหมด ตั้งแต่การทักทาย การแต่งกาย ค่านิยม การใช้ชีวิต

- สมัยก่อน ป. เวลาเจอกัน ไทบ้านเขาไม่ยกมือไหว้พูดว่า "สวัสดี" นะครับ แต่ละพื้นถิ่นจะมีวิธีทักทายต่างกันไป

เท่าที่ผมอ่านงานมานุษยวิทยา คิดว่าเมื่อก่อนน่าจะเอามือแตะหูตัวเองเหมือนพยายามฟังเสียง (ยังมีทำต่อๆกันมาเป็นทำเนียมในตอนเริ่มของวงหมอลำ ซึ่งคนเข้าใจว่าเป็นการเช็คเสียง) แล้วถามว่า "กินข้าวหรือยัง?"

- จัดการแต่งกายให้ใหม่หมด สมัยก่อนไทยเราแต่งกายคือเปลือยอก (ทั้งชายและหญิง) นุ่งผ้าโจงกระเบน หรือถ้าเป็นทางเหนืออีสานขึ้นมา ผู้หญิงจะนุ่งซิ่นครับ (ไปดูแบบได้จาก พม่า และลาว)

จอมพล ป. สั่งใหม่เปลี่ยนไปใส่ กางเกง กับกระโปรงแบบยุโรป

ผู้ชายถูกบังคับให้ใส่เสื้อออกจากบ้านทุกคน ผู้หญิงก็เปลี่ยนไปใส้เสื้อ ตามแบบที่กำลังฮิตกันในยุโรป

บังคับใส่รองเท้าด้วย เมื่อก่อนไม่มีใครใส่กันหรอก

ทรงผมก็ถูกบังคับให้ตัดรองทรงแบบทหารยุโรป กับทรงบ๊อบผมสั้น หรือรวบผมยาว แบบที่กำลังฮิตในยุโรปด้วย

ทรงติ่งหูนักเรียนหญิงนี่สมัยก่อนฮิตในยุโรปเลยนะครับทันสมัยมาก ส่วนทรงนักเรียนชายนั้นเป็นแฟชั่นมาจากญี่ปุ่น

คือสมัย 60 ปี ที่แล้ว ป. เลือกเอาทรงที่ฮิตที่สุดในสมัยนั้นมาให้แล้ว แค่ว่าผ่านไป 60 ปีมันไม่ฮิตแล้วเท่านั้นเอง

- วัฒนธรรมการกินอาหาร

เมื่อก่อนคนไทยใช้มือกินข้าว ป. เป็นคนสั่งให้ใช้ช้อนส้อมเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดต้องมีช้อน

จริงๆอันนี้เป็นการบังคับให้เลิกเป็นจีน และ ญวนด้วย ลูกคนจีนต้องเลิกใช้ตะเกียบนอกบ้าน

- ป. จัดการกับค่านิยมครอบครัวใหม่

โดยบังคับให้เชิดชูครอบครัวแบบ ผัวเดียว-เมียเดียว ผู้ชายเป็นใหญ่ เป็นผู้ทำงานเลี้ยงครอบครัว เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องในครอบครัว

ครอบครัวต้องสามัคคีกัน เคารพผู้ใหญ่ ลูกหลานเลี้ยงดูพ่อแม่ มีประเพณีรดน้ำดำหัววันสงกรานต์ ฯลฯ

- ยกเลิกวัฒนธรรมเก่าที่ "ไร้อารยธรรม" หรือ ผิดกฎหมาย

ห้ามเคี้ยวหมาก กำจัดวัฒนธรรมเมียฉุด ห้ามเฆี่ยนลงโทษคนในปกครองเองโดยไม่ใข้เจ้าหน้าที่รัฐ ฯลฯ

แต่ ป. ก็ห้ามไปถึงอะไรที่บางทีก็ไม่ได้แย่ด้วย เช่นพวกการนั่งพื้น การนั่งพื้นเล่นดนตรี ฯลฯ

เราจะเห็นการปะทะกันของวัฒนธรรมจอมพล ป. กับ วัฒนธรรมเก่า ในหนังเรื่องโหมโรง แต่ ต้องยอมรับว่า ของเก่ามันมีส่วนที่ไม่ดีและจอมพล ป. ล้างไปเยอะอยู่เหมือนกัน

- วันหยุด ตลาดนัด ฟุตบอล งานวัด

เมื่อก่อน ชาวบ้านไม่ได้สนใจตาราง จ อ พ พฤ ศ อะไรไง ก็ไปทำนาทุกวัน

ป. จัดระบบปฏฺิทินใหม่ ใช้ตามยุโรป เปลี่ยนวันปีใหม่เป็นวันที่ 1 ม.ค. จากวนสงกรานต์

ในบ้านนอกวันหยุดมันเกิดขึ้นครั้งแรก กับข้าราชการ และโรงเรียน

นอกจากนั้น จอมพล ป. ยังกำหนดด้วยว่า วันหยุดให้ไปวัดนะ ไปเดินตลาดนะ ให้ไปเล่นกีฬาฟุตบอลนะ

วัดเลยต้องปรับเปลี่ยนตามเจ้านายข้าราชการทั้งหลาย เกิดตลาดนัด เกิดสนามฟุตบอลในโรงเรียน และหน้าสถานที่ราชการ

ฟุตบอลเลยเป็นกีฬาเดียวที่เด็กๆรู้จัก แล้วก็ฮิตมาในหมู่คนไทย

ส่วนงานวัด งานกาชาด ก็เกิดจากคำสั่งให้จัดงานวันรัฐธรรมนูญ ตามแบบคาร์นิวัลฝรั่ง มีซุ้มขายของ กาชาด ประกวดนางงามอะไรก็ว่าไป ทุกวันนี้ บางอำเภอยังมีอยู่ก็เปลี่ยนไปจัดช่วงปีใหม่แทน ของบางจังหวัดก็เปลี่ยนเป็นงานประจำจังหวัด แบบไม่กำหนดวัน
.
.
4. จอมพล ป. ก่อร่างประวัติศาสตร์ของชาติไทยใหม่

นโยบายชาตินิยมนั้น ไทยจำเป็นจะต้องมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นความคิดร่วมเพื่อความภูมิใจ และเป็นหนึ่งเดียวกันของไทย

ทุกเมืองต้องมีอนุเสาวรีที่สร้างความรักชาติ พร้อมตำนานเรื่องราว

หลวงวิจิตรวาทการ คือบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย เพราะประวัติศาสตร์ที่ป็อบกันอยู่ในทุกวันนี้แกเป็นคนแต่งทั้งนั้น

ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเช่น
- ชาวบ้านบางระจัน

- ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร

- ย่าโม

- พ่อขุนรามคำแหงเป็นคนไทย

- แนวคิดแผนที่ประเทศไทยที่ใหญ่ๆ กินไปทั้งเขมร ลาว และประวัติศาสตร์การเสียดินแดน 10 ครั้ง ที่เรานั่งดูกันเป็นคลิป ก็เกิดขึ้นตอนที่ ป. คิดจะไปตีฝรั่งเศส

ประวัติศาสตร์ไทยในโรงเรียน ประถม - มัธยม ฝีมือ ป. ทั้งนั้นแหละ

วิธีการเลือกเขียนประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรฉลาดมาก อย่างทำไมโคราช ต้องเป็นย่าโม ทำไมชัยภูมิต้องเป็นพระยาภักดีชุมพล เพราะเป็นพื้นที่ที่มีลาวเยอะ เลยต้องเลือกประวัติศาสตร์ที่ต่อต้านลาวไง ให้คนลาวเรียกว่าบรรพบุรุษตัวเองต่อต้านลาว จะได้เกลียดลาว แล้วกลายเป็นคนไทย

สุดท้ายมันจะจบที่ บรรพบุรุษเราต่อสู้หลั่งเลือดปกป้องแผ่นดินไทยมา รักชาติกันเถอะเสมอ
.
.
5. ศาสนาพุทธ

จริงๆทั้ง ป. และ ปรีดี เป็นคนเคร่งศาสนา

ป. รวมเอา ศาสนาพุทธเข้าสู่ความเป็นชาติไทย ในสามสีของธงชาติ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ - ศาสน์ ที่ว่าหมายถึงพุทธ

ป. ตั้งโครงการแปลพระไตรปิฏกเป็นภาษาไทย (ก่อนนี้เป็นบาลี)

โรงเรียนของรัฐให้เด็กทุกคนสวดมนต์ และเรียนพิธีกรรม คำสอนของศาสนาพุทธ

ป. ยังจัดให้มี องค์กรสงฆ์ เพื่อร่วมพลังในการขยายศาสนา และงบประมาณในการสร้างวัดเพิ่ม

เป้าหมายหลัก ที่ ป. สู้ด้วยคือ ศาสนาถือผี และกีดกันพวกถือผีด้วยข้อหาเป็นวัฒนธรรมเก่าไม่อารยะ

ศาสนาพุทธถูกจัดเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของคนไทย คนไทยต้องนับถือพุทธ

ในช่วงที่ ป. ทำสงครามกับฝรั่งเศส ความคิดนี้ทำให้คนไทยกดขี่ชาวคริสต์อย่างหนัก เพราะคิดว่าพวกนับถือคริสต์เนี่ยนิยมฝรั่งแน่ๆ ทำให้มีการเผาโบสถ์และมีคนโดนยิงตายเพราะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาไป7คน ทุกวันนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โบสถ์สองคอน มุกดาหาร

วัฒนธรรมพระเครื่องยังเริ่มสมัย จอมพล ป. ด้วยครับ เพราะสมัยนั้นมีเครื่องพิมพ์แล้ว กลายเป็นของดีเมืองไทยจนทุกวันนี้
.
.
6. กองทัพไทยสมัยใหม่

จอมพล ป. น่าจะเป็นแม่ทัพไทยคนเดียวที่รบชนะยุโรป จริงๆจังๆ มีอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งเด็นเป็นสง่าฉลองชัยชนะที่มีต่อฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีน (คนกรุงเทพผ่านแทบทุกวัน แต่ไม่ค่อยรู้กันว่าชัยสมรภูมิไหน)

แนวคิดทางยุทธศาสตร์ภาพรวมของ ป. ค่อนข้างดีจริงๆ คือรู้ว่าใครอ่อนแอให้ตี ใครแข็งแกร่งให้เป็นพันธมิตร

และด้วยการสนับสนุนของญี่ปุ่น กองทัพไทยในสมัยสงครามโลกนั้นใหญ่ขึ้นอีก 10 เท่าตัว จากก่อนหน้านั้น และค่อนข้างทันสมัย ในมาตรฐานสมัยนั้น

กองทัพไทยมีศักยภาพพอที่จะผลิตบุคลากรได้ด้วยตัวเอง เลยไม่ได้ส่งนายทหารไปเรียนเมืองนอกอีกแล้ว

พอสงครามโลกครั้งที่สองจบลง รัฐบาลพลเรือนต้องการจะยุบ แต่ทำไม่ได้ ผลคือกองทัพก็รัฐประหารเอา ป. กลับมาอีกครั้ง

แต่ ป. เองก็ควบคุมลูกน้องตัวเองที่กุมกำลังจริงๆไม่ได้ และลูกน้องรุ่นต่อๆมาๆไม่ได้จบนอกเหมือน ป.

อย่างไรก็ตาม แนวคิดชาตินิยมและประวัติศาสตร์ แบบ ป. ก็ฝังลงในกองทัพแล้ว
.
.
7. ป. พยายามสร้างวัฒนธรรม ประชาธิปไตยแบบ ป. ซึ่งไม่สำเร็จ

เป็นประชาธิปไตยที่เชิดชูรัฐธรรมนูญ พยายามทำให้เป็นสถาบันหลักทางการเมือง

อันที่จริงในสมัย ของ ป. นั้น มีรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งเปิดทำการตลอด แม้ในสมัยสงคราม

ทุกครั้งที่ จะออกกฎหมายอะไร ป. จะเสนอต่อรัฐสภา และถ้าไม่ผ่านก็จะลาออก (ซึ่งรัฐสภาก็จะเลือก ป. กลับมา)

ป. ลาออกบ่อยมากๆ แต่ก็กลับมาทุกครั้ง

แต่ถึงแบบนั้น ป. ก็ไม่ได้ประชาธิปไตย 100% เพราะมันขัดแย้งกับความเป็นฟาสซิสม์ของแกเอง ป. เลยไปหาทางจัดการกับ ส.ส. ที่เป็นศัตรูทางการเมืองของแก มากกว่าจะปิดสภา

แต่มันก็ดีกว่าสมัยต่อๆมา ที่ไม่มีสภาซึ่งมาจากการเลือกตั้งเลย
.
.
ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้เลย ที่จะยกเลิกมรดกของ คณะราษฎร

คนที่คิดแบบที่ ป. สร้างขึ้น ไม่เชื่อด้วยซ้ำว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น

เพราะสุดท้ายแล้ว พวกฝ่ายที่บอกว่าตัวเองเกลียดคณะราษฎร ก็เกลียดโดยยืนอยู่บนมรดกของ ป.

สุดท้ายประเทศไทยก็เป็นการตีกันของฝ่ายขวาซึ่งเป็นมรดกที่ ป. สร้างไว้ กับ ฝ่ายซ้ายที่เป็นมรดกของ ปรีดี อยู่ดี

แต่ทั้งๆที่ ป. ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ใครๆก็เกลียด ป. ฝ่ายขวาเขาหันไปนิยมสถาบันกษัตริย์เลยเกลียด ป. ที่เป็นคณะราษฎร ส่วนซ้ายก็เกลียดเผด็จการฟาสซิสม์มาแต่ไหนแต่ไร

ซึ่งจริงๆก็สมควรที่จะโดนทุกคนเกลียด เพราะ ป. เนี่ย ทั้งเนรเทศ ทั้งลอบสังหาร ทั้งสั่งประหาร เยอะแยะ

จริงๆตอนที่เรียนผมก็เกลียด ป. หนักอยู่เหมือนกัน ป. ทำให้ คนลาวในไทยสูญสิ้นวัฒนธรรม และความภาคภูมิใจของเผ่าพันธ์ ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นลาว

แต่มันช่วยไม่ได้ ถึงเราจะเป็นลาว จีน ญวน หรืออะไร แต่เราก็ถูกทำให้เป็นไทย แบบ ป. ไปแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เกิดวัฒนธรรมผสมผสานขึ้น (ที่เรียกว่า วัฒนธรรมอีสาน วัฒนธรรมไทยจีน ฯลฯ)

พอคิดดีๆ ผมก็ไม่ได้ชอบวัฒนธรรมเก่าขนาดนั้น

สุดท้ายแล้ว มันเลยอยู่ที่ตัวของเราในปัจจุบันเองว่าจะสร้างวัฒนธรรมอย่างไรขึ้นในอนาคต


Starless Night - Harit Mahaton