วันพฤหัสบดี, เมษายน 19, 2561

อันนี้ต้องอ่านเอง หุหุ คนที่เขาเคยถูกคสช.จับ เขายังโกรธทรูอยู่ เพราะจนท.รู้เรื่องการสื่อสารทุกอย่าง ทั้งที่ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใดๆ จนท.ยอมรับเอง สืบจาก “เน็ตบ้านน้อง”




ooo


เมื่อวาน Harit โพสต์เรื่อง True เลยทำให้เราจำอะไรบางอย่างได้ เลยอยากจะแชร์ประสพการณ์นี้ให้มิตรสหายฟัง ถือว่าเป็น "ข้อมูล" อีกด้านหนึ่งก็แล้วกัน

เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โดนจับตอนทำเพจ8แอดมินเรารักประยุทธ์ ทุกคนคงทราบว่าเราถูกทหารมาล็อกตัวถึงบ้านคลุมหัวปิดตาพาไปค่ายทหาร เพื่อนๆโดนเหมือนกัน (วันที่27 เม.ย. นี้ครบสองปีละ โคตรไว ตังค่ารั้วบ้านที่แมร่งพังเข้ามายังไม่ได้ซักบาท)

วันที่เราเข้าไปในค่าย (ผมมาถึงคนแรกๆ Harit มาถึงเย็นๆ เพราะถูกพาตัวมาจากขอนแก่น) ช่วงสอบสวน ทหารได้ปริ้นท์คอนเท้นต์งานต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับคดี เพื่อมาสอบถามว่านี่เป็นของคุณใช่หรือไม่? ผมก็ตอบว่า "ถ้าใช่แล้วผิดตรงไหน บอกมาหน่อยตรงไหนที่ผิดกฏหมาย ภาพ , โพสต์ หรือข้อมูลในภาพ ในโพสต์?" เขาก็ว่าไม่ได้ผิดอะไร เอามาถามเฉยๆ

เสริมนิดหนึ่ง *รู้แม้กระทั่ง "โทร" หาใครเวลาไหน อย่างไร ในช่วงสองสามสัปดาห์นั้น หรือคุยกับใครก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำไป (ขณะนั้นเรายังไม่ได้ทำการปลดล็อคโทรศัพท์ให้เขาด้วยลายนิ้วมือ รหัสอะไรเราไม่ยอมบอกทั้งหมด)*

ผมถามกลับคำหนึ่ง คือสงสัยมานานแล้ว กูจะเก็บตายห่าอยู่ในนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ขอคำตอบหน่อยก็แล้วกัน ผมถามเขาว่า "พี่รู้ได้ไง ทั้งๆที่วินาทีนี้ ผมยัง 'ไม่ยินยอม' ที่จะให้แอคเค้าท์ Facebook หรือแม้กระทั่งรหัสปลดล็อดมือถือ ของของผมแก่พี่? (ขณะนั้น เขายังปลดล็อกมือถือผมไม่ได้)

เขาก็ยังไม่ตอบ แฉล่บไปสอบเรื่องอื่น คุยเรื่องครอบครัว บลาๆๆๆๆ

จนกระทั่งสักพัก ผมกับพนักงานสอบสวน อยู่กันสองคน ทหารแม่งลงไปกินข้าวละ เราก็คุยกันลึกขึ้นกว่าตอนที่ทหารอยู่ คุยไปคุยมา เขาถามผมว่า "คำถามที่น้องถามว่าพี่รู้ได้อย่างไร ว่าน้องโพสต์คอนเท้นต์?" ผมก็ อืมๆ ใช่พี่ ผมถามพี่นั่นแหละ

"น้องใช้เบอร์มือถือของค่ายไหน?" ผมตอบไปว่า ผมใช่ "Ais กับ True"

"แล้วเน็ตบ้านน้องหละ?" พนักงานสอบสวนถามขึ้นอีกครั้ง แล้วผมตอบว่า "ใช้ True พี่"

พนักงานสอบท่านนั้นตอบกลับมาว่า "นั่นแหละ"

คือแม่งเป็นคำตอบสั้นๆ ที่ทำให้ผมย้อนคิดถึงเรื่องนี้หลายขั้นตอนหลายวาระ จนถึงตอนนี้

หนึ่งในแปดแอดมินเรา ที่โดนจับ และใช้เน็ตบ้าน True ก็โดนยกกล่องเล้าท์เตอร์ไปเข้าค่ายทหารด้วย

เราเคยคุยเรื่องนี้กับปอนด์ (Harit) โมโหเรื่องนี้มาก Harit กับเราคิดเหมือนกันคืออยากจะฟ้องแม่งสักตั้ง แต่ทนายคดีเราขอไว้ก่อน เก็บไว้เมื่อมีวาระโอกาส

ตอนแรกเราพยายามเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง แต่ทุกคนไม่เชื่อเรา ยังคิดว่า คสช.ทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ความสามารถยังไม่ถึงกับการจะแฮคข้อมูลประชาชนได้ถึงขนาดนั้น พอเวลาไปเรื่องนี้ให้ใครฟัง มันเหมือนเราพารานอยด์ไปเอง

พอวันหนึ่ง รบ.พยายามจะผ่าน พรบ.ตัวหนึ่ง ที่ให้ขอข้อมูลออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องใช้หมายศาล เรายิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น ว่า รัฐบาลทหาร สมารถทำเรื่องพวกนี้ได้จริง และกำลังทำให้เป็นเรื่องถูกกฏหมาย

และยิ่งกรณี มีข่าวข้อมูล True รั่วออกมาจำนวนมาก ช่วงปี 59-60 และ พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ "ไม่ต้องตกใจ หลุดแค่นี้จิ๊บๆ" เรายิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่า เราก็คงเป็นหนึ่งใน "ผู้ถูกกระทำ" ในเรื่องนี้ ว่าเราโดนจริงๆ

ที่เล่ามานี้ ผมไม่ได้ชี้ชวนให้ทุกคนต้องเชื่อเหมือนผมแต่อย่างใด

ผมแค่อยาก "ถ่ายทอด" สิ่งที่เคยโดนมาและมันไม่ควรที่จะเป็นเรื่องที่ "ถูกทำให้ลืม" อีกต่อไป....

จากผู้ประสพภัย