วันศุกร์, เมษายน 20, 2561

‘หญิงหน่อย’จัดหนัก คสช.บอกชัดเจน ดึง’สนธยา’ร่วม รบ.หาเสียงหนุน นั่งนายกฯต่อ




“คนแต่งตั้งกับที่มาจากประชาชน ถ้ามาจากระบอบประชาธิปไตย อำนาจจะต้องมาจากประชาชน แต่นี่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มาตั้งคน 250 คน แล้วให้มีอำนาจเท่ากับคนที่ประชาชนเลือก มันคือการปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจที่ชัดเจนอยู่แล้ว รวมทั้งตัดสิทธิของประชาชนออกไปเยอะมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเข้าสู่ประชาธิปไตยของเรา ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างแน่นอน และไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่แท้จริงจากกลไกที่วางไว้ ทุกคนยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงตัวให้เกิดความชัดเจนว่าจะเข้าสู่การเมือง ด้วยวิธีการที่เปิดเผยชัดเจน อย่างตรงไปตรงมา แสดงตัวมาเลยว่าสังกัดพรรคนี้ นักการเมืองที่เข้าสู่การเมืองก็ประกาศตัวชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน ถึงแม้ว่า คสช.จะได้เปรียบหลายอย่างจากวิธีการที่อำพรางไว้ แต่ก็ควรเปิดเผยเพื่อความสง่างามในการกลับเข้ามา แล้วให้ประชาชนตัดสินใจเลือก”
.
“ขณะเดียวกันช่วงที่อยู่ในอำนาจ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะไม่ทำอะไร ที่ไปเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองหรือพรรคการเมืองอื่นๆ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ มีการตั้งคำถามว่า งบไทยนิยมยั่งยืน ถูกมองได้ว่าปูฐานเสียง ใช้อำนาจเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองพรรคอื่นๆ ในขณะที่ตนเองมีมาตรา 44 ห้ามทุกพรรคทำกิจกรรม แต่กลับใช้อำนาจและงบประมาณอย่างเต็มที่ และฝ่ายเดียว ลงไปสร้างฐานเสียง อย่างนี้ก็ไม่ใช่กติกาที่ยุติธรรม ไม่ใช่สิ่งที่เป็นสุภาพชนที่ควรจะทำ เป็นการเอาเปรียบในทุกมิติ ไม่เหมาะสม ถ้าเงินจำนวนนั้นทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จริงๆ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่จะสนับสนุนกันได้ แต่งบที่ลงไปสู่รากหญ้าไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมาได้เลย แสดงว่าเงินไม่ได้ลงไปสู่รากหญ้าอย่างแท้จริง สุดท้ายกลายเป็นว่าทำเพื่อคะแนนเสียง”
.
“วันนี้หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองจะต้องคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาตลอดตั้งแต่การปฏิวัติ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องให้กับชาวบ้าน ใช้กฎหมายอำนวยความสะดวก ไม่ใช่ไปปิดกั้นในยุคที่เทคโนโลยี ซึ่งต้องมองสิ่งที่พรรคการเมืองทำให้ประชาชนมากกว่ามองถึงเกมการแย่งอำนาจ ต้องเป็นการเมืองใหม่ บางพรรคที่ยังทำการเมืองเก่า พูดป้ายสีกันน่าจะหมดยุคแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่แข่งกันเพื่อหาทางออกให้กับประชาชน”
.
เมื่อถามว่า การที่ คสช.ดึงพรรคกลางไปรวม จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับไปสู่การเป็นพรรครัฐบาลได้ยากขึ้นหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคการเมืองคือการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เมื่อเสนอแล้วให้ประชาชนตัดสินใจในวันเลือกตั้ง ประชาชนตัดสินใจอย่างไร ทุกพรรคต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ทุกพรรคต้องยอมรับผลนี้ หากไม่ยอมรับ บ้านเมืองที่วุ่นวายมาเป็น 10 ปีก็เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเชื่อมั่นประชาธิปไตยมาตลอด ผลเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็เคารพ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่คิดว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว และไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีเลือกตั้งใน ก.พ. 62 หรือไม่ ต้องไปถามผู้อำนาจ แต่เชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเร็ว

(https://www.matichon.co.th/news/921302)